
'มุก-วรนิษฐ์' กับภาระที่เกินหน้าที่นางเอก
"มุก" วรนิษฐ์ ถาวรวงศ์ นางเอกดาวรุ่งที่กำลังมาแรงจากละครเรื่อง "LOVE AT FIRST HATE มารร้ายคู่หมายรัก" มาเปิดใจทุกเรื่องราวในชีวิตของเธอกับ "บันเทิง คมชัดลึก"
ทีมบันเทิง คมชัดลึก - เรียกว่าเป็นนางเอกดางรุ่งคนหนึ่งในเวลานี้ สำหรับ “มุก” วรนิษฐ์ ถาวรวงศ์ ลูกหม้อภายใต้สังกัด “จีเอ็มเอ็ม ทีวี” ที่โด่งดังมาจากซีรีย์เรื่อง “รักนะเป็ดโง่” ที่ประกบคู่กับ “พุฒ” พุฒิชัย จนดังเป็นพลุแตก ก่อนจะมีผลงานตามมาอย่างต่อเนื่อง ล่าสุดกับละครเรื่อง “LOVE AT FIRST HATE มารร้ายคู่หมายรัก” ที่ได้จับคู่กับ “สน” ยุกต์ ส่งไพศาล เป็นครั้งแรก วันนี้ “บันเทิง คมชัดลึก” มีโอกาสพูดคุยเบื้องลึกกับสาวน้อยคนนี้ที่บอกเลยว่าชีวิตเธอน่าสนใจไม่แพ้นางเอกในละครเลย
@@ กระแสตอบรับเป็นยังไงบ้าง
“มุกเองได้ดูฟีดแบ็กจากแฮชแท็กในทวิตเตอร์ในช่วงอีพีแรกๆ ก็จะมีกระแสที่ว่ามันแตกต่างจากในนิยายเหมือนกันนะ แต่พอดำเนินมาเรื่อยๆ มันก็เริ่มสนุกขึ้น ซึ่งก็จะได้รับกระแสตอบรับว่าคนจะชอบพระเอกสไตล์แบบนี้ ที่ว่าปากจัดกวนๆ แต่ว่าหล่อมาก ซึ่งก็มีคนอินไปกับละคร ซึ่งทำให้กระแสตอบรับและเรตติ้งค่อนข้างชื่นใจ”
@@ กังวลไหมที่ถูกเปรียบเทียบกับในนิยาย
"คือมุกเองได้มีโอกาสคุยกับพี่แอนอัญชลีผู้ซึ่งเป็นคนเขียนเรื่องนี้ เราก็บอกว่าเราพยายาม ซึ่งตัวพี่แอนได้ดูละครและพี่แอนก็ชอบมากเหมือนกัน ตัวเขาแฮปปี้มากๆเลย พี่แอนก็ให้กำลังใจว่าทุกคนสู้ๆนะ พี่แอนบอกว่า เขาแฮปปี้มากๆกับภาพหมอปั๊ปและกล้วยที่ออกมา"
@@ “มุก” กับ “กล้วย” (นางเอกของเรื่องนี้) เหมือนหรือต่างกัน
“ในตัวกล้วยในละครเขาเป็นคนที่มีความมั่นใจ และก็สู้คน คือใครมาเอาเปรียบเขาจะสู้สุดชีวิตเลย แตกต่างจากมุกตรงที่มุกไม่สู้คน มุกเป็นคนที่แพ้เลย มุขเป็นคนไม่ค่อยเถียง อย่างในเรื่องนี้จะมีซีนที่กล้วยกับหมอปาร์ค จะต้องเถียงกัน ซึ่งเป็นสิ่งที่ยากสำหรับมุก เพราะมุกเป็นคนไม่เถียงกับใคร แล้วเราก็เถียงใครไม่ค่อยจะทัน ที่พี่ทีมงานก็จะบอกเราว่าให้ฮึบขึ้นมา”
@@ สิ่งที่ต้องเรียนรู้จากการเรื่องนี้สำคัญที่สุดคือเรื่องอะไร
“คือเรื่องของบุคลิกภาพจะต้องทำให้มันโตขึ้น เพราะปกติเราก็เล่นแต่เป็นนักศึกษาก็เลยต้องมีการเวิร์กช้อปและเรียนรู้เพิ่มเติม แล้วก็มีการปรับเรื่องน้ำเสียงโทนเสียงด้วยเพราะว่าในบทกล้วย หนูก็จะใช้โทนเสียงที่ต่ำลงมาจากปกติที่เราพูด ในเรื่องนี้เราก็จะต้องมีการคุมโทนเสียงและบุคลิก จากการเรื่องนี้ทำให้มุกโตขึ้นอีกระดับหนึ่ง ตอนแรกที่ต้องมาเล่นเรื่องนี้ยอมรับว่ากลัว เพราะมันเป็นโปรเจคที่ต้องไปออนแอร์ที่จีนด้วย แต่ก็มีการเวิร์คช้อป เพราะเราเองก็อยากเล่นออกมาให้มันดีที่สุด แต่พอมาทำงาน จริงๆความกลัวนั้นมันหายไป เพราะบรรยากาศในกองดีมากๆ ทุกคนคอยช่วยสนับสนุนหนู ซึ่งในเรื่องนี้มุกได้ประสบการณ์ใหม่ๆ จากคนที่ร่วมงานด้วย ซึ่งล้วนแล้วแต่เป็นนักแสดงที่เก่งๆ ทั้งนั้นเลย ยอมรับว่าแรกๆ ก็กดดัน แต่ก็ถือว่าเป็นโอกาสที่ท้าทาย เราเองก็อยากทำให้ได้มากๆเลย พอถ่ายเสร็จแล้วรู้สึกดีใจและรู้สึกภูมิใจ”
@@ ที่ผ่านมาเหมือน คาแรคเตอร์ที่ได้รับก็จะซ้ำๆ แต่พอมาเรื่องนี้ดูเหมือนคาแรคเตอร์จะท้าทายมากขึ้นต่อไปนี้จะต้องมีการเลือกบทที่ท้าทายมากขึ้นไหม
“จริงๆอยู่ที่ผู้ใหญ่เลือกด้วย คือจริงๆไม่จำเป็นว่า จะซ้ำหรือไม่ซ้ำแต่อาจจะเป็นบทที่ ผู้ใหญ่บอกว่ามันเหมาะสมกับเราแล้ว อาจจะเป็นก้าวต่อไปของเรา มองว่าเล่นอันนี้ก็เป็นอะไรที่ท้าทายดีนะ”
@@ ส่วนตัวอยากเล่นบทแบบไหน
"อยากเล่นบทนางเอกที่มีความจำเป็นที่จะต้องทำเรื่องไม่ดี หรือว่านางเอกน่าสงสาร ป่วยใกล้ตาย เคยมีละครเรื่องนึงที่ติดต่อมา แล้วเหมือนคิวมันไม่ตรงกัน ละครเรื่องนั้นจะเป็นสไตล์ที่เป็นนางเอกน่าสงสาร ถูกหลอกเอาเงิน ซึ่งเรารู้สึกว่ามันเป็นอะไรที่น่าสนใจ กบฏผู้หญิงน่าสงสารเราเลยอยากเล่น อีกอย่างหนึ่งที่อยากเล่น คือบทนางเอกที่ร้ายๆไปเลย เพราะโดยส่วนตัวมุกชอบแนวดราม่า จริงๆอยากได้เล่นบทดราม่าอีกสักเรื่องหนึ่ง"
@@ ช่วงชีวิตที่ผ่านมาเจอมาหนักเหมือนกันทั้งเรื่องงานและก็เรื่องครอบครัว
“อันนี้ต้องขอบคุณทุกคนรอบข้าง แล้วก็ขอบคุณตัวเองด้วยที่สู้ จริงๆที่ผ่านมาได้เพราะยอมรับตัวเองมากกว่า ก่อนหน้านี้ก็จะเครียดมาก เพราะเรารู้สึกว่าเราเป็นผู้หญิงในบ้านที่ตัวเองเป็นช้างเท้าหน้า ความรู้สึกคือเราทำงานหนักสุด คือทำงานแล้วเก็บเงินได้ก้อนใหญ่สุด เก็บไว้ที่บ้านไว้ดูแล ไว้คอยช่วยเหลือ ดูแลครอบครัวอยู่แล้ว ซึ่งพอคุณพ่อป่วย แล้วเรายังต้องออกมาทำงาน มันยอมรับนะว่ามันเครียดมากๆ เพราะว่าคุณพ่อเข้า ICU มันก็หนักหนาแล้วสำหรับลูกคนหนึ่ง แล้วออกมาจะต้องยิ้มแย้มแจ่มใส (น้ำตาคลอ) ซึ่งจริงๆ หนูก็เครียดมากๆ และหนูก็ไม่ได้เล่าให้ใครฟัง เพราะเป็นคนไม่ชอบทำบรรยากาศเสีย จะมีคนเข้ามาคอมเม้น เป็นพวกชาวเน็ตเนี่ยแหละ ว่าทำไมเรามีความสุขทำไมไม่ไปเยี่ยมพ่อ ตอนนั้นรู้สึกแย่จริงๆนะ เพราะว่าเราเองก็ทำงาน และ ICU ก็เข้าเยี่ยมได้แค่ประมาณ 5 นาที โดยมีกำหนดเวลาแค่ช่วงเช้ากับช่วงเย็น ซึ่งถ้าหนูไม่ว่าง 2 ช่วงนี้ให้ไปนั่งหน้าห้อง มุกก็ไม่เจอพ่ออยู่ดี”
@@ ในช่วงนั้นทุกๆ วันที่ออกจากบ้านมาทำงานเราคิดอะไร
“หนูก็จะพยายามคิดว่าเราทำงานทุกๆวันก็เพื่อครอบครัว มันก็จะเป็นการออกมาทำงานด้วยความรู้สึกเดิมทุกๆ วันว่าเราทำงานเก็บเงินมาก็เพื่อครอบครัว ตอนนี้พ่อเราอยู่โรงพยาบาลมา 5-6 เดือนแล้วและมันต้องใช้เงิน ที่เยอะเหมือนกัน ทำให้เรารู้สึกว่าสิ่งที่เราทำมามันไม่ผิดเลย ยอมรับว่าเราเคยคิดนะที่อยากจะซื้อของให้ตัวเองแพงๆ แต่ก็ไม่เคยกล้าซื้อ เคยมีเหตุการณ์หนึ่งตอนสมัยที่หนูยังเด็กมากๆเลย คือพ่อกับแม่ซื้อแปรงสีฟันที่เป็นแพ็ค 3 อันมา มีอยู่วันหนึ่งดูทำแปรงสีฟันของตัวเองหล่นพื้น ซึ่งความคิดของเด็กคือพื้นมันสกปรก เลยเอาแปรงสีฟันไปทิ้งลงถังขยะ แล้วก็มาบอกพ่อว่าเนี่ยแปรงสีฟันหนูหล่นพื้น หนูเอาไปทิ้ง ซึ่งพ่อก็บอกว่าเอาไปทิ้งได้ยังไงลูก มันยังใช้ได้อยู่ หลังจากนั้นพ่อก็ไปเก็บแปรงสีฟันจากถังขยะมา แล้วก็มาล้างอย่างสะอาด แต่ด้วยความเป็นเด็กหนูก็บอกพ่อว่าหนูไม่อยากใช้ แล้วพ่อก็เลยบอกหนูว่างั้นไม่เป็นไรพ่อใช้เอง ในตอนนั้นมันทำให้หนูเข้าใจในสิ่งที่พ่อพยายามสอน และเป็นสิ่งที่จำมาตลอด ในสิ่งที่พ่อเราทำ หนูมีพ่อเป็นไอดอลมากๆ ซึ่งคุณพ่อเองเขาก็มีการซื้อความสุขให้กับตัวเองยังเขาเป็นคนชอบกินเขาก็จะซื้อความสุขด้วยการกินดีๆบ้างในบางครั้งซึ่งอันนี้หนูเห็นด้วยมากๆที่เราทำงานมาหนัก เราก็ควรจะหาความสุขให้กับตัวเองบ้าง ในเรื่องที่จำเป็น”
@@ เหนื่อยไหมในช่วงที่ผ่านมา
“เหนื่อยแต่เราก็มีความสุขและภูมิใจในตัวเอง หนูไม่ได้มีความสุขแค่ว่าฉันได้ทำตามความฝันแต่เรายังได้ทำในอาชีพที่เราชอบและก็สามารถดูแลครอบครัวตัวเองได้ด้วยมันเลยรู้สึกว่ามันก็เป็นอะไรที่ดีที่ให้พ่อแม่ได้พักแล้วเราได้ดูแลท่าน หนูเคยบอกแม่ว่าหนูมาถึงฝันแล้ว หนูเคยบอกกับแม่ว่าหนูภูมิใจในตัวเองมากๆเลย ต่อให้วันหน้าหนูจะได้เงินน้อยกว่านี้หรือได้เงินเยอะกว่านี้ แต่หนูรู้สึกเพียงพอแล้วกับตรงนี้ พอวันหนึงเราขึ้นไปได้มากกว่าตรงนี้สักเท่าไหร่ แล้วเราตกลงมาจากตรงนั้นเราจะไม่มีวันเสียใจ เพราะแค่เวลานี้มันก็คือของขวัญสำหรับหนูแล้ว นี่คือสิ่งที่มุกคุยกับแม่ มุกเคยบอกแม่ว่าให้แม่เตือนมุกด้วยนะถ้าวันนึงมุกลืมตัว ถ้าวันนึงมุกไม่พอใจกับเงินที่มุกได้มา แต่วันนี้สิ่งนี้มันยังอยู่กับหนูอยู่เลยโดยที่แม่ไม่ต้องเตือนแล้วก็เชื่อว่าจะอยู่กับหนูไปอีกนาน”
@@ ตอนนี้สุขภาพคุณพ่อเป็นยังไงบ้าง
“จากตอนแรกที่ พ่อเข้าไปรักษาเบาหวาน และตรวจพบแทรกซ้อนเป็นหัวใจตีบ แล้วก็ผ่าไปเข้า ICU รอบแรกก็เริ่มดีขึ้น จนจะออกจากโรงพยาบาลแล้ว ก็ถ่ายออกมาเป็นเลือดอีก 4 ถุงใหญ่ๆเลยค่ะ ก็เลยต้องเข้า ICU อีกรอบ แล้วก็ออกมาดูแลทุกอย่างโอเคแล้ว ก็เดินไม่ได้เพราะนอนนาน ก็เลยต้องมากายภาพเดินกันอีก ตอนนี้ก็อยู่ในช่วงประกองทุกอย่าง แต่ก็คิดว่าในความเจ็บป่วยนี้ ก็มีข้อดีก็คือ ได้ซ่อมทุกอย่างเลย (ยิ้ม) คือแม่แม่หนูสอนว่าสิ่งใดเกิดขึ้นแล้วมันก็จะมีเรื่องดีอยู่ในนั้น”
@@ ทำงานเยอะดูแลครอบครัวหนักขนาดนี้เราเลือกความรักของตัวเองล่ะ
“ยังไม่มี เพราะอย่างที่เห็นว่ามุกเจอมรสุมมา มุมมองเรื่องของครอบครัวสำคัญที่สุด มันทำให้เรายังไม่พร้อมมีอะไรมาเพิ่มเติม ตอนนี้ทำงานหนักเลยยังไม่อยากคิดเรื่องนี้ ขอทำงานไปเรื่อยๆก่อน”
นี่แหละ!! ชีวิตที่ยิ่งกว่านางเอกในละครของ “มุก” วรนิษฐ์