
ศิลป์แห่งแผ่นดิน - หุ่นกระบอกน้ำแห่งเดียวในโลก
7 วันในเวียดนาม พักอยู่เมืองหลวงฮานอย 3 คืน ตระเวนเดินทั่วย่านเมืองเก่า (Old Quarter) ปวดหัวกับการนับค่าเงินด่อง ตั้งแต่วันแรกยันวันสุดท้าย เมื่อต้องเทียบค่ากันระหว่างเงินเวียดนาม เงินไทย และดอลลาร์ ทุกครั้งที่ใช้จ่าย
ใครมาเวียดนามแล้วไม่ได้ชมหุ่นกระบอกน้ำแล้วไซร้ กลับไปจะถูกเย้ยว่าไปไม่ถึงเวียดนาม
หุ่นกระบอกน้ำเป็นการละเล่นพื้นบ้านโบราณของชาวเวียดนาม มีถิ่นกำเนิดบริเวณสามเหลี่ยมปากแม่น้ำโขง
วันแรกที่ถึงเมืองฮานอย เราก็รีบจองตั๋วกันเลยทีเดียว ในราคา 20,000 ด่อง แต่เราก็ได้นั่งแถวหน้า (ราคา 40,000 ด่อง) เพราะว่าคืนที่เราเข้าชมแถวหน้านั้นว่างทั้งแถว เมื่อไม่มีใครมาทักท้วง ก็ถือโอกาสมั่วนิ่มนั่งแถวหน้าซึ่งอยู่ใกล้เวที (สระน้ำ) ที่สุด ใกล้ขนาดน้ำกระเซ็นมาถึงในบางฉากการแสดง
ก่อนการแสดงมีดนตรีพื้นเมืองโบราณบรรเลง “โหมโรง” ก่อน เครื่องดนตรีที่โดดเด่น ในวงก็คือ “พิณสายเดี่ยว” รูปร่างดูละม้ายพิณพม่า แต่ว่าพิณนี้มีเพียงหนึ่งสาย มีคันไม้โด่เด่ขึ้นมาสำหรับใช้ปรุงแต่งเสียงให้อ่อนเอื้อยเจื้อยแจ้ว เกิดความลื่นไหลต่อเนื่อง เพลงที่บรรเลงบางเพลงมีการขับร้อง แม้จะไม่รู้ความแต่ก็ได้อรรถรส สัมผัสได้ถึงความไพเราะ จากลีลา น้ำเสียง
การแสดงแบ่งเป็นชุดๆ เสนอเรื่องราวเกี่ยวกับวิถีชีวิตของชาวเวียดนาม การทำมาหากินปลูกข้าว จับปลา เลี้ยงเป็ด เลี้ยงควาย สัตว์ในตำนานเช่น เต่า พญานาค มังกร ศิลปะการละเล่นพื้นบ้าน เป็นต้น มีฉากทำด้วยไม้ไผ่เป็นผืนมู่ลี่กางไว้เรี่ยผิวน้ำ มีหลืบหัวท้าย และกลาง ให้ตัวหุ่นออกมาโลดเล่นเหนือม่านมู่ลี่เป็นฉากฝ้าสีฉูดฉาด จับจีบสวยงาม อยู่ในซุ้มที่ตกแต่งเป็นรูปทรงสถาปัตยาคารเวียดนาม
คนชักหุ่นอยู่หลังม่านมู่ลี่ มีจำนวนราว 10 คน ตัวหุ่นเคลื่อนไหวบนผิวน้ำ บางช่วงจมลงไป บางช่วงก็เผินขึ้นเหนือผิวน้ำ โดยมีคันไม้พร้อมสายชักหุ่น ที่ซับซ้อน แต่ใช้การได้ดี ทำให้หุ่นทุกตัวเคลื่อนไหวได้หลากหลายอิริยาบถ หกคะมำคว่ำคะเมน ตีลังกาได้แปดตลบโดยกลไกไม่ขัดข้อง นับว่าน่าทึ่ง ทั้งดนตรีประกอบและบทพากย์ บทร้อง ก็สอดคล้องสอดรับกันเป็นอันดี การเดินเรื่องก็กระชับ ฉับไว แต่ละตอนใช้เวลาสั้นๆ 10-15 นาที มีทั้งหมด 10-12 ตอน ใช้เวลาแสดงทั้งหมดประมาณ 2 ชั่วโมง ยังความเพลิดเพลินเจริญตาจำเริญใจจนรู้สึกว่าเวลาผ่านไปอย่างรวดเร็ว
เมื่อจบตอนสุดท้าย คนชักหุ่นทั้งหมดออกมาจากหลังม่านมู่ลี่ มายืนด้านหน้า ผู้ชมจึงได้เห็นว่าระดับน้ำลึกเหนือเข่าเล็กน้อย ทุกคนโบกมือยิ้มให้ผู้ชม บ้างก็ส่งจูบ รับเสียงปรบมือกึกก้อง ผมคนหนึ่งล่ะที่ปรบมือเสียจนมือแดง เพราะปรบแรงและปรบนาน ส่วนลูกชายผาเมฆ วัย 7 ขวบของผมนั้น ตื่นตาตื่นใจเสียจนนอนละเมอเพ้อถึง “เต่าคืนดาบ” ในตำนานแห่งทะเลสาบ “โฮ ฮว่าน เกี๋ยม” หนึ่งในชุดการแสดงหุ่นกระบอกน้ำ
โรงหุ่นกระบอกน้ำ (Thang Long Water Puppet Theatre) ตั้งอยู่ถนน Dinh Tien Hoang ทางตะวันออกเฉียงเหนือของทะเลสาบคืนดาบ นั้นแหละครับ
ดูหุ่นแล้วอย่าลืมไปเที่ยววัดหง็อกเซิน ที่นั่นจะได้เห็น เต่าตัวใหญ่ (สตัฟฟ์) ดูไปคิดไป ไม่น่าจะใช่ตัวเดียวกับในตำนาน ตำนานที่ว่า เล่าย่อๆ ได้ดังนี้
พระเจ้าเลไทโต ผู้ก่อตั้งเมืองทังลองเป็นเมืองหลวง ได้กอบกู้เอกราชจากจีน (ราชวงค์หมิง) โดยใช้ดาบศักดิ์สิทธิ์จากเจ้าแห่งท้องทะเล ครั้นเมื่อเสร็จภารกิจกู้ชาติแล้ว ก็มีเต่าทองคำโผล่ขึ้นจากทะเลสาบ เพื่อขอดาบคืน พระเจ้าเลไทโต จึงมอบดาบศักดิ์สิทธิ์คืน เต่าทองคำดำน้ำหายไปพร้อมดาบ ทะเลสาบนี้จึงได้ชื่อ “ทะเลสาบคืนดาบ” ตั้งแต่นั้นมา
ที่เล่ามานี้ผมก็ว่าตามที่ได้อ่านได้ฟังมา ตำนานก็คือตำนาน เล่าขานสืบต่อจากรุ่นสู่รุ่นจนเป็นเรื่องเป็นราวเป็นตุเป็นตะ นั่นไม่สำคัญเท่าการดำรงคงอยู่ของศิลปวัฒนธรรม ซึ่งหุ่นกระบอกน้ำของเวียดนามนี้ “เป็นอะไรที่” ลงตัวเอามากๆ งดงามทางตา ไพเราะเสนาะหู แถมมีลูกเล่นลูกฮา ผสมผสานระหว่างโบราณและ (เทคโนโลยี) สมัยใหม่ ได้อย่างเหมาะเจาะ
ออกจากโรงหุ่นกระบอก ประมาณ 3 ทุ่ม เราเดินเที่ยวย่าน “ตลาดกลางคืน” กัน ที่พักเราอยู่ย่านถนน BAT DAN ห่างจากโรงหุ่นชั่วเหงื่อหมาดๆ
นึกถึงหุ่นกระบอก นึกถึงหุ่นละครเล็กของไทย ที่งดงาม “ระดับโลก” อยากให้คนต่างชาติรู้สึกเช่นนี้บ้าง “หากมาเมืองไทยไม่ได้ดูหุ่นไทยแล้วไซร้ เท่ากับมาไม่ถึงเมืองไทย”
"ศักดิ์สิริ มีสมสืบ"