บันเทิง

ชีวิตที่ไม่ได้โรยด้วยกลีบกุหลาบของ 'เจษ-เจษฎ์พิพัฒ' 

ชีวิตที่ไม่ได้โรยด้วยกลีบกุหลาบของ 'เจษ-เจษฎ์พิพัฒ' 

31 ส.ค. 2561

"เจษ" เจษฎ์พิพัฒ ติละพรพัฒน์ บอกเล่าเรื่องราวดราม่าที่หลายคนคาดไม่ถึงกับการเป็นทายาทเจ้าของตลาดชื่อดัง สู่การถูกถอดฟ้าแลบจากละคร เส้นทางกว่าจะเป็นพระเอก


    ทีมบันเทิง คมชัดลึก - เรียกว่าเป็นการเปิดอีกมุมของพระเอกหนุ่ม "เจษ" เจษฎ์พิพัฒ ติละพรพัฒน์ ที่มาเปิดใจในรายการ "คุยแซ่บ Show" ทางช่อง One31 ที่มี "พีเค" ปิยวัฒน์ และ ธัญญ่า ธัญญาเรศ เป็นพิธีกร ถึงเรื่องราวชีวิตของเขาที่หลายคนไม่เคยรู้มาก่อน
 

   เห็นว่าเป็นทายาทเจ้าของตลาดรังสิต ชีวิตเป็นยังไง?
    "ผมขออธิบายก่อน เราไม่ได้เป็นคุณหนูเลยครับ หมายถึงว่าทั้งการทำตัวเราด้วย แล้วก็ที่บ้านด้วย จริงๆครอบครัวผมเป็นแค่ส่วนหนึ่งของตลาดรังสิตครับ"
    เรามีส่วนไปช่วยเหลือธุรกิจที่บ้านบ้างไหม?
    "ไม่มีเลยครับ เพราะว่า พ่อให้เลือกว่าจะทำอะไรในชีวิต ตอนเรียนจบ ก็เลยเลือกที่จะทำงานตรงนี้ พอมีโอกาสได้ลองทำ ก็เลยชอบ แล้วก็ผมเป็นเด็กที่ไม่ชอบยอมแพ้อะไร คือทำอะไรต้องทำให้สุดทำให้ดีที่สุดอะไรประมาณนี้ พอรู้สึกว่าทำไม่ได้ ก็จะต้องทำให้ได้"
    เคยถูกเปลี่ยนตัวจากละครเรื่องหนึ่งแบบสายฟ้าแลบ เกิดอะไรขึ้นตอนนั้น?
    "ประมาณปี 51 ครับ ตอนอยู่ค่าย Exact เราก็คาดหวังว่า เราอยู่ในค่ายละครที่ค่อนข้างใหญ่แล้ว เราอยากจะมีละครเล่น อย่างจะขึ้นไปเป็นพระเอกให้ได้ในสักวันหนึ่งอะไรแบบนี้ ได้มีโอกาสแคสละครได้เรื่องหนึ่ง แต่ก็มีปัญหาอยู่ คือเราอาจจะเล่นไม่ถึงแล้วก็ ฝีมือการแสดงเราน้อย เพราะเราไม่เคยเล่นละครมาก่อนเลย ก็ได้มีการ workshop กัน แล้วก็มันมีช่วงหนึ่งที่ผมต้องไปอเมริกา ไปหาพี่ผม ซึ่งผมจะไปทุกปี พอกลับมาก็ถูกถอดจากละครเรื่องนี้เลย เขาให้เหตุผลว่าเราเล่นไม่ได้ ตอนนั้นผมรู้สึกแย่มาก ผมจะโทษคนอื่นหมดเลย ผมโทษที่ค่าย คุณครูที่สอน แอ็คติ้ง ตอนหลังก็คิดได้ คือเขาหวังดีกับเราทุกคน เขาจะมานั่งจ้ำจี้จ้ำไชสอนการแสดงเราทำไม เขาก็ไม่ได้เงิน เราก็ไปเรียนฟรี เราจะเป็นฝ่ายได้ชื่อเสียงได้เงินจากเขาซะมากกว่า การนั่งโทษคนอื่นมันไม่ทำให้ตัวเราลุกขึ้นกลับมา ก็เลยสู้อีกครั้งหนึ่ง"
    เป็นคนมุ่งมั่นตั้งแต่เด็ก
    "ใช่ครับ ถามว่ามุ่งมั่นไหมผมไม่แน่ใจนะ แต่เรื่องยอมแพ้ผมไม่ยอมแน่ๆ ผมจะไม่ยอมอะไรเลยไม่ว่าผมจะทำอะไร ต้องการอะไร ผมต้องทำให้ได้ ต้องไปให้สุด"

 

ชีวิตที่ไม่ได้โรยด้วยกลีบกุหลาบของ \'เจษ-เจษฎ์พิพัฒ\' 

ชีวิตที่ไม่ได้โรยด้วยกลีบกุหลาบของ \'เจษ-เจษฎ์พิพัฒ\' 

 


 

    ทางบ้านว่ายังไงบ้างที่เข้ามาในวงการบันเทิง?
    "คุณพ่อคุณแม่บอกตั้งแต่เด็กแล้วครับว่าอยากทำอะไรให้ทำเลย แต่ว่าต้องทำให้สุด เหมือนกันครับมันเลยทำให้ผมต้องทำให้สุดเหมือนกัน"
    เห็นว่า ครอบครัวเคยเจอเหตุการณ์วิกฤต เล่าให้ฟังหน่อยได้ไหม?
    "วิกฤตปี 40 ครับ เมื่อก่อนพ่อผมก็จบเมืองนอกมาเหมือนกัน แล้วพ่อผมก็กลับมาทำธุรกิจส่วนตัว เป็นบริษัทอสังหาริมทรัพย์ ทำพวกหมู่บ้านจัดสรรเพราะพ่อผมเป็นวิศวกร ตอนนั้นมีเงินเยอะมากๆเลยครับ แล้ววันหนึ่งคุณพ่อไปกู้เงินเพื่อทำโครงการนึง แล้วโครงการยังไม่เสร็จ แล้วมันล่ม เราก็เลยไม่มีเงินที่จะทำ process โครงการให้มันแล้วเสร็จไปต่อได้ ก็เลยติดหนี้แล้วก็ล้มละลาย ซึ่งปีนั้นก็ล้มกันเป็นโดมิโนเลย"

 

 

ชีวิตที่ไม่ได้โรยด้วยกลีบกุหลาบของ \'เจษ-เจษฎ์พิพัฒ\' 

ชีวิตที่ไม่ได้โรยด้วยกลีบกุหลาบของ \'เจษ-เจษฎ์พิพัฒ\' 

 


    แล้วชีวิตเราเปลี่ยนแปลงยังไงบ้าง?
    "ผมนับถือพ่อผมมากเลย ชีวิตผมไม่เปลี่ยนเลยครับ คือที่บ้านเมื่อก่อนรวยมาก ที่บ้านจะมีรถ volvo หลายคันเลย แต่ตอนนี้ไม่ได้รวยขนาดนั้นครับ ตอนนั้นเราไม่รู้ พ่อแม่ปิดไว้ เด็กๆก็ไม่รู้สึก เราก็แค่แบบเออรถมันหายไปแค่นั้น ก็ไม่ได้มีผลกระทบอะไรกับที่บ้าน แต่ที่รู้สึกได้คืออารมณ์ของพ่อแม่เหมือนจะหงุดหงิดง่ายขึ้นอะไรแบบนี้"
    แล้วเรามารู้ความจริง ว่าพ่อแม่ผ่านวิกฤตตอนนั้นมา ตอนไหน?
    "ตอนนี้พ่อก็ยังไม่บอกผมนะว่าเกิดอะไรขึ้น แต่ที่รู้ความจริงคือผมไปถามเขา เพราะว่าผมเรียน Finance ต้องเรียนเกี่ยวกับวิกฤตปี 40 และเขาก็บอกว่าเขาเจออะไรมา ก็เล่าอย่างละเอียดเลยครับว่าเจอมายังไง แต่ว่าพ่อจะไม่ได้เล่ามุมดราม่านะ แม่จะเป็นคนเล่าให้ฟังตอนหลังมากกว่า"
    กว่าครอบครัวจะสามารถลุกขึ้นมายืนได้อีกครั้ง ใช้เวลานานไหม?
    "สำหรับตัวผมมันเหมือนเดิมมาตลอดครับ แต่ว่าถ้าสำหรับเขา ก็ค่อยๆเพิ่มขึ้นจากวัตถุจากสิ่งของต่างๆนานา พวกรถ ของใช้ในบ้านอะไรแบบนี้ ก็ค่อยๆเปลี่ยน ค่อยๆดีขึ้น ที่เรารับรู้ได้ น่าจะประมาณตอนผม ม.ปลาย เพราะช่วงที่เกิดวิกฤตผมเพิ่งอยู่ตอนประถมเอง"
    พ่อแม่มีความสำคัญกับความสำเร็จ ของเราขนาดไหน?
    "สำคัญที่สุดเลยครับ ทุกวันนี้ก็ทำเพื่อครอบครัวอยู่ ปัจจุบันนี้ผมจะคิดถึงตัวเองน้อยมาก ผมรู้สึกว่าผมคิดถึงแค่ตัวเองมันไปได้นิดเดียว ผมจะทำไปทำไม ผมก็ไม่ได้ลำบากอะไร แต่ว่าถ้าเพื่อเขา ให้เขารู้สึกภูมิใจที่เห็นเราประสบความสำเร็จ อันนั้นตัวเราจะหนัก แต่เราจะผลักตัวเองให้ไปได้ไกลกว่าเดิม"

 

ชีวิตที่ไม่ได้โรยด้วยกลีบกุหลาบของ \'เจษ-เจษฎ์พิพัฒ\' 

ชีวิตที่ไม่ได้โรยด้วยกลีบกุหลาบของ \'เจษ-เจษฎ์พิพัฒ\' 

ชีวิตที่ไม่ได้โรยด้วยกลีบกุหลาบของ \'เจษ-เจษฎ์พิพัฒ\'