
'บี้' ซุ่มทำงานเบื้องหลัง
"บี้" สุกฤษฏิ์ วิเศษแก้ว เผยช่วยงานเบื้องหลังที่ "ช่องวัน 31" มาหลายปี แต่ไม่พร้อมลงไปทำเต็มตัว พร้อมแจงไม่ได้ต้องการแย่งเครดิตใคร
ทีมบันเทิง คมชัดลึก - ซูเปอร์สตาร์หนุ่ม “บี้” สุกฤษฏิ์ ที่ลุยงานเบื้องหน้ามาทั้งงานเพลงและงานแสดง แต่เมื่อผู้สื่อข่าวถามถึงงานเบื้องหลังว่าสนใจที่อยากจะทำไหม พระเอกชื่อดังเลยเล่าให้ฟังดังนี้
วางแผนปีหน้าไว้ยังไง
"แผนปีหน้าไม่ได้วางไว้เลย ในปีก่อนๆ เคยวางแผน สมมุติว่าวางแผนไว้ 5 ปี ปรากฏว่าโลกเปลี่ยนเร็ว ก็ไม่ได้แผนพัง เปลี่ยนเป็น 2 ปี โลกเปลี่ยนเร็วอีกแผนพัง เปลี่ยนเป็น 1 ปีโลกเปลี่ยนเร็วแผนพัง เราเลยรู้สึกว่างั้นไม่เป็นไรไม่ว่าง เดี๋ยวไปดูว่าปีหน้าเราจะทำอะไรดูด้วยตัวเอง อย่างตอนนี้เรายังสนุกกับการร้องเพลงตามที่ต่างๆ ยังสนุกกับการทำเพลงร้องเพลงเก็บไว้ แต่ว่าเรายังไม่มีแผนที่ว่าจะปล่อยเพลงเมื่อไหร่ หรือแผนที่ว่าจะเล่นละครเมื่อไหร่ก็มีแค่ว่าทำเบื้องหลังเก็บไว้"
อยากหันไปทำงานเบื้องหลังบ้างไหม
"ถามว่าอยากทำงานเบื้องหลังไหมณเวลานี้ยังไม่อยาก ผมขอเป็นที่ปรึกษาอย่างไม่เป็นทางการ จะดีกว่า อย่างเช่นเมื่อมีบทละครหรือบทซิทคอม series ต่างๆของทางช่อง เขาก็จะมีมาให้เราช่วยดูเรื่องมุขหรือเรื่องของบทละคร ก็จะมีมาถามความเห็นเราบ้าง แล้วความเห็นของเราถือว่าเป็นความเห็นที่มีน้ำหนักพอสมควร เพราะว่าเราอยู่วงการมาค่อนข้างเยอะ มันจะเป็นอย่างนี้ซะมากกว่าแต่ถ้าจะให้เราเข้าไปร่วมเต็มๆเรารู้สึกว่าเราไม่เอาเกินไป เพราะเราเห็นว่าทุกคนทำงานหามรุ่งหามค่ำ รู้สึกว่ามันจะเกินกำลังของเราไปหน่อย ขอเป็นผู้ช่วยดีกว่าผู้ช่วยแบบไม่เป็นทางการ"
ที่มีส่วนร่วมให้ความคิดเห็นเป็นซิทคอมละครที่เราเล่นเองเท่านั้นหรือเรื่องอื่นๆที่เราไม่ได้เล่นด้วย
"มีทั้งเรื่องที่เราแสดงเองและเรื่องที่เราไม่ได้แสดง เขาจะเรียกเราเข้าไปในห้องไปช่วยดูบทบ้างไปช่วยดูมุขบ้างเพราะว่าเราจะมีเซ้นส์ในเรื่องของการเล่นซิทคอมรวมถึงมุขขำๆ ถือว่าเราเป็นตัวแทนของคนดูในอีกรูปแบบหนึ่งอย่างเช่นคนอื่นอาจจะขำกับมุขนั้น มุขนี้ แต่เราอาจจะขำกับมุขโน้น เขาก็จะมาถามว่าทำไมเราขำกับมุขนี้ตัวละครตัวนี้ควรเป็นแบบไหนเราก็จะให้คำปรึกษาเขาไปส่วนเขาจะเลือกใช้หรือไม่ใช้มันเป็นอีกเรื่องหนึ่ง จริงๆผมเป็นเบื้องหลังอย่างไม่เป็นทางการอย่างในเรื่องของเพลงก็แทบจะทุกขั้นตอนเราเลือกที่จะให้เครดิตคนทำเพลงที่เขาเป็นโปรดิวเซอร์ดีกว่ามันเป็นเครดิตของเขาเป็นผลงานของเขาและเขาสามารถต่อยอดไปซึ่งตัวเราเองไม่ได้หวังในสิ่งนี้ เราขอไปช่วยดีกว่า"
ทำตรงนี้มานานแค่ไหนแล้ว
"ทำมานานหลายปีแล้วนะคือเริ่มมาจากการที่เราชอบสอดรู้สอดเห็น (หัวเราะ) เมื่อก่อนเราเป็นเรื่องน่าและมีโอกาสได้เข้าห้องประชุมต่างๆ โดยมีเบื้องหลังคอยสนับสนุนยังไงให้เบื้องหน้ามันดูดี ดัง ประสบความสำเร็จเราก็ไปสอดรู้สอดเห็นไปฟังเวลาเขาประชุมเรื่องเหล่านั้น เริ่มจากการฟังและก็เริ่มเก็บเข้ามาพอนานๆเข้าเข้าห้องประชุมเราก็พัฒนาเพื่อแสดงความคิดเห็นเริ่มจากในส่วนของงานของเราเองว่าเราจะทำยังไงให้ออกมาเป็นอย่างนั้นอย่างนี้พอสักพักเราก็เริ่มไปวุ่นวายด้วยกันไปแสดงความคิดเห็นว่าจะทำยังไงให้คนนั้นคนนี้เป็นอย่างนั้นอย่างนี้ (หัวเราะ) ก็คือถ้ามีโอกาสเขาว่างเขาก็จะเชิญเราเข้าไปร่วมแจม"
ชอบงานแบบนี้ไหม
"ถ้าทำงานเบื้องหลังไม่ชอบ แค่ไปเพื่อให้ความคิดเห็นอย่างไม่เป็นทางการแค่นี้สมองเราสบาย และไม่ต้องรับผิดชอบอะไรอีกอย่างคือคนก็ต้องการเพราะการได้รับความคิดเห็นจากเรามันไม่ผ่านแรงกดดันความคิดเห็นของเราจะเป็นความคิดเห็นที่จริงถูกต้อง และได้ความบันเทิงส่วนท่านอื่นๆก็จะมีเรื่องของภาระหน้าที่การงาน เขาเลยชอบที่จะเอาผมเข้าไป"
อยากมีสักครั้งไหมที่ทำเบื้องหลังโดยใส่เครดิตที่เป็นชื่อของตัวเอง
"คิดว่ายางจริงๆช่วงหลังๆผมก็ทำงานของตัวเองแทบจะทุกขั้นตอนตั้งแต่เริ่มจาก 0 จนถึงร้อย แต่ว่าผมมีความรู้สึกว่านักแต่งเพลง หรือคนทำเพลง เครดิตมันสำคัญสำหรับเขา เพราะฉะนั้นผมให้เขาดีกว่า แต่ถามว่าวิธีการทำหรือเบื้องหลัง ผมเองทำค่อนข้างเยอะ แต่การที่เราจะไปเอาเครดิตมา คือเราไม่ได้ต้องการอยากได้เราอยากที่จะให้ มากกว่า ผมร้องเพลงผมเองก็มีความสุขการให้เครดิตโปรดิวเซอร์ก็คือการให้ความสุขกับเขา แถมเขายังได้เปอร์เซ็นต์จากงานด้วย ผมเองไม่ได้มีปัญหาเรื่องเงิน ไม่ได้มีปัญหาเรื่องชื่อเสียง แค่ผมเห็นเขายิ้ม มีความสุขกับเครดิตที่เขาได้ อย่างนี้มันดีมากกว่าการที่เราจะไปเทคเครดิตมา เป็นชื่อโปรดิวซ์ by บี้-สุกฤษฎิ์และทำอย่างนั้น ผมได้อะไร ทำทำไมมันไม่ได้มีประโยชน์ ผมให้เขาดีกว่า"
อย่างในอนาคตล่ะอยากทำเบื้องหลังเป็นเครดิตเราไหม
"ก็ยังอยู่ดีนั่นแหละอยากเป็นที่ปรึกษาเล็กๆดีกว่า เป็นที่ปรึกษาหักไข่ต้องการคำปรึกษาอะไรที่เราพอที่จะรู้และไปช่วยได้ แต่อะไรที่เราไม่รู้เราก็บอกเขาตรงๆว่าขอบายเราทำไม่เป็นซึ่งมันก็มีหลายๆเรื่องที่เราไม่รู้เพราะโลกมันไปไกลมาก ก็ควรเหมาะกับคนที่รู้ในเรื่องนั้นๆซึ่งเราเองก็ต้องขอคำปรึกษาจากผู้ที่รู้เช่นกัน สำหรับผมผมรู้สึกว่าอะไรที่เป็นความรับผิดชอบที่น้อยที่สุดมันดีกว่า เพราะเวลาเราแบกภาระความรับผิดชอบเยอะ มันจะตามมาด้วยความเครียดและความกดดัน มันก็จะบันเทิงไม่ออก อย่างเมื่อก่อนเราไปร้องเพลงคาราโอเกะกับเพื่อนทำไมเราสนุก แต่ทำไมเวลาเราไปร้องเพลงบนเวทีเราไม่ได้มีความสุขเหมือนตอนไปร้องคาราโอเกะ แล้วเราก็มาเข้าใจว่าอ๋อเพราะว่าการร้องบนเวทีเรามีความคาดหวังและความกดดันซึ่งถ้าหลังจากนี้เราไปช่วยงานเบื้องหลังแบบเต็มตัว มันก็อาจจะเป็นภาระความรับผิดชอบที่ทำให้เราไม่มีความสุขเพราะฉะนั้นขอเป็นผู้ช่วยอย่างไม่เป็นทางการแบบนี้ดีกว่า"