
'เพชร' สหรัตน์ เอ่ยปากจบ 'ตั๊กแตน' ชลดา ด้วยดี
"เพชร" สหรัตน์ เปิดใจครัั้งแรกหลังหย่า เผยจบ "ตั๊กแตน" ชลดา ด้วยดี ค่าลิขสิทธิ์เพลงขอยกให้ฝ่ายหญิงทั้งหมด ยันระหว่างคบกันไม่เคยนอกใจ
กลายเป็นที่จับหลังจาก “ตั๊กแตน” ชลดา หย่าขาดจาก “เพชร” สหรัตน์ เพราะสาเหตุมือที่ 3 ล่าสุดได้เจอนักร้องหนุ่มในงานประกาศรางวัลตุ๊กตาทองที่โรงละครอักษรา ได้สอบถามถึงชีวิตโสดที่ผ่าน ซึ่งเพชรกล่าวแจงว่า
“สบายดี ตอนนี้ทำงานอย่างเดียว เรื่องที่ต้องเคลียร์จบหมดแล้ว ทั้งเรื่องการหย่าอย่างที่ทุกคนได้ทราบ เราหย่ากันเรียบร้อยแล้ว ส่วนเรื่องลิขสิทธิ์เพลงนั้น ผมเป็นคนเขียนเพลงทั้งหมดให้กับคุณตั๊กแตน เรื่องรายได้ของลิขสิทธิ์เพลงอันนี้ ผมไม่ได้รับค่าลิขสิทธิ์เพลง แต่จะรับหรือเปล่าอันนี้ยังไม่ทราบเพราะว่าส่วนมากเวลาที่ไปรับเช็คจะเป็นคุณตั๊กแตนไปรับที่ตึกแกรมมี่ เอาตรงๆ ผมไม่กล้าไปรับเพราะด้วยความที่ผมอยู่อีกค่ายหนึ่งและผมก็ไม่อยากทำให้มันประเจิดประเจ้อ ซึ่งค่ายที่เป็นต้นสังกัดถ้าทราบก็อาจจะไม่พอใจ ผมเรียนให้ทราบว่าผมไม่ได้เป็นคนไปรับเช็คค่าลิขสิทธิ์เลย”
เรื่องลิขสิทธิ์เพลงปล่อยเลย หรือว่าต้องติดตามรายได้จากตรงนี้อยู่
“คงไม่ เพราะว่าผมทำเพลงให้น้องด้วยความตั้งใจที่จะทำจริงๆ เราคุยกันว่าถ้าทำเพลงแนวลูกทุ่งภาคกลางมาหลายอัลบั้ม และช่วงหลังๆกระแสดรอปลงมาบ้าง เลยลองเปลี่ยนแนวอีสานซึ่งเป็นแนวถนัดของผมเอง ตอนที่อยู่ด้วยกันเราก็ทำด้วยใจไม่ได้คิดเรื่องเงินอยู่แล้ว เราเต็มที่ ยกให้เขาเลยครับ ไม่ได้มีอะไรติดค้างเกี่ยวกับเรื่องลิขสิทธิ์เพลง
เรื่องทรัพย์สินหนี้สินร่วมกันเคลียร์หรือยัง
“ทรัพย์สินโดยส่วนใหญ่ ทั้งเรื่องค่าคอนเสิร์ตของผมเองทางเจ้าภาพจะรู้ดีว่าเวลาที่จ่ายเงินค่าคอนเสิร์ตเขาจะโอนเงินเข้าบัญชีของคุณตั๊กแตน แต่ว่าก็ใช้ด้วยกันไม่ได้หมายความว่าโอนเข้าบัญชีตั๊กแตนแล้วจะไม่ได้ใช้ด้วยกัน โดยส่วนใหญ่ค่าคอนเสิร์ตเราก็ใช้ด้วยกัน รวมถึงเรื่องของโรงงาน ที่เป็นชื่อของน้องตั๊กแตน แต่จริงๆเป็นธุรกิจที่ผมทำมานานแล้วพอน้องเข้ามาทำด้วย ผมก็โอนถ่ายเป็นชื่อของน้องแทน พอมีปัญหากัน น้องก็จะเป็นคนจัดการเรื่องธุรกิจไว้ก่อน พวกเครื่องจักรต่างๆ ส่วนที่เป็นเครื่องจักรผมซื้อกลับคืนมาจากน้องเขา เพราะน้องไม่สามารถทำธุรกิจต่อได้เพราะเขาไม่ได้มีความเชี่ยวชาญเรื่องธุรกิจพวกนี้อยู่แล้ว ผมเลยขอซื้อเครื่องจักรกลับคืนมาเพื่อดำเนินการต่อ น้องก็ควรจะได้ในส่วนนี้ ถ้าผมไม่ซื้อกลับคืน น้องก็คงต้องเก็บไว้เป็นเศษเหล็กเพราะทำอะไรไม่ได้ ส่วนเรื่องบ้าน บ้านใครบ้านมันอยู่แล้ว บ้านที่อยู่สายไหมเป็นบ้านของผมอยู่แล้วที่คุณแตนมาอยู่ด้วย ผมซื้อก่อนที่จะรู้จักกับคุณแตน บ้านคุณแตนที่อยู่รังสิตก็ยังเป็นบ้านของคุณแตนไม่ได้เกี่ยวข้องกันเรื่องบ้าน”
ทุกวันนี้ตัดขาดกันทุกทางไปแล้ว
“โดยส่วนตัวผมติดตามผลงานของน้องตลอด ไม่ได้มีความโกรธแค้น ไม่ได้มีอะไรติดค้างกัน อย่างอีกคนที่เป็นประเด็นข่าวกับผม เขาก็ใช้ชีวิตอยู่ที่อเมริกาของเขาไปตามปกติ มีช่วงหนึ่งที่เขากลับมาเมืองไทย ไปเช็คได้เลยว่าเราไม่ได้อยู่ด้วยกัน ไม่ได้เป็นแฟนกัน ไม่ได้สานสัมพันธ์อะไรกันต่อ และในช่วงที่เกิดปัญหาเรื่องการโพสต์ ผมก็ขอร้องเพื่อนๆด้วยซ้ำว่าอย่าไปแจ้งความกับน้อง เพราะตอนนั้นเรื่องราวมันไปถึงขั้นที่จะไปแจ้งความ พรบ.คอมพิวเตอร์ เพราะไปโพสต์แบบไม่มีการเซ็นเซอร์อะไรเลย ผมก็ขอร้องเพื่อนๆไม่ให้ไปมีเรื่องมีราว ทุกคนก็แยกย้ายกัน ก็จบลงกันด้วยดี หลังจากนั้นมาก็ไม่ได้ติดพันอะไรกัน ไม่มีอะไรติดค้าง เคลียร์กันโดยไม่มีปัญหา”
ตั๊กแตนมีแผลในใจกับเรื่องนี้ถึงขั้นบอกว่า เหม็นความรักไปเลย
“เอ่อ.. ผมมองว่าทุกคนรู้ความจริงอยู่แก่ใจว่าอะไรคืออะไรกับสิ่งที่มันเกิดขึ้น แล้วแตนทำอะไรอยู่ ผมทำอะไรอยู่ผมจะรู้ เราปิดคนอื่นได้ แต่เราไม่สามารถปิดตัวเองได้ ผมกล้าบอกได้ว่า อย่างคุณแจมมี่ ที่เป็นประเด็นข่าวผมไม่ได้สานสัมพันธ์อะไรกับเขา ไม่ได้มีอะไรต่อ ผมก็อยู่อย่างนี้ แต่ผมก็เข้าใจลักษณะของคนเป็นภรรยาไปเห็นข้อความอย่างนั้นก็ต้องมีความรู้สึกว่ามันไม่ใช่ มันหนักเกินที่เขาจะรับได้ เราเข้าใจเขา แต่ว่าเรื่องราวต่างๆที่มันเกิดขึ้นผมมองว่าใครทำอะไรคนนั้นก็จะรู้อยู่”
กับเรื่องราวทั้งที่โพสต์และถูกกล่าวหา เรามีอะไรจะบอกกับแฟนๆ เกี่ยวกับเรื่องนี้ไหม ?
“หมายถึงเรื่องแชทที่เกิดขึ้นใช่ไหมครับ จริงๆ ถ้าคนที่สนิทกันจะรู้ว่าผมเป็นคนพูดมาก ชอบหยอกคนนั้นคนนี้ และเป็นคนทะลึ่งอยู่แล้วครับ ยิ่งเพื่อนๆ ที่มีอายุเท่ากันก็จะพูดแล้วหยอกล้อกัน ข้อความค่อนข้างที่จะรุนแรงบ้างก็มี เพราะน้องเขาก็เพิ่งกลับมาจากอเมริกาเนื่องจากปกติไม่ได้อยู่ไทยอยู่แล้ว เขาอยู่ที่ฮาวาย พอมาถึงเราก็เจอกันที่ร้านลาบ คนเยอะมาก เราก็ต้องรักษาภาพอยู่แล้วในส่วนหนึ่ง แต่ด้วยความที่เรานั่งอยู่ในร้านนานและเจ้าของร้านอยู่จักว่าเป็นเพื่อนกัน ก็หยอกล้อกัน ทุกอย่างก็เต็มที่ ผมไม่ได้คิดอะไรมาก แต่ผมเป็นคนที่ไม่ได้ปิดนะ ถ้าผมมี ผมก็บอกว่าผมมี ตอนแรกที่คบกันหลายๆ คนก็บอกให้ปิด แต่ผมก็ไม่ปิดเพราะจะใช้ชีวิตลำบากมาก คบใครเราก็บอกว่าเราคบ อีกอย่างผมก็โฟกัสไปที่งานมากกว่า”
กับคำที่ถูกกล่าวหาว่าเจ้าชู้ เป็นเสือผู้หญิง จริงๆ เราเป็นแบบนั้นไหม ?
“ผมเจ้าชู้อยู่แล้ว ผมว่าทั้งหมดเราอย่ามาปฏิเสธการใช้ชีวิตของตัวเองเลย แต่เราต้องมีความรับผิดชอบมากกว่า ตอนผมอยู่กับน้องแตน ผมไม่ดื่มเลยนะเพราะน้องไม่ให้ดื่ม หลังๆ พอเราไม่ดื่มเพื่อนก็เริ่มที่จะถอยออกมาบ้าง ผมมองว่าเรื่องเจ้าชู้ถ้าผมอยู่แบบเป็นจริงเป็นจัง ผมก็เลิกได้นะครับ แต่พอเรามีความรู้สึกว่าความลับที่อยู่ภายในครอบครัวจะไม่มีใครรู้ว่าเกิดอะไรขึ้น”
ถึงจะเจ้าชู้ แต่ตอนเรามีครอบครัวก็ไม่เคยนอกใจใช่ไหม ?
“ไม่เคย เพราะเวลาผมไปไหน ผมค่อนข้างจะตัวติดกับแตนตลอด เราจะไปด้วยกันตลอด เว้นแต่ช่วงหลังๆ พอมีปัญหา มีอะไรที่อึดอัดใจ ก็เริ่มมีไปคุยกับเพื่อนบ้าง เริ่มคุยกับคนอื่นบ้าง ผมเชื่อว่าคนสองคนเวลาใช้ชีวิตร่วมกันมันจะมีคำมั่นสัญญาที่ให้ต่อกันนะครับ พอทุกอย่างมันโอเค คำมั่นสัญญาก็ยังคงที่ แต่ถ้ามีอะไรที่มีความรู้สึกว่าเริ่มอึดอัดใจก็ต้องหาทางระบายออกไป ก็เป็นเรื่องธรรมดา”
ในระหว่างที่ยังเป็นสามี-ภรรยา เคยนอกใจไหม ?
“ไม่เคย และอีกสิ่งหนึ่งกับข้อความต่างๆ ที่คนอื่นเขาโพสต์หลายครั้ง ไม่ว่าจะบอกว่าจับผมได้มาหลายครั้ง โดยนิสัยของแตน แตนเขาเป็นคนที่รับไม่ได้เรื่องพวกนี้ แตนคงไม่ทนมาหลายครั้งนะครับ เพราะเขาเป็นคนใจร้อนอยู่แล้ว ถ้าจับได้ว่ามีใคร เขาไม่เอาอยู่แล้ว จบเป็นจบ ก็มีครั้งนี้แหละที่พีคและแรงสุด จนถึงขั้นรับไม่ได้”
เสียดายเวลา 2 ปีที่ผ่านมาไหม ?
“ผมเสียดายนะ เพราะแตนเป็นคนขยัน เป็นคนตั้งใจทำงาน และช่วงที่อยู่กับเราก็ถือว่าโอเค ถือว่าดีมากๆ ก็เสียดาย”
อยากจะบอกอะไรกับตั๊กแตนไหม ?
“อยากจะบอกว่าสิ่งต่างๆ ที่เลวร้ายที่มันเกิดขึ้น ผมลืมไปหมดแล้วว่าเกิดอะไรขึ้น เพราะอย่างน้อยๆ ก็พิสูจน์ให้ผมกับคุณแจมมี่ไม่ได้อยู่ด้วยกัน ไม่ได้คบเป็นแฟนจริงๆ และอยากจะบอกหากมันทำให้เขารู้สึกว่ามันเลวร้าย ผมไม่ดี ก็ขอโทษ ช่วงนั้นที่ผมไม่ได้ตอบหรือพูดอะไร เพราะแค่ผมไอผมก็โดนด่าแล้ว ผมก็เลยต้องเงียบ และต้องขอโทษพี่ๆ สื่อมวลชนหลายๆ ท่านมากๆ ที่พยายามให้ผมออกมาอธิบาย ตอนนั้นทราบดีว่าถ้าอธิบายมันน่าจะแย่ รอจังหวะดีๆ ค่อยมานั่งคุย และบอกว่ามันเกิดอะไรขึ้น ผมว่าทั้งสองฝ่ายไม่ได้มีใครมาอยู่ด้วยกันด้วยความที่ไม่รักกัน ผมว่ารักกัน และถึงจุด จุดหนึ่ง ควรจะเดินจากกันด้วยสิ่งดีๆ มากกว่า”
มีโอกาสได้เจอหรือพูดคุยกับตั๊กแตนบ้างไหม ?
“ไม่ได้คุยเลย แม้กระทั่งเรื่องราวที่มันเกิดขึ้นของน้องล่าสุดยังพยายามที่จะคุยอยู่ แต่ก็ไม่รู้จะคุยยังไงแบบไหน ก็ได้แต่คุยกับอีกฝ่ายที่เป็นลูกน้องของผมเอง ผมก็บอกว่าไม่รู้เกิดอะไรขึ้น แต่ขอให้ยึดมั่นในสิ่งที่มันถูกต้องที่สุด เพราะเราคนดนตรีด้วยกัน”
วันสุดท้ายที่เจอกัน คือวันที่ไปจดทะเบียนหย่าใช่ไหม ?
“ใช่ วันที่หย่าเป็นวันสุดท้ายที่ได้เจอกัน โดยส่วนตัวผมห่วงใยนะ เพราะเวลาแตนรักใคร เขามีความรักให้อย่างเต็มที่ด้วยความจริงใจและจริงจังจริงๆ และอีกอย่างเขาจะกลัวความผิดหวัง”