'หมอริท'  เปิดใจถูกยกเป็น 'ฮีโร่ข้างถนน' 

     ทีมบันเทิงคมชัดลึก - จากกรณีที่มีคลิปและภาพของ "ริท"  เรืองฤทธิ์ หรือ หมอริท เดอะสตาร์ เข้าไปช่วยผู้ได้รับบาดเจ็บจากอุบัติเหตุ จนได้รับเสียงชื่นชมอย่างมากในโลกโซเชียล ล่าสุด บันเทิง คมชัดลึก ได้ต่อสายตรงถึง "หมอริท" เพื่อถามถึงเหตุการณ์ความช่วยเหลือครั้งนี้ 
 

    เล่าถึงเหตุการณ์เมื่อวันนั้นหน่อย
    “วันนั้นริทจอดรถติดไฟแดงอยู่ตรงแยกคลองตัน-เอกมัยเหนือ ระหว่างติดไฟแดง ช่องทางที่ไฟเขียวเกิดชนกัน เป็นรถโม่ปูนกับรถจักรยานยนต์ แล้วริทเห็นภาพผู้ขี่จักรยานยนต์นอนอยู่ใต้รถปูนแล้ว ก็น่าจะได้รับบาดเจ็บ พอไฟเขียวริทเลยรีบขับรถไปใกล้ๆ แล้วจอดรถข้างทางแล้ววิ่งไปดู ซึ่งก็เห็นเป็นผู้ชายนอนอยู่กับพื้นขาผิดรูป ริทก็เลยเข้าไปประเมินเบื้องต้น ก็คือดูการหายใจ ดูชีพจรอะไรพวกนี้ เราก็ดูบาดแผลเลือดออก และก็บอกให้คนรอบข้าง เพราะตอนนั้นมีพี่วินมอเตอร์ไซค์ และคนที่เดินอยู่แถวนั้นพอดี เขามุงๆ กันอยู่ ริทเลยบอกให้เขาโทร 1669 เรียกรถพยาบาลมา เพราะตอนนั้นทุกคนสติเหมือนกำลังแตกตื่น ยังทำตัวกันไม่ถูก ริทเลยรีบบอกให้เขาโทร พอเขาโทรไปริทก็รายงานว่าเป็นเคสอะไร เป็นอุบัติเหตุแบบไหน แล้วก็บอกว่าคนไข้เป็นยังไงบ้างในตอนนั้น แล้วขอทีมแพทย์มาช่วยด้วย

 

      ซึ่งทาง 1669 ก็บอกว่าเดี๋ยวจะประสานงานและส่งรถพยาบาลมา ซึ่งริทก็อยู่ตั้งแต่ยังไม่มีใครมา ริทเองไม่ได้มีอุปกรณ์อะไรก็ดูแลได้แค่เบื้องต้น เพราะในตอนนั้นที่เราสังเกตเห็นคือปลายเท้าคนไข้เริ่มซีด เหงื่อออกเยอะแล้วก็ตรวจชีพจร ซึ่งชีพจรตอนนั้นเขาเริ่มเต้นไปทางช้าลง ซึ่งเราประเมินว่าเขามีโอกาสที่จะช็อค ริทเลยไปไหนไม่ได้เลยต้องอยู่ดูเขา จนกว่ารถเจ้าหน้าที่จะมาถึง”

 

 

 

    ตอนนั้นเขารู้ไหมว่าเราเป็นหมอ 
    "ทราบครับ เพราะว่าพอริทเดินเข้าไปก็แนะนำตัวก่อนว่า "สวัสดีครับผมเป็นหมอนะครับ แต่ไม่ได้บอกว่าเป็นหมอริทนะ" แล้วก็แจ้งเขาว่า "ผมขออนุญาตช่วยดูนะครับ" ซึ่งตอนนั้นคนที่มุงดูกันอยู่ก็พูดขึ้นมาว่าหมอมาพอดีเลย ให้คนอื่นหลีกทางหน่อยให้หมอช่วยดู คือตอนนั้นเหมือนเขาก็กำลังต้องการคนช่วยอยู่พอดี”

 

    ตอนนั้นดูเหมือนทุกคนไม่รู้ว่าเป็น "หมอริท"
    “เขาน่าที่จะไม่รู้ เพราะริทเองก็ไม่รู้ว่ามีคนไลฟ์สดอยู่ เพราะริทเองก็ก้มหน้าช่วยคนเจ็บ ซึ่งเพิ่งมาเห็นว่ามีกล้องก็ตอนที่นำคนเจ็บขึ้นรถพยาบาลแล้ว ซึ่งริทเดาว่าพี่คนที่ไลฟ์มาพร้อมกับรถพยาบาล”

 

    พอภาพและคลิปมันถูกแชร์ไป กระแสตอบรับกลับมาที่เราเป็นยังไงบ้าง
    "คือ...การที่ริทใส่แมสปิดปากลงไป ริทมีความตั้งใจที่ไม่อยากให้คนตรงนั้นเห็นด้วยว่าเป็นหมอริท ในตอนนั้นไม่ได้คิดว่าจะต้องมีใครมาถ่ายคลิป หรือถ่ายรูปอะไร อย่างที่บอกว่าริทหันมาอีกทีก็เจอพี่เขากำลังไลฟ์อยู่ ซึ่งถ้าใครเห็นในคลิปก็จะรู้ว่า เราพยายามเดินกลับไปที่รถให้เร็วที่สุด เพราะริทเองก็ไม่อยากให้ใครรู้ว่าเป็นริท

 

     ตอนแรกที่เราลงไปแล้วใส่แมสเพราะไม่อยากให้คนเห็นว่าเป็นเรา เพราะกลัวว่าคนจะโฟกัสผิดจุด กลัวว่าคนจะมาดูริทแทนที่จะไปช่วยคนเจ็บ ก็เลยเลือกที่จะใส่แมสลงไป เพราะตอนนั้นเราเองก็เพิ่งตรวจเสร็จ ก็เลยมีแมสพอดีเลยเลือกที่จะใส่แมสลงไป แล้วเมื่อตอนช่วยเสร็จ พี่คนที่ถ่ายคลิปเขาก็ชมริทเยอะก็รู้สึกเขินๆ  พอเห็นว่าคนไข้ขึ้นรถพยาบาลแล้ว ริทก็เลยรีบขอตัวออกมาแต่พี่เขาก็ยังตามถ่ายต่อ"

 

 

 

    ปกติเจอเหตุการณ์แบบนี้บ่อยไหม
    “จริงๆ มันก็มีเจอบ้าง แต่ส่วนใหญ่ที่เจอก็คือมีรถพยาบาลมาแล้ว และมีคนช่วยเหลือแล้ว ซึ่งถ้าเป็นสถานการณ์แบบนั้นการที่เราจะลงไปช่วยมันก็ไม่ได้มีความจำเป็นเท่ากับเหตุการณ์นี้ที่มันเกิดต่อหน้าริท ซึ่งเรารู้สึกว่าถ้าเกิดจะต้องรอหมออาจจะต้องใช้ระยะเวลาอีกสักพักหนึ่งเลย ซึ่งผู้บาดเจ็บต้องการการปฐมพยาบาลเบื้องต้น ในสถานการณ์นั้นริทน่าจะช่วยได้เร็วสุด เพราะตอนนั้นเราไม่รู้ว่าคนไข้เป็นยังไง ริทเลยต้องจอดรถและลงไปดูก่อน และก็เป็นอย่างที่ริทบอกว่าจะต้องอยู่ยาวจนจบจนทีมแพทย์มา"

 

    ระยะเวลาระหว่างเหตุการณ์จนคนไข้ขึ้นรถพยาบาลเป็นเวลานานเท่าไหร่
    “ตั้งแต่เกิดอุบัติเหตุจนถึงริทลงไปรวมถึงคนไข้ขึ้นรถพยาบาลน่าจะประมาณ 30 นาทีได้ ซึ่งระหว่างที่รถพยาบาลยังไม่มาและริทดูแลคนไข้ในเบื้องต้นก็น่าจะประมาณ 10-15 นาที คือรถพยาบาลมาเร็วมาก ซึ่งตอนที่โทรไปแจ้ง 1669 ริทก็รายงานตัวกับเขาว่าริทเป็นหมอที่บังเอิญมาเห็น แล้วก็แจ้งเขาว่าตอนนี้เราช่วยดูที่สถานการณ์อยู่ ซึ่งพอเรารายงานละเอียดถึงสภาพของคนไข้ว่าเป็นแบบนั้นแบบนี้ ทำให้เขาเข้าใจเร็วขึ้น และทำให้เขาส่งทีมมาค่อนข้างไว”

 

 

 

    กระแสคนชื่นชมเยอะมาก
    “ริทก็ไม่คิดว่าจะมีกระแสคนชมลงโซเชียลเยอะขนาดนี้ ริทมองว่าเอาง่ายๆ ก่อนเลยนะ ในเรื่องของการช่วยเหลือไม่ว่าจะเป็นหมอหรือไม่ใช่หมอ คนที่อยู่ในเหตุการณ์ตามหน้าที่ของพลเมือง ก็ควรเข้าไปให้ความช่วยเหลือกับคนที่ได้รับบาดเจ็บช่วยเท่าตามกำลัง อย่างคนทั่วไปที่เขาอยู่ในละแวกนั้น เขาช่วยได้ก็อาจจะช่วยพัด ช่วยให้ยาดม ช่วยตามรถพยาบาลช่วยกันรถที่วิ่งอยู่ในตอนนั้น ก็คือช่วยอะไรที่เขาช่วยได้อย่างที่ริทลงไปไม่มีอุปกรณ์อะไร สิ่งที่ช่วยได้คือประเมินชีพจร หรืออะไรที่มันเป็นอันตรายต่อชีวิต สมมติว่าตอนนั้นคนไข้ความดันตก หัวใจหยุดเต้น ริทก็อยู่สแตนบายเพื่อรอปั๊มหัวใจเลย คือริทคิดไปถึงขั้นนั้นเลยไปไหนไม่ได้ ซึ่งมันเป็นการช่วยเหลือในเบื้องต้น เพราะเราเองไม่ได้มีอุปกรณ์อะไร ถ้ามีเรื่องถึงชีวิตเราสามารถเทคแอ็คชั่นช่วยเขาได้ในทันที”

 

    อยากบอกอะไรถึงคนที่เขา ชื่นชมเรามากขนาดนี้
    “อื้อ...ก็...ขอบคุณทุกคนที่ชื่นชม ก็ขอบคุณที่เห็นคนทำดีแล้วก็สนับสนุน จริงๆ แล้วมันไม่ใช่แค่ว่าเป็นริทหรอก คือริทรู้สึกว่าไม่ต้องมาชมเราก็ได้ เพราะรู้สึกว่ามันเป็นสิ่งที่เราทุกคนต้องทำโดยสัญชาตญาณ เวลาที่มีคนต้องการความช่วยเหลือแบบนี้เกิดขึ้น ซึ่งถ้าใครมองแล้วชื่นชมริทก็อยากให้มองว่าเป็นตัวอย่างที่ดีที่อยากให้ทุกคนทำบ้าง ถ้าครั้งหน้ามีอะไรเกิดขึ้น คนเราจะได้เลือกที่จะช่วยเหลือกันก่อน ถ้าเราไม่ได้ติดอะไรสำคัญ ก็ช่วยเหลือกันก่อนเพราะว่ามันเป็นชีวิตของเพื่อนมนุษย์ ช่วยเท่าที่เราช่วยได้”