
'นิค จีนี่' ป้อง 'หนุ่ม กะลา' ไม่ใช่ผู้ร้ายเลวทรามต่ำช้า
กรณี "หนุ่ม กะลา" ถูกตำรวจตามบุกจับถึง "บิ๊ก เม้าท์เท่น" ที่เขาใหญ่ "นิค" วิเชียร ผู้บริหาร "จีนี่ฯ" ต้นสังกัดถามถึงคู่กรณีพยายามทำอะไร
ทีมบันเทิง คมชัดลึก - จากคดีที่ "หนุ่ม วงกะลา" ณพสิน แสงสุวรรณ นักร้องหนุ่มชื่อดัง นำเพลง "ยาม" ของวง "ลาบานูน" ซึ่งเป็นลิขสิทธิ์ของบริษัท "เพาเวอร์ เทรเชอร์" ไปขับร้อง หรือ ค่ายเพลงมิวสิคบักส์ บริษัทจึงนำหมายจับศาลอาญาจ.ชุมพร บุกไปเพื่อจะจับกุมนักร้องชื่อดัง ที่งานเทศกาล "บิ๊กเมาน์เท่น" เมื่อวันที่ 8-9 ธันวาคม บริเวณสนาม ทีดี โอเซี่ยนเขาใหญ่ แต่ก็ไม่เจอกัน
เรื่องดังกล่าวกลายเป็นที่โจษจันต์ว่าความผิดของหนุ่ม กะลา ในคดีละเมิดลิขสิทธิ์ของผู้อื่นโดยการเผยแพร่ต่อสาธารณชน ร้ายแรงถึงขนาดต้องทำการบุกจับขนาดนั้นไหม ล่าสุด "บันเทิง คมชัดลึก" ได้มีโอกาสเจอ "นิค" วิเชียร ฤกษ์ไพศาล ผู้บริหารค่าย "genie records (จีนี่ เร็คคอร์ดส)" ต้นสังกัดของ "หนุ่ม กะลา" ในงานเปิดอัลบั้ม “CHANGE” ของ 3 หนุ่มวง "The Mousses (เดอะมูส)" จึงถามถึงเรื่องนี้
ถามถึงกรณีของหนุ่ม กะลา ที่ถูกตำรวจบุกไปตามจับถึงงานบิ๊กเมาน์เท่น
“มันเป็นเรื่องที่เราไม่เข้าใจความตั้งใจ ไม่เข้าใจจิตใจของคน เพราะว่าจริงๆ แล้วถามว่าหนุ่มมีเจตนาที่จะหลบเลี่ยงไหม ไม่มี กระบวนการจริงๆ ก็คือออกหมายจับ เราก็แค่ไปรายงานตัวแล้วเดี๋ยวก็ว่ากันไปในศาลถูกไหม ทีนี้...ทุกครั้งที่ได้รับหมายเรียกจากตำรวจ หนุ่มก็จะพยายามไปให้ได้เร็วที่สุด แต่คุณต้องเข้าใจว่าหนุ่มเซ็นสัญญารับงานไว้เป็นปีล่วงหน้า ใน 1 เดือน สมมติเขารับงาน 20 วัน คุณคิดว่าเขาจะสามารถเดินทางได้วันไหนบ้าง คุณคิดว่า 20 งาน คุณต้องมีการเดินทางใน 20 งานนั้นด้วย มันไม่ใช่ว่า 20 งาน แล้วแค่นึกถึงงานแล้วไปได้เลย มันแปลว่ายังมีอีกหลายวันที่เขาต้องใช้เวลาเดินทาง แปลว่าเดือนหนึ่งเขาอาจจะเหลือวันไม่กี่วันที่เขาว่างจริงๆ ที่จะเดินทางไปรายงานตัว ฉะนั้นทุกครั้งที่หนุ่มได้รับหมายก็จะขอผ่อนผันและนัดหมายล่วงหน้าว่าจะไปวันนั้นวันนี้ แต่สิ่งที่เกิดขึ้นก็คือการเอาหมายศาลมาไล่จับกัน ซึ่งไม่เข้าใจเจตนาเพราะหนุ่มไม่ใช่ผู้ร้าย ไม่ใช่โจร ไม่ใช่คนขายยาบ้า ไม่ใช่คนเลวทรามต่ำช้าไปปล้นฆ่าใคร แค่เขาทำพลาดร้องเพลงเพลงหนึ่งที่ไม่ได้มีเจตนา ความเข้าใจผิดของหนุ่มในวันนั้นนึกว่าเพลงยังอยู่ในความดูแลของแกรมมี่ให้กับบริษัทๆ นั้น
ซึ่งพอเขาแจ้งความหลังจากที่รอเราทำพลาดไป 40 กว่าครั้ง ทันทีที่รู้เราก็เลิกร้อง เพราะรู้ว่ามันทำไม่ได้ ใครจะบ้าร้องเพลงที่เขาไม่ให้ร้อง ถูกมั้ย จริงๆ มันเป็นการให้เกียรติเพื่อนร่วมรุ่นกัน วงนี้ (ลาบานูน) เป็นวงที่เขาเคยแข่งฮอตเวฟมาด้วยกัน เขาก็รักของเขา เขาสนิทกันก็เอาเพลงมาร้องเป็นการให้เกียรติกัน นี่คือเรื่องที่เกิดขึ้น เพลงแกรมมี่เองก็มีเป็นหมื่นๆ เพลง ทำไมไม่คิดมุมนี้ว่ามันเป็นการให้เกียรติ ถ้า ณ วันนั้นหนุ่มรู้ว่าจะต้องเสียเงินเขาก็จ่ายแน่นอนมันไม่กี่บาท แต่มาพยายามเอาเงินเยอะๆ หลังจากเจรจากันไม่สำเร็จเพราะว่าจะเอาเงินเยอะๆ ผมว่ามันก็เป็นเรื่องลำบากมากที่จะต้องมาจ่ายเงินแพงๆ ขนาดนั้น โดยมองในรูปการแล้วมันไม่ค่อยยุติธรรมนะ ในความรู้สึกแบบปุถุชน ผมไม่ได้พูดในเรื่องของกฎหมาย จริงๆ อยากจะให้เข้าใจว่าการกระทำแบบนี้ ผมว่ามันดูแปลกๆ นิดหนึง เพราะไม่เข้าใจเจตนาที่ไปออกหมายศาลเพื่อพยายามที่จะจับเขาคาเวที ซึ่งเขาก็ไม่ได้เป็นผู้ร้ายอย่างที่บอก และเขาก็ยังปรากฏตัวให้เห็นอยู่ตลอดเวลาว่ายังอยู่ในประเทศไทย เขายังทำมาหากินตรงนี้ แล้วมันน่าสงสารมากที่ว่าไปล่ามใส่กุญแจมือเขา ให้เขาไปนั่งอยู่ที่เดียวกับนักโทษต่างๆ นานาที่มันโหดร้ายต่อจิตใจมาก ผมไม่ทราบว่าทำอย่างนี้กันได้ยังไง"
ในส่วนตัวคิดว่าการที่เขาทำแบบนี้ เป็นการดิสเครดิตของ "หนุ่ม กะลา" และ "แกรมมี่" ไหม
"ก็ต้องไปถามว่าเขากำลังพยายามทำอะไร แต่ถ้าถามว่าเครดิตของหนุ่มเสียมั้ย ผมยืนยันว่าแฟนเพลงเข้าใจและให้ันกำลังใจทุกคน มันไม่ได้ทำให้หนุ่มมีงานน้อยลงเลย ผมบอกได้เลยหนุ่มก็ยังมีคนรัก มีคนเมตตาและยังมีคนว่าจ้างไป แต่อาจจะทำให้ผู้ว่าจ้างสับสนทำให้ผู้คนเข้าใจผิด คิดว่ายังละเมิดอยู่ ซึ่งจริงๆ มันจบไปแล้ว เลิกร้องไปทันทีที่รู้เรื่องนี้แล้ว ย้ำเลยว่าไม่ได้ร้องแล้ว”
หนุ่มได้ขอผ่อนผันเวลาในการเข้าไปรายงานตัวกับตำรวจแล้ว แต่ทำไมยังมีการออกหมายศาลเพื่อมาตามจับได้
“ตำรวจเขาก็เข้าใจนะครับ แต่มันเป็นมีกระบวนการของหมายศาลหรืออะไร ซึ่งผมก็ไม่ทราบในขั้นตอนหรอกว่าหมายศาลมาได้ยังไงต่างๆ นานา พอเป็นหมายศาลก็คือในพระปรมาภิไธย ตำรวจก็ต้องทำตามนั้นโดยตำรวจเขาก็มองว่าจริงๆ มันทำความเข้าใจกันได้ ตำรวจเขารู้ว่าอะไรคือเรื่องรุนแรง อะไรคือเรื่องไม่รุนแรง แต่กฎหมายก็เป็นเรื่องของกฎหมายแค่นั้น มันถึงมีอันนี้ให้ประกันตัวอันนี้ไม่ให้ประกันตัว อันนี้เป็นเรื่องเลวร้ายเขารู้มันยังมีคำพูดที่ว่าคดีมโนสาเร่ บางเรื่องเขาก็ไม่อยากให้มันเป็นความหรอก เขาก็อยากจะไกล่เกลี่ยอยากจะเจรจา ที่นี้ในกรณีนี้คือต้องการเงินเยอะมากเลยไง ซึ่งผมก็ไม่รู้ว่าหนุ่มจะเอาปัญญาที่ไหนมาจ่าย"
แปลว่าที่ผ่านมามีทางหนุ่มพยายามที่จะเจรจาไกล่เกลี่ยกับคู่กรณี เพื่อชดใช้ค่าเสียหายแล้ว
"ใช่ แต่ปริมาณที่ต้องการกับปริมาณที่สมควร หรือปริมาณที่หนุ่มเข้ามีปัญญาที่จะจ่ายให้ มันห่างไกลกันมาก มันหลาย 10 ล้านบาท มันจะเป็นไปได้ยังไง ถึงอยากจ่ายก็ไม่มีปัญญาจ่าย นั่นแปลว่าหนุ่มต้องเล่นได้งานละหลายๆ ล้านบาท"
สภาพจิตใจหนุ่มเป็นอย่างไรบ้าง หลังต้องเจอตามจับแบบนี้ในทุกๆ คอนเสิร์ตที่เล่น
" ถ้าเป็นคุณโดนกระทำแบบนี้ ผมพูดได้เลยว่าถ้าคุณโดนแบบนี้คุณแข็งแกร่งได้ไม่เท่าหนุ่มหรอก แต่หนุ่มเองก็ยังมีความรับผิดชอบต่องาน ผมนับถือจิตใจของหนุ่มเลยว่าเขามีจิตใจที่แข็งแกร่งมาก ขึ้นไปโชว์ที่บิ๊กเมาน์เท่นได้จนจบโชว์และแสดงทุกโชว์อย่างเต็มที่ มันก็เป็นความสุขของเขาที่อยากจะทำงานให้ดีที่สุด พอเสร็จเขาก็รีบไปต่อที่ จ.ชุมพร เพื่อไปรายงานตัวอันนี้แหละ ซึ่งก็ไม่เข้าใจเขาก็นัดหมายกันไว้แล้ว แต่นี่ก็จะจับให้ได้”
ในส่วนของต้นสังกัดได้ช่วยเหลือดูแลบ้างไหม
“เราดูแลในเรื่องสภาวะจิตใจไม่ให้เขารู้สึกแย่หวั่นไหว ให้กำลังใจ ในเชิงกฎหมายเราก็ไม่เป็นไง เดี๋ยวก็คงต้องคุยกันเร็วๆ นี้"
ไม่ได้จะทิ้งขว้างเขาใช่ไหม
"เราไม่ทิ้งขว้างหนุ่มแค่ไม่รู้จะเข้าไปทำยังไงบ้าง เพราะมันเป็นเรื่องที่เขาใช้กำลังภายในอะไรกันมาอะไรก็ไม่รู้ สิ่งต่างๆ เหล่านี้ถ้าเดินไปตามกระบวนการของกฎหมายปกติ ก็คงไม่มีอะไรรุนแรง"
หลายคนเป็นห่วงว่าต้นสังกัดจะทิ้งหนุ่มไหม
"เราดูแลกันมา 20 ปีจะไปทิ้งกันได้ยังไง เขาเหมือนลูกแล้ว เขาเกิดมาพร้อมกับค่าย เราเป็นห่วงซะมากกว่า แคร์จิตใจเขามากกว่า วันนั้นขึ้นไปดูเขาบนเวทีน้ำตาก็ร่วงเห็นเขาเจอเรื่องนี้ มันโหดร้ายมาก”
คิดจะจัดการอะไรให้เรื่องนี้มันจบลงให้เร็วที่สุดไหม
"จัดการอะไรไม่ได้ ทุกอย่างเป็นเรื่องของกฎหมาย แต่ถ้ากฎหมายจะเมตตา คือไม่รู้ว่าจะเมตตาได้หรือเปล่า ว่ารวบรวมคดีมาไว้ที่เดียวกันเพราะคดีมันเหมือนกันเลย แต่เขาแจ้งความไว้หลายที่มันดูแล้วก็เหมือนโหดร้ายนะ ทั้งที่คดีความมันเหมือนกัน ทำไมไม่รวมมาไว้ที่เดียวกันแล้วก็ฟ้องหรืออะไรกันให้หมดสิ้นไป ผมไม่ได้เป็นนักกฎหมายไม่รู้หรอกว่ามันทำได้มั้ย แต่โดยนักรัฐศาสตร์มันทำได้ ทำไมมันถึงซับซ้อนผมไม่ได้เรียนกฎหมายมา คุณว่ามันตลกมั้ยในเชิงมนุษย์ คิดแบบมนุษย์มันน่าจะเอามารวมกันได้นะ แต่ในเชิงกฎหมายก็ต้องไปถามกระบวนการว่ามันเพราะอะไร”