โรคอะไร!! ทำ 'โยโกะ ทาคาโน่' ความจำขาดหาย

    หายหน้าหายตาจากวงการไปพักใหญ่สำหรับ โยโกะ ทาคาโน่ อดีตเซ็กซี่สตาร์ ซึ่งก่อนหน้านี้มีข่าวว่าป่วยหนัก ล่าสุดได้เจอในรอบปฐมทัศน์ภาพยนตร์เรื่อง “400 นักรบ ขุนรองปลัดชู” ได้สอบถามถึงอาการป่วย ที่ ลานอินฟินิทซิตี้ ชั้น 5 พารากอนซีนีเพล็กซ์ ศูนย์การค้าสยามพารากอน ได้ความว่า 
 

    “ที่หน้าบวมเพราะไปทำฟันมา ใส่รากฟันเทียม คือด้วยความที่เรากินยากดภูมิอยู่ด้วย โยเป็นสมองอักเสบอยู่เนื่องจากภูมิคุ้มกันตัวเองนี่แหละ ทีนี้ก็ต้องทานยากดภูมิ เราก็เคยรักษารากฟันอยู่ แล้วมันติดเชื้อ มันเป็นเอฟเฟคของยาที่กดภูมิที่เรากิน ทำให้เราไม่มีภูมิ ก็รักษารากฟันอยู่ อาการป่วยตอนนี้ก็เหมือนเดิมต้องทานยาตลอด แต่พอตอนนี้ต้องทำรากฟันด้วย และกำลังลุ้นจะไปแก้คาง จากอดีตที่เคยผิดพลาดไป เพราะเราเคยฉีดฟีลเลอร์ แล้วเคยไปเอาออกแต่หมอบอกว่ามันออกไม่หมดนะ ทำทีเดียวไม่ได้หรอก เราก็ไปเอาออกเรื่อยๆ จนเป็นแผลใต้คางอยู่นี่ ต้องผ่าทั้งในปากและผ่าใต้คาง แต่มันก็ไม่หมด และตอนนี้เหมือนมันจะพูดลำบากด้วย ก็เลยตัดสินใจจะไปให้หมอที่เกาหลีแก้ไขให้คือมีข้อเสนอจากทางคลินิคที่เกาหลีมา ก็คิดว่าน่าสนใจดีก็ลองดู แต่ยังไม่ทราบรายละเอียดเลยว่าเมื่อไหร่ ยังไม่ได้คุยถึงขั้นนั้น คุยแค่ว่าเราเอาผลตรวจร่างกายไปให้คุณหมอก่อน เราก็ต้องปลอดภัยไว้ก่อน เพราะเรามีโรคประจำตัว”

 

 

 

 
    เมื่อถามต่อว่าคิดว่าจะทำแค่คางหรือทำอย่างอื่นด้วย โยโกะกล่าวแจงว่า 
    “น่าจะแค่คางก่อน แต่ถ้าจะสวยขึ้นอีกก็ไม่ว่านะ ตอนนี้กังวลที่สุดเพราะมันเริ่มพูดไม่ได้ พูดไม่ชัด เพราะเราต้องใช้ปากซะด้วยสิ เราต้องพูดเยอะ เวลาดูดวงให้ใครเราก็ต้องพูดเยอะ ต้องมีไปอ่านดวงให้ทาง INN ด้วย ก็กังวลว่าเราจะพูดขัดๆ พูดไม่ชัด (ต้องใช้เวลารักษานานมั้ย) เขาบอกว่าเร็วนะคงไม่ได้ใส่อะไรเพิ่มเข้าไป แต่อาจจะแก้ไขตรงจุดปลายประสาท หรือตรงที่ยังค้างคาอยู่ ถามว่าคาดหวังมั้ย ก็คงไม่ได้คาดหวังว่าต้อง 100% แล้ว เพราะมันคงเป็นไปไม่ได้หรอก ก่อนอื่นเลยเราต้องยอมรับก่อนว่าความผิดพลาดของเราเป็นอะไร แล้วเราไปทำมาผิดพลาดมา อันนี้ฝากเตือนเลยใครที่คิดจะไปฉีดฟีลเลอร์ให้ระวัง ณ ตอนนี้อาจจะสวย แต่ต่อไปล่ะมันสวยหรือจะยังไง เราก็ไม่รู้ว่าเขาใส่อะไรให้เราบ้าง นั่นแหละปัญหา เพราะฉะนั้นไม่แนะนำให้ทำ แต่ ณ ตอนนี้ก็หวังไว้ 70-80% แล้วกัน อยากให้มันแค่ดีขึ้นค่ะ แต่จะให้ 100% คงเป็นไปไม่ได้ ส่วนจะเดินทางเมื่อไหร่นั้น ยังไม่ทราบเลย กำลังปรึกษาคุณหมอที่เกาหลีอยู่ แต่ก็ยังไม่ทราบว่าคุณหมอจะตอบรับอะไรยังไง จะเดินทางเมื่อไหร่ ต้องไปเช็คร่างกายที่นั่นเลยมั้ย คือต้องสแกนด้วยมั้ยว่าหน้าเราเป็นยังไงบ้าง ส่วนเรื่องค่าใช้จ่ายนั้น ก็ให้เขาดูแลให้นิดหนึ่งเป็นเคสพิเศษ (หัวเราะ) แต่จะทำอะไรเพิ่มเติมเดี๋ยวคงต้องคุยกัน”

 

 

รูปเมื่อ 11 ปีที่แล้ว

    ถามถึงโรคประจำตัวตอนนี้ว่าเป็นอย่างไรบ้าง ซึ่งเซ็กซี่สตาร์กล่าวแจงว่า 
    “โรคประจำตัวก็คือภูมิคุ้มกันล้น มันไปทำลายเซลล์ของตัวเอง ทำลายเม็ดเลือดขาวในร่างกาย และมันไปเกาะในสมองและก้านสมอง ทำให้เราจำเรื่องในอดีตไม่ได้ จำได้แค่บางช่วง คือบางทีจำเรื่องได้แต่ไม่หมด เหมือนเป็นบางช่วงความจำที่มันขาดหาย แต่ไม่ได้ขาดหายทั้งหมด เวลาโดนถามอะไรมาเราก็เออๆ ไป แล้วก็มานึกว่าเราเคยไปด้วยเหรอ เคยเกิดขึ้นเหรอ (หัวเราะ) ถามว่ามันส่งผลกับชีวิตประจำวันไหม ก็ส่งผลตอนออกมาเจอคนนี่แหละ (หัวเราะ) ก็คือจำคนไม่ได้ จำหน้าได้นะ แต่จำไม่ได้ว่าเคยเจอที่ไหน จำชื่อไม่ได้ ถ้าเราไม่กินยาต่อเนื่อง มันก็จะไปทำงายก้านสมองไปเรื่อยๆ เพราะว่าภูมิมันล้น เมื่อมันล้นมากๆ กลายเป็นว่าทุกอย่างในร่างกายเป็นพิษกับเราหมด ก็คล้ายๆ โรคพุ่มพวงที่เข้าใจกันง่ายๆ จะทำลายภูมิคุ้มกันให้หายไปเรื่อยๆ แต่ของเราคือภูมิคุ้มกันเยอะไป มันทำลายตัวเราเองไปเรื่อยๆ คือเซลล์ดี เซลล์ไม่ดีมันทำลายหมดเลย ก็ต้องกินยาคุมอาการให้อยู่ เพราะว่าโรคนี้เป็นโรคกรณีศึกษา จริงๆ แล้วโรคนี้คนรู้น้อยนะ และอีกอย่างคงเพิ่งค้นพบได้ไม่นาน เพราะฉะนั้นมันก็ต้องเป็นกรณีศึกษา นอกจากหมอจะต้องศึกษาแล้ว คนไข้ก็ต้องศึกษาด้วยว่าเรามีโรคประมาณไหน เราก็ต้องกลับไปดูอดีต ซึ่งเราก็จำได้บ้างไม่ได้บ้าง"

 

 

    

       ถามต่อว่ามารู้ตัวว่าเป็นตอนไหน ซึ่งโยโกะแจงว่า "รู้ตัวตอนถูกหามเข้าโรงพยาบาลเลย ครั้งแรกยังไม่ทราบนะ เพราะว่าโรงพยาบาลแรกเขาบอกว่าหาไม่เจอ ไม่รู้ว่าเป็นอะไร ก็ให้ยาไปเรื่อยจนเราไตวายเฉียบพลัน คือไตวายไปแล้ว ก็เหมือนคนตายแล้วฟื้นเลยนะ เพราะตอนนั้นเราไม่รู้เรื่องแล้ว แม่หามออกมาเข้าอีกโรงพยาบาลหนึ่งก็คือต้องล้างไตเลย จำไม่ได้ว่ารักษาที่โรงพยาบาลแรกนานเท่าไหร่ แต่พอฟื้นมาก็จำอะไรไม่ได้ เห็นหน้าคุณแม่เราก็ถามคำแรกเลยว่าหนูกำลังจะตายใช่มั้ย แล้วก็ค่อยๆ ฟื้นขึ้นมาเรื่อยๆ ตอนที่รักษายอมรับว่าท้อ เพราะแม่เราอายุมากแล้ว 70 กว่า เราก็อายุ 40 กว่าแล้ว มันก็มีบ้างที่ต้องท้อ แต่ท้อยังไงก็ต้องสู้ มันรอดมาแล้วยังไงเราก็ต้องสู้ต่อไป”
    แล้วความรักตอนนี้เป็นยังไงบ้าง
    “อยากมีนะ แต่มันไม่มีนี่สิ (หัวเราะ) เรามัวแต่ไปทุ่มกับการดูแลตัวจนไม่ได้ไปมองใครเลย เพราะเราก็อยากจะหาย หรือไม่หายก็ต้องอยู่กับมันให้ได้ กว่าจะมาได้ขนาดนี้ก็เป็นปีๆ นะ กว่าจะปรับจูนได้ กว่าจะเริ่มฟื้นว่าเราเคยเป็นโยโกะนะ เคยเป็นอย่างนั้นอย่างนี้มานะ กว่าจะเท้าความอะไรต่ออะไรได้มันก็เป็นปีๆ นะ จะเอาเวลาที่ไหนหาละ เราต้องดูแลตัวเองก่อน เอาให้รอดนิดหนึ่ง (หัวเราะ) สำหรับดวงของตัวเองก็ดูอยู่บ้างนะว่าจะมีคู่เมื่อไหร่ คาดว่าน่าจะอีกไม่กี่ปีนี้แหละ 2-3 ปี ลักษณะไม่รู้ว่าเป็นยังไง อาจารย์ก็ไม่มีใครยอมบอกด้วย บอกแค่ว่าจะมีเข้ามา แต่แล้วแต่เราว่าจะเอามั้ย อายุมากน้อยก็ไม่ได้บอก แต่อาจารย์บอกว่าถ้าเจอแล้วจะปิ๊งเลย (ยิ้ม) เขาบอกว่าอาจจะไม่ได้ถึงกับแต่งงานหรือแต่งก็ไม่ทราบนะ แต่น่าจะอยู่เพื่อดูแลซัพพอร์ตกันได้มากกว่า (ชอบผู้ชายแบบไหน) เมื่อก่อนสเป็กเป็นยังไงจำไม่ได้นะ แต่ตอนนี้รู้สึกว่าไม่ได้ชอบคนหล่อ คือจะหล่อไปไหน หน้าสวยกว่าฉันอีก ก็เลยรู้สึกไม่ชอบ (หัวเราะ) เรารู้สึกว่าเราก็ผู้หญิงเนอะ ถ้าจะมาหล่อมากๆ นี่ก็พ่อเทพบุตรเอ๊ย อยู่บนหิ้งเถอะ” โยโกะ กล่าวปิดท้ายขำๆ