สัมภาษณ์พิเศษ : ความท้าทายใหม่ของ 'พุฒ-พุฒิชัย' | คมชัดลึก

 

    ทีมบันเทิง คมชัดลึก - เป็นนักแสดงหนุ่มมากความสามารถคนหนึ่งของวงการบันเทิง สำหรับ “พุฒ” พุฒิชัย เกษตรสิน เพราะไม่ใช่แค่การเป็นดีเจ. พิธีกรเท่านั้น แต่หนุ่มพุฒยังเป็นพระเอกมากฝีมือที่แสดงมาแล้วหลายบทบาท และกับผลงานในตอนนี้อย่างเรื่อง “Happy Birth Day วันเกิดของนาย วันตายของฉัน” และ “สงครามนักปั้น” ก็ได้รับคำชมกับอย่างมากมายกับฝีมือการแสดง โดยเฉพาะเรื่อง “Happy Birth Day” กับบทบาทของ “ธีร์” ถึงเป็นบทบาทที่ท้าทายฝีมือมาก “บันเทิง คมชัดลึก” ได้มีโอกาสพูดคุยกับหนุ่มพุฒถึงการแสดงบทนี้

 

    @@ บท “ธีร์” เป็นบทบาทที่ท้าทายมาก 
    “คาแรคเตอร์ของธีร์ จะเป็นซูเปอร์สตาร์ เป็นคนดังที่มีปมเกี่ยวกับความรักในอดีต ที่แฟนเขาฆ่าตัวตาย โดยที่เขาไม่รู้ว่าแฟนฆ่าตัวตายเพราะเขาหรือเปล่า แล้วเขาก็ติดอยู่กับอดีตของตัวเองมา 17 ปี แล้วก็เหมือนจะเป็นโรคซึมเศร้า เป็นคนติดเหล้า ซึ่งผว่าเรื่องนี้พล็อตเรื่องน่าสนใจ เพราะว่านางเอกที่เป็นแฟนเราตั้งแต่ตอนเด็กๆ รับบทโดยน้องมายด์ ที่เขาฆ่าตัวตายไป ผ่านไป 17 ปี น้องชายเขาเกิดในวันที่พี่สาวเขาฆ่าตัวตาย น้องชายเลยไม่มีวันเกิดเลย 17 ปี จนวันหนึ่งน้องชายเขาได้ของขวัญเป็นห้องพี่สาวเคยอยู่ และได้เจอวิญญาณพี่สาวตัวเอง เขาก็สื่อสารกันได้ เราก็เลยได้สื่อสารกับแฟนเราที่ฆ่าตัวตายผ่านน้องชายเขา ผมว่าพล็อตเรื่องนี้มันแปลก น่าสนใจดี ซึ่งพออ่านปุ๊บเราอยากที่จะเล่นเลย เพราะจริงๆ ผมเองเล่นดราม่ามาเยอะ  แต่ไม่ได้เยอะมาก อย่างดราม่าหนักๆ เลยที่ผ่านมาคือเรื่องเพื่อเธอ แตเรื่องนี้เป็นดราม่าอีกแบบ เป็นอะไรที่ลึกๆ จมอยู่กับความรักครั้งอดีตที่ยังไม่ได้คลี่คลาย มันเป็นอะไรที่ท้าทาย”

    @@ ในเรื่องนี้คือต้องติดเหล้าและซึมเศร้า
    "เราไม่รู้เรียกว่าซึมเศร้าได้มั้ย ก็คงจะได้แหละ ถามว่าหน่วงไหมตอนเล่น ส่วนตัวบทของธีร์จะมีสองพาร์ต พาร์ตเด็กกับปัจจุบัน พาร์ตปัจจุบันผมเล่น พาร์ตอดีตคือน้องพัตเตอร์ (พรพิพัฒน์ พัฒนเศรษฐานนท์)  พาร์ตนั้นก็จะรักใสๆ มีจีบกัน แต่ของเราเป็นพาร์ตปัจจุบัน ที่ค่อนข้างลึกพอสมควร มันก็ท้าทายความสามารถเราดี และอีกอย่างหนึ่งซึ่งเราโชคดีมาก นักแสดงในเรื่องนี้เป็นนักแสดงที่เล่นดราม่าดีมาก อย่างน้องมายด์ที่เล่นเป็นนางเอก โห เล่นดราม่าดีมาก รับส่งให้เราเต็มที่มาก นักแสดงรุ่นใหญ่ๆ หลายๆ ท่าน อย่างพี่หนุ่ม สันติสุข พี่เอก สรพงษ์ พี่น้ำฝน สรวงสุดา พี่เง็ก พี่ท็อป ดารณีนุช ก็เป็นนักแสดงรุ่นใหญ่ที่เราสามารถเก็บเกี่ยวประสบการณ์พี่ๆ ได้เยอะมาก และมีพี่เฟี้ยวฟ้าวมาเป็นตัวละครอีกตัวหนึ่งที่ไม่ได้ทำให้ละครดีฟ ดราม่าอย่างเดียว ทำให้ละครยังมีเส้นความสนุกสนาน ให้ได้ติดตามด้วย

 

 

    @@ กระแสตอบรับเรื่องนี้ดีมาก คิดว่ามาจากสาเหตุอะไร
    "ผมว่าด้วยบทมันค่อนข้างแข็งแรง เรื่องราวน่าติดตาม ว่าทำไมทุกคนถึงมีปมเป็นของตัวเอง และทำไมธารน้ำถึงฆ่าตัวตายเพราะอะไร เป็นเรื่องราวที่ทำให้เราได้ลุ้น และเราติดตามว่ามันจะเป็นยังไงต่อไปในทุกๆ ตอน ในตอนที่เราอ่านบท สมมติส่งบทมาให้ 10 ตอน เราก็อ่านไปสักครึ่งนึง 5 ตอน ก็จะพอเดาเรื่องได้ แต่อันนี้แค่อ่านบทมันเดาไม่ได้เลยว่าตกลงใคร ทำให้ต่อมอยากรู้ ต้องอ่านให้จบเหมือนอ่านการ์ตูน จำได้ว่าได้บทมาอ่านคืนเดียวรวดเดียวจบเลย แต่เขายังส่งบทมาไม่หมดด้วยนะ จนต้องถามผู้จัดการว่าเขาส่งบทที่เหลือมาหรือยัง อยากอ่านให้จบ เพราะมันค้างคาใจมาก ซึ่งพอถ่ายทำออกมา ผมว่ามันจะเข้มข้นกว่าตอนอ่านเป็นหนังสืออีก เชื่อว่าคนดูจะติดตามและลุ้นไปกับพวกเราด้วย แล้วอีกอย่างคือพี่ฝน (ผู้กำกับฯ) ทำงานค่อนข้างละเอียดและอิสระกับนักแสดง เขาอยากให้มันออกมาจากความรู้สึกของเราจริงๆ ว่าเราเป็นตัวละครตัวนี้ เราจะสื่อออกมาเป็นยังไง อาจไม่ต้องแบบเล่นใหญ่เวอร์ อาจรู้สึกแล้วแสดงออกมาทางสีหน้า หน้าตา อากัปกิริยา ให้ออกมาเป็นฟีลของมัน พี่ฝนเขาจะบอกว่าร้องไห้ไม่ได้ไม่เป็นไรนะ แต่ขอแค่รู้สึกข้างในจริงๆ แล้วเดี๋ยวมันจะมาเองทำให้เราทำงานได้ง่ายขึ้นด้วย

    @@ เห็นว่าตอนที่อ่านบทครั้งแรก คือ “พุฒ” อินมาก 
    "อ่านแล้วติดด้วย แล้วเป็นบทละครที่เราอ่านแล้วเราร้องไห้ ในตอนนั้นรู้สึกว่าอยากเล่นเร็วๆ อยากเปิดกล้องเร็วๆ อยากไปเจอคนที่ชื่อธารน้ำจังเลย ว่าทำไมเขาถึงฆ่าตัวตาย ทำไมธีร์ถึงเสียใจ ทำไมต้องติดเหล้า เป็นโรคซึมเศร้าขนาดนี้ ก็เป็นสิ่งที่น่าค้นหาดี มันมีเส้นเรื่องของตัวละคร ของนักแสดงท่านอื่นๆ ด้วย ที่มันจะมีปมของตัวเองอย่างที่บอกไป เราอ่านแล้วรู้สึกว่าถ้าเราเป็นเขา เราจะรู้สึกยังไงวะ สมมติเราเป็นพ่อ ลูกฆ่าตัวตาย เราจะรู้สึกยังไง พอมันแทนค่าตัวละครลงไปปั๊บ มันก็น้ำตาไหล ขนลุก มันอินไปกับสิ่งที่เราได้อ่าน

 

    

     @@ มาเรื่องชีวิตนอกจอบ้าง เป็นยังไงบ้างกับชีวิตคู่ วางแผนชีวิตจากนี้ไปยังไง มีครอบครัว ไม่ได้ตัวคนเดียวแล้ววางแผนชีวิตจากนี้ไปยังไง มีครอบครัว ไม่ได้ตัวคนเดียวแล้ว
    “ก็ทำงานหาเงินสร้างครอบครัวกันไป สร้างบ้านให้เสร็จ ทำงานทั้งในวงการบันเทิงที่เรายังชื่นชอบ ทั้งดีเจ ละคร และอาจมีทำธุรกิจด้วยกันในอนาคตภายภาคหน้า ส่วนเรื่องน้อง (ลูก)  เอาตรงๆ เลยนะ อยากมี จริงๆ ตั้งใจไว้ปีหน้าถ้ามา นี่คือแบบวิธีธรรมชาตินะ”

    @@ บางคู่อยากใช้ชีวิตคู่กันสองคนก่อน ยังไม่อยากมีลูก แต่พุฒ-จุ๋ย อยากมีเลย 
    “เราสองคนชอบเด็ก ติดเด็ก เวลาเห็นเด็กจะต้องขอเข้าไปหน่อยเหอะน่ะ บางทีเด็กไม่ได้เอาด้วย ก็พยายามเข้าไปก้อร้อก้อติก เราสองคนเป็นสไตล์นี้ ก็คิดว่าถ้ามีลูกเองก็ดีเนอะ เราจะได้เล่นกับลูกเรา เราก็เลยตั้งใจไว้ว่าจะเป็นปีหน้า ธรรมชาตินะ ถ้ามานะ (หัวเราะ) ก็ไม่รู้เหมือนกัน”

 

 

    @@ มองโมเมนต์การเป็นสามี กับการเป็นพ่อไว้ยังไง
    “การเป็นสามีก็เหมือนกับเราต้องทำหน้าที่ในการดูแลเขา ทำงานหาเงิน สร้างความมั่นคง ส่วนในพาร์ตของพ่อ ก็ยังไม่รู้เหมือนกัน(หัวเราะ) คิดไม่ออก แต่ก็จะดูพ่อตัวเอง เขาเลี้ยงเรามายังไง เขาเป็นยังไงในตอนที่เราเด็กๆ ก็ได้แต่นั่งนึกภาพนั้น แต่ภาพตัวเองในอนาคตมีลูกยังนึกไม่ออก (หัวเราะ)”

    @@ ถ้ามีลูกสาวจะหวงมั้ย
    “คงหวงมั้ง (หัวเราะ) หวงแน่ๆ แหละ ไม่มั้งหรอก (หัวเราะ) แต่อยากมีลูกสาวนะ”

    ความสมบูรณ์ของชีวิต “พุฒ” พุฒิชัย ในเวลานี้