
ฝากไว้ในรอยจำ ที่สุดของ "โอ" วรุฒ วรธรรม
ฝากไว้ในรอยจำ ที่สุดของ "โอ" วรุฒ วรธรรม : รายงาน
ถึงเราจะเคยส่ายหน้า รับไม่ได้กับพฤติกรรม “การใช้ชีวิต” ของ “โอ" วรุฒ วรธรรม ชนิดที่แม้แต่เจ้าเองยังเคยยอมรับว่า “พัง!!” สุดๆ แล้ว
แต่เมื่อถึงวันที่เขาได้ลาจากโลกนี้ไปอย่างไม่มีวันกลับ เชื่อว่าพวกเราล้วนแล้วแต่ใจหาย ราวกับสูญเสียคนในครอบครัวไปแล้วอีกคนหนึ่ง
ถ้าจะพูดว่า “โอ" วรุฒ เป็นอีกหนึ่งดวงดาวที่ส่องไสวที่สุดดวงหนึ่ง และอับแสงที่่สุดในเวลาต่อมาก็ว่าได้ หรือจะบอกว่า “โอ” คือผู้สร้างความสุดพีคแก่พวกเรา ได้ทั้งพุ่งทะยานขึ้นสูง และทิ้งดิ่งลงเบื้องล่างก็ได้เหมือนกัน
เพราะในขณะที่ด้านหนึ่งตลอดช่วงชีวิตของเขาล้วนแล้วแต่ผลิตผลงานที่่สร้างความสุข ความทรงจำให้เราทุกคนมากมาย แต่เขาก็เป็น “ตัวแสบ” ที่คนในวงการบันเทิงร้องยี้! และมอบฉายา “เจ้าชายสายเสมอ” ให้
หรือในขณะที่รูปร่างหน้าตาของเขาเข้าขั้นรูปหล่ออย่างร้ายกาจคนหนึ่ง บวกความน่ารักขี้เล่นที่สร้างรอยยิ้มและเสียงหัวเราะให้สาวๆ ที่เข้ามาหลงรัก แต่ในทางกลับกันเขาก็พร้อมที่สร้างมวลน้ำตาอีกนับมหาศาลให้เธอเหล่านั้นไปเสียทุกคน
แน่นอนเรื่องนี้ยังรวมถึงเพื่อนรักอย่าง "นีโน่" เมทนี บุรณศิริ ผู้ที่เหมือนต้องคอยทำหน้าที่ประคองน้องคนนี้ไว้ไม่ให้ร่วงหล่น เช่นเดียวกับคนรอบข้างที่ต่างก็เหน็ดเหนื่อยเมื่อยเพลียกับความเป็น “โอ" วรุฒ ไม่น้อย
พีคสุด! คือไม่เว้นแม้แต่กับ “ตัวเอง” แทนที่โอจะโลดแล่นในวงการบันเทิงได้อีกยาวไกล แต่เขากลับบดขยี้ชีวิตของเขาเองจนแหลกละเอียด เกินกว่าที่ใครเข้าใจได้ว่า...เขาทำไปทำไม?
ถามว่าอะไรในความเป็น “โอ" วรุฒ ที่นับ 30 ปีที่เรารู้จักเขา เรา “ทั้งรักทั้งโกรธ” สร้างอารมณ์สองขั้วให้คนไทยได้ขนาดนี้
ที่สุดกับบทบาท
ถ้าจะตอบคำถามแรกว่าเรารักเขาตรงไหน ส่วนใหญ่คงมาจากผลงานการแสดงของเขาที่ต้องบอกเลยว่า “ปัง” เกือบทุกเรื่อง!
คั้นเอาเฉพาะที่ยังติดตราตรึงใจทุกๆ คน ก็คือภาพยนตร์เรื่องแรกที่นับเป็นการแจ้งเกิดอย่างสวยสดงดงาม นั่นคือภาพยนตร์ “คู่กรรม” ช่วงปี 2531 (รอยต่อช่วงปี 80-90) ที่ทำเอาชื่อของ “โอ” วรุฒ “ฮอต” จนเดินห้าง เดินถนนไม่ได้ แฟนคลับตามาเฝ้าหน้าบ้าน
โดยขณะนั้นโออายุเพียง 19 ปี ประกบนางเอกคนดัง จินตหรา สุขพัฒน์ โดยการกำกับของ รุจน์ รณภพ ที่ช่วยกันส่งพลังให้ภาพยนตร์เรื่องนี้ครองใจคนไทยตราบเท่าทุกวันนี้
ที่สำคัญคนไทยต่างประทับใจเป็นพิเศษกับพระเอกใหม่หน้า “ใสกิ๊ก” ผู้มีแววตาเศร้าสมกับบทบาทที่ได้รับอย่างที่สุด ส่งผลให้หลังจากนั้นโอมีผลงานออกมาอีกอย่างต่อเนื่อง เช่น เขาชื่อกานต์, โก๊ะจ๋าป่านะโก๊ะ ฯลฯ
กระทั่งมาเป็นพระเอกสายละครที่โด่งดังสุดๆ คือ “ละอองดาว” ช่วงปี 2534 ทางช่อง 7 รับบทเป็น “กรกฎ” ประกบ “แอน" สิเรียม ภักดีดำรงฤทธิ์ (นามสกุลขณะนั้น) เรื่องนี้หลายคนปักหมุดว่า “รักมาก!!” จนบางคนยังคงร้องเพลงประกอบละครมาได้จนทุกวันนี้!
ตามมาด้วยละคร “พี่เลี้ยง” ปี 2535 ทางช่อง 7 ที่เดิม ซึ่ง “โอ” ประกบ “ต้อม" รัชนีกร พันธุ์มณี ความน่ารักของ “สัตยา” และ “คุณเร” ที่ทั้งคู่ได้รับส่งผลให้พระนางคู่่นี้เป็นที่จดจำของคนไทยมากที่สุดคู่หนึ่งเลยทีเดียว
ระหว่างนั้นยังมีผลงานทางช่อง 3 กับละคร “ในฝัน” รับบทเป็นเจ้าชายพิรียพงศ์ คู่กับ “หมิว" ลลิตา ปัญโญภาส หรือกับละคร “หน้ากากดอกซ่อนกลิ่น” ช่วงปี 2536 ที่ “โอ” รับบทเป็น “แสนภูมิ” คู่กับ “กิ๊ก" สุวัจนี ไชยมุสิก ต้องบอกว่าปังไม่แพ้กัน
ตรงนี้ถามว่าผลงานการแสดงที่เราเคยผ่านตามาทั้งหมด “โอ” วรุฒ เคยทำให้คนไทยผิดหวังหรือไม่...คำตอบคือ “ไม่!”
เจ้าชายผู้สายเสมอ
ส่วนถ้าถามว่าเราโกรธอะไรผู้ชายคนนี้ก็คงคำตอบเดียวอันเป็นที่มาของฉายา “เจ้าชายสายเสมอ” ที่จะเรียกว่า “ประทับใจ” คงไม่ได้ แต่ต้องเรียกว่า “ตราประทับ” มากกว่า!
นั่นเพราะ “หนุ่มโอ” ในช่วงวัยเพียง 17 เกิดไปชมชอบทั้ง “รสชาติ” และ “บรรยากาศ” ของการร่ำสุราอย่างหนัก จนส่งผลถึงทำงานในแวดวงบันเทิงที่ทั้งมาสายและเบี้ยวนัดอยู่เป็นประจำ เป็นที่เอือมระอาของเพื่อนร่วมวงการ
แต่ก็น่าแปลกใจที่เมื่อค้นดูประวัติผลงานของเขาก็พบว่าตลอดระยะเวลา 30 ปี ที่วิ่งวนอยู่ในแสงสีบันเทิงไทย เขามีผลงานออกสู่สายตาคนไทยเกือบทุกปี จะมีเว้นช่วงแค่ครั้งละปีเดียว คือ ช่วงปี 2549, 2555 และ 2557
โดยช่วงหลังเมื่ออายุมากขึ้น “โอ” ก็ยังคงมีงานสายบันเทิงในลักษณะของการเป็นพิธีกรรายการโทรทัศน์ เช่น รายการกินกับเกม ช่อง 5 ร่วมกับ เมทนี บุรณศิริ, อรอนงค์ ปัญญาวงศ์ และอีกหลายๆ รายการ โดยเฉพาะที่คนไทยยุคหลังจดจำเขาได้ดีก็คือรายการวาไรตี้เกมโชว์ “โอโน่ โชว์” ทางช่อง 5 ซึ่งโอรับหน้าที่พิธีกรคู่กับพี่ชายเจ้าประจำ “นีโน่”
รายการนี้นับว่าประสบความสำเร็จเป็นที่จดจำถึงพิธีกรคู่หูรุ่นใหญ่ อารมณ์ดี ที่ดำเนินรายการอย่างเข้าขา เข้าคู่กันสุดๆ ถูกอกถูกใจคนไทยเป็นอันมาก
แต่ก็นั่นแหละ ช่วงชีวิตระหว่างนั้น “โอ” ยังคงเป็นเจ้าชายผู้ทิ้งดิ่งชีวิตให้แก่ปาร์ตี้สังสรรค์สุดเหวี่ยงจนกลายเป็น “ภาพจำ” ของคนไทยที่แปรไปจากพระเอกหน้าหล่อ มาสู่โก๋นักเที่ยวตัวฉกาจ
คงจำกันได้เขาเคยกล่าวถึงตัวเองในการเข้าร่วมบันทึกเทป “เล่าเรื่องเหล้า” ของเครือข่ายงดเหล้า ซึ่งเผยแพร่เมื่อ 6 ตุลาคม 2560 หลังจากที่พยายามเลิกเหล้าอย่างจริงจัง โดยเล่าว่า ตนนั้นเริ่มดื่มเหล้าหลังกลับมาจากอังกฤษ จากนั้นเริ่มเข้าวงการบันเทิง แต่เป็นการดื่มแบบสังสรรค์ ช่วงที่ดื่มจัดก็เพราะตกงาน ซึ่งที่ตกงานก็เพราะดื่มเหล้า แล้วพอยิ่งดื่มเยอะก็ทำงานไม่ได้ ยิ่งทำให้ตกงานถาวร ยิ่งเครียดยิ่งดื่ม เป็นวงจรจนส่งผลกระทบต่อสมอง เริ่มจำอะไรไม่ได้ คิดช้า บาลานซ์เสีย ยืนหลับตาไม่ได้ มีอันจะต้องล้มลงทุกครั้ง!
และที่สุดมันคงสายเกินที่จะพลิกตัวกลับเพราะการดื่มเหล้านี่เองที่นำพา “โอ” มาถึงจุดจบ ไม่เพียงเรื่องงาน ความรัก แต่ยังเป็นร่างกายของเขาเองอีกด้วย
วายร้ายที่รัก
อีกภาพจำของคนไทยที่มีต่อ “โอ” วรุฒ ก็คือความโชคดีที่เขาสามารถกุมหัวใจของดาราสาวระดับนางเอกแถวหน้าของวงการบันเทิงไทยได้ถึง 2 คน
คนหนึ่งคือ “อุ๋ย” มณีรัตน์ วงศ์จีระศักดิ์ (นามสกุลขณะนั้น) ดาราวัยรุ่นที่มีชื่อเสียงในยุคนั้น เจ้าของฉายา “มาช่า 2” ทั้งคู่เป็นคู่รัก โอ-อุ๋ย ที่ไม่มีคนไทยคนไหนไม่รู้จัก เชียร์ให้ลงเอยกันตัวโก่ง
แต่แล้วหลงคบกันเข้าปีที่ 7 ไม่ใช่อาถรรพณ์อะไรเลยที่ทำให้ความรักอับปาง แต่เป็นการติดเพื่อน ติดเหล้า และติดเที่ยวอย่างหนักของฝ่ายชายนี่เองที่ทำให้ความรักหนนี้ต้องจบลง
จบจากอุ๋ย โอหันมาคบอีกหนึ่งนางเอกสาวหน้าหวาน “อุ้ย" สุธิตา เกตานนท์ (นามสกุลขณะนั้น) แต่ก็คงไม่แปลกใจที่ในที่สุดความรักครั้งนี้ก็ลงท้ายที่ทางแยก ด้วยเหตุผลเดียวกัน!
คนไทยรู้สึกเสียดายกับความรักของ “โอ” วรุฒ พอๆ กันทั้งสองครั้ง และทุกวันนี้เมื่อสองดาราสาวปรากฏตัวต่อสื่อ คำถามเดียวที่พวกเธอต้องเจอคือสาเหตุแห่งการเลิกรากับพระเอกหนุ่มที่เหมือนจะยังคงเป็นปริศนาคาใจคนไทยยุคนั้นมาตลอด และเป็นปมที่ต่างฝ่ายต่างไม่เคยได้คลายเงื่อนที่เคยผูกไว้ต่อกันเลย
โดยเฉพาะฝ่ายหญิงที่คนไทยพากันให้ความเห็นใจต่อคราบน้ำตาที่เธอได้รับจากผู้ชายคนนี้ เฉกเช่นเดียวกับผู้หญิงคนอื่นๆ ที่ผ่านมาในชีวิตของพระเอกโอหลังจากนั้นมา
อย่างไรก็ดีวันนี้เมื่อโอจากไปแล้วถ้าใครจะนิยามความเป็น “โอ” ว่าอย่างไร แต่เขาก็ไม่เคยล้มเหลวในบทบาทการแสดงที่ได้รับ ทุกการแสดงของเขาคือ "มืออาชีพ!
และนี่จะเป็นความทรงจำของเราเกี่ยวกับ “โอ" วรุฒ นับจากนี้ตลอดไป