'มิกกี้'เล่าโมเม้นต์สุดโรแมนติคขอ 'เจนี่' แต่งงาน (คลิป)

         สร้างความฮือฮาอย่างมาก เมื่อ "มิกกี้" นนท์ อัลภาชน์ ณ ป้อมเพชร หวานใจของ เจนี่ เทียนโพธิ์สุวรรณ์ จัดซีนหวานคุกเข่าขอนางเอกสาวรุ่นพี่แต่งงานริมทะเล ดังนั้นเมื่อพบกับ "มิกกี้" ในงานร่วมเปิดแคมเปญ "สมหวัง ฮุคเต็มหมัด จัดMax" ที่ สนามแม็กซ์ มวยไทยสเตเดี้ยม พัทยา จ.ชลบุรี จึงต้องย้อนถามไถ่เหตุใดจึงตัดสินใจในวันนั้น

         "ถามว่าตัดสินใจนานไหม จริงๆแล้วแพลนไว้ว่าจะทำที่กรุงเทพก่อน แต่กรุงเทพอะไรหลายๆ ที่คนไม่พร้อม งั้นเราไปเงียบๆ ที่อเมริกาแล้วกัน ซึ่งเรามีแพลนว่าจะไปเที่ยวกันอยู่แล้ว"

บรรยากาศ ณ วันนั้นเป็นอย่างไรบ้าง
         "จริงๆ ต้องบอกตามตรงไว้ว่า มิถุนายนมี 30 วันและวันที่ 30 เราจะไปทะเล เราเพิ่งรู้ทีหลัง เราเลยต้องเตี๊ยมกับเพื่อนเขาที่นู่น รีบบอกว่าให้เตรียมใหม่ วันนั้นตอนแรกเจนี่จะไม่ไป เพราะว่าอยากซักผ้า เกือบไม่ได้ไป เราพยายามดันบอกว่าเราไม่เคยมา อยากให้ไป"

โมเม้นท์ที่คุกเข่าของแต่งงานบอกกับเจนี่ว่าอย่างไรบ้าง
         "พูดตรงๆว่าเราก็ตื่นเต้นเนอะ ตื่นเต้นทั้งสองอย่าง คือหนึ่งเราจะขอเขาเราตื่นเต้น สองเขาก็จะไม่เป็นใจให้เราเพราะว่าเขาจะรีบกลับ เพราะอะไรหลายๆอย่างวันนั้นยอมรับผมเล่นมือถือเตรียมกับเพื่อนเขา เขาคงรู้สึกว่ามาเที่ยวแล้วทำไมเล่นมือถือเยอะ เขาอยากรีบกลับ อารมณ์ไม่ค่อยดี แต่เราก็ตื่นเต้นพยายามรั้งๆ เขาไว้ แล้วเขาจะรีบไปอย่างเดียว เพื่อนเขาส่งสัญญาณมาแล้ว เราก็คุกเข่าเลยแล้วกันไม่รู้จะพูดว่าอะไร (ตอนคุกเข่ากลัวเขาปฎิเสธไหม) กลัวเขาปฎิเสธไหม ผมไม่เตรียมใจว่าเขาจะปฎิเสธนะ ไม่น่านะ แต่กลัวว่าเขาจะหนีกลับก่อนเท่านั้นนะ"

ประโยคที่คุกเข่าขอแต่งงาน
         "บอกว่าเบบี๋ แต่งงานกับไอนะ แล้วก็พูด สั้นๆ ถามว่าเขาตอบว่าไง คือเขาน้ำตาไหล ผมก็น้ำตาไหลแล้วก็กอดเขา  แล้วก็จะมีเพลงคลออยู่ด้านหลัง ผมตื่นเต้นจนหูดับแล้วรู้อยู่ในหัวขอเราอย่างเดียวว่าอยากจะขอเข่าแต่งงาน"
ทำไมถึงตัดสินใจขอเจนี่แต่งงานทั้งๆที่รู้จักกันมาไหมนาน 
         "ก็เป็นคำถามที่หลายคนถาม แต่สำหรับผมๆเป็นคนที่รู้ว่าต้องการอะไรตั้งแต่สมัยเรียนแล้ว ภายในช่วงเวลานี้เราอยากทำอะไรเราอยากได้อะไร เราจะทำอะไร เราแพลน แล้วเรารู้ว่าเราต้องการอะไร อย่างคุณพ่อกับคุณแม่คบกัน 3 เดือน ยังอยู่กันมา 25 -30 ปี ซึ่งผมรู้สึกว่าเวลาที่คบกันมันไม่ใช่ปัญหา"

อะไรที่ทำให้เรารู้สึกว่าเจนี่ใช่สำหรับเราแล้ว
         “สำหรับผม ผมเชื่อว่าหลายๆ คนเวลาเราเกิดมาครั้งแรก คุณแม่เป็นรักแรกที่รู้สึกว่าอบอุ่น แล้วก็ทะนุถนอมเรา แล้วเวลาผมอยู่กับเจนี่ สิ่งที่เขาให้ผม ความรักที่เขามีให้ผม เป็นสิ่งที่อ่อนน้อม  แล้วก็ทะนุถนอม แล้วเขาก็ดูแลผมดีมาก”

เจนี่อาจจะมีอดีต เราคุยกันเรื่องอดีตตรงนี้อย่างไรบ้าง
         “ไม่เคยคุยเรื่องอดีตครับ เพราะว่าเราอยู่กับปัจจุบัน แล้วก็มองแค่อนาคต เรื่องอดีตเอามาคุยก็ไม่ได้เกิดประโยชน์อะไรครับ ก็เลยไม่ได้พูดเรื่องอดีตเลย”

เจนี่เคยผ่านการแต่งงานมาแล้ว แล้วไม่ประสบความ สำเร็จ ตอนที่เราตัดสินใจขอเขาแต่งงาน เรากลัวไหมว่าเขาจะปฏิเสธเรา เพราะว่าอดีตที่ผ่านมา
         “สำหรับผมคือ เจนี่เหมือนผม คือเขารู้ว่าใครเป็นยังไง แล้วเขารู้ว่าใครเป็นยังไง ถ้าเขามั่นใจที่จะตอบตกลงกับผม ผมก็เชื่อใจเขา ว่าเขามองเห็นได้ว่าเราทั้งคู่ไปด้วยกันได้”

ครอบครัวเราว่าอย่างไรบ้าง เห็รว่าเข้ากับคุณแม่เราได้ดีมาก
         “ครับ ก็ทั้งคุณพ่อคุณแม่ รักและเอ็นดูเจนี่เหมือนลูกแท้ๆ บางทียังมีโมเมนต์รักมากกว่าผมอีก(ยิ้ม) ก็รู้สึกว่าตรงนี้เราก็ดีใจ ที่เขาเป็นส่วนหนึ่งของครอบครัวเรา แล้วก็เข้ากับที่บ้านได้ทุกคน”

งานแต่งงานตอนนี้แพลนไว้อย่างไรบ้าง
         “ตอนนี้เราก็ทำทุกอย่างเอง อย่างที่เจนี่พูดไป เราไม่มีเวดดิ้งแพลนเนอร์ เพราะว่าเขาเป็นคนที่ละเอียด แล้วก็เลือกทุกอย่างด้วยตัวเอง ทุกอย่างในงานมีความหมาย ไม่ว่าจะเป็นการ์ด การตกแต่งดอกไม้ทุกอย่าง เราไม่ได้ใช้เวดดิ้งแพลนเนอร์ ก็เหนื่อยนิดหนึ่ง แต่รู้สึกว่าคุ้มค่า (ยิ้ม)”

ได้วันที่ระบุแน่นอนหรือยัง
         “วันที่แน่นอนเรามีดูไว้แล้วนะ แต่ทีนี้อยากให้ใกล้กว่านี้ดีกว่า เดี๋ยวเราเชิญพี่ๆ สื่อทุกคนแน่นอน (เป็นเดือนตุลาคมจริงไหม?) เป็นเดือนตุลาคมครับ มี 2 ที่ จัดกับครอบครัว แล้วก็ญาติผู้ใหญ่ แล้วก็จะมีงานที่จัดกับกลุ่มเพื่อนเราเอง ส่วนพี่ๆนักข่าวไปวันไหน เดี๋ยวผมแจ้งแน่นอน ได้ไปแน่นอน (ยิ้ม) (อีกที่หนึ่งนอกจากกรุงเทพใช่สมุยไหม?) อีกที่หนึ่งเป็นต่างจังหวัด กำลังดูโรงแรมอยู่  ว่าที่ไหนสะดวกที่สุด”

อีกไม่กี่เดือนจะถึงวันงานแล้ว ตื่นเต้นไหม
         “ผมว่าคนรอบข้างตื่นเต้นมากกว่าตัวผมกับตัวเจนี่เองอีก เลยทำให้เรารู้สึกว่าตื่นเต้นก็ไม่ใช่เรื่องแปลก”

พอมาคบกับเจนี่ ทำให้เราถูกจับตามองมากขึ้น ชีวิตเราเปลี่ยนไปอย่างไรบ้าง
         “ผมทำตัวเหมือนเดิม เสมอต้นเสมอปลายตั้งแต่วันแรก ไม่ได้มองว่าเราเป็นแฟนเจนี่ เราต้องมีหน้ามีตามากขึ้น ไม่เคยมองอย่างนั้น เราก็ใช้ชีวิตของเราปกติ แต่แค่ทำอะไรเราก็ต้องนึกมากขึ้นว่าตอนนี้เรามีเจนี่เข้ามาอยู่ในชีวิตเรา เราจะทำอะไร เราก็ต้องรักษาหน้าตาและภาพพจน์ของเขา”

ก่อนหน้านี้ที่เป็นข่าวแล้วเรายังไม่ได้เปิดตัวเราอึดอัดไหมที่คนจับตามอง?
         “ไม่อึดอัด แต่หลายคนใจร้อนอยากให้เราตอบทำที ซึ่งเจนี่บอกตั้งแรกเลยว่าถ้ามีอะไรคืบหน้า หรือ อัพเดท ทุกคนก็จะรู้เอง และเขาจะออกมาพูดเอง เราก็ใช้ชีวิตปกติ”

ได้ให้คำสัญญาอะไรกับเจนี่ไหมเพราะที่ผ่านมาความรักเขาไม่ค่อยประสบความสำเร็จ?
         “ผมว่าแค่คำพูดใครก็พูดได้ เราทำตัวให้เขาเห็นดีกว่า ตั้งแต่วันแรกจนถึงวันนี้ เขาจะได้เห็นว่าเราเสมอต้นเสมอปลาย อนาคตจะเป็นยังไงเขาก็ทราบดี”

เรื่องลูกแพลนไว้ยังไง?
         “ผมเป็นคนชัดเจนกับตัวเองมาตลอดว่าต้องการอะไร ทั้งเรื่องเรียนเรื่องบวช และผมอยากมีครอบครัวก่อนอายุ 30 ปี ส่วนเรื่องลูกเรากำลังคุยๆกันอยู่ ถามว่าแต่งแล้วจะมีลูกเลยไหม เราก็หวังว่าแบบนั้นแต่ต้องดูคิว ดูงานของเราสองคนก่อน เดี๋ยวไม่มีคนดูแลลูก”

มีคนมาคอมเม้นต์ค่อนข้างเยอะว่าเราขอเจนี่แต่งงานที่เดียวกับที่เคยขอแฟนเก่าแต่งงาน?
         “ผมไม่เคยขอแฟนเก่าแต่งงานนะ แฟนเก่าก็ไม่ได้เข้ามาใกล้ชิดกับที่บ้านผม ผมไม่แน่ใจว่าข่าวมาจากไหน สำหรับการที่คนขุดข่าวเก่ามาโจมตีผม ผมก็ไม่สามารถห้ามเขาได้ แต่อยากให้เขาให้เกียรติกับคนที่เขาเขียนถึง อยากให้เขาให้ความเคารพเพราะเวลาเราทำงานในวงการเราจะได้ทำงานด้วยกันง่ายๆ  ไม่ต้องมีเรื่องที่ไม่เกิดสาระขึ้นมา ผมเป็นลูกผู้ชายพอ ผมกล้าพูดได้ว่าผมหยุดกับแฟนคนเก่าก่อนจะมาเริ่มใหม่ คุณพ่อคุณแม่ผมสอนมาให้เป็นลูกผู้ชาย ให้เกียรติ ให้ความเคารพและยกย่องผู้หญิงทุกคน”

ถามถึงการที่เราเอาตราสัญญลักษณ์ประจำตระกูลมาใช้ในการ์ดแต่ง?
         “จริง ๆ เรามีตราประจำตระกูลมานานแล้ว แต่พอมีเรื่องแต่งงานเข้ามา ทำให้ผมเพิ่งได้รู้ประวัติอะไรหลายๆอย่างของครอบครัวเหมือนกัน แม้กระทั่งตราประจำตระกูลก็เพิ่งเห็นเมื่อปีที่แล้ว ผมก็อยากให้เจนี่รู้สึกว่าเป็นครอบครัวเดียวกับเราครับ”