
'อ้วน รีเทิร์น' เลี้ยง 'ลูกลิง' แทน 'ลูกจริง' !!
'อ้วน รีเทิร์น' แฮปปี้ชีวิตรักกับ "หมอย้ง" เพิ่มศักดิ์ เอี่ยมจำรัส ลงตัวถึงวันนี้จะไม่ได้มีงานแต่งใหญ่โต
เป็นอีกหนึ่งดาราที่มักจะสร้างสีสันในวงการบันเทิงเสมอสำหรับ "อ้วน" อนันต์ เสมาทอง หรือที่รู้จักกันดีในชื่อของ "อ้วน รีเทิร์น" พักหลังหันมาลุยงานการแสดงทั้งจอเงินและจอแก้วอยู่บ่อยครั้ง ล่าสุดมีโอกาสได้พบอ้วนในพิธีบวงสรวงละครเรื่อง ‘วิมานดวงดาว’ จึงต้องถามไถ่เสียหน่อย
“ละครเยอะ มีพอได้เล่น หายเหงา ตอนนี้ที่ถ่ายอยู่มี 4 เรื่อง แล้วก็หนังเรื่องหนึ่ง เรื่องล่าสุดปิดกล้องไปแล้ว รอเปิดใหม่อีก 3 เรื่องเดือนตุลาคมปลายปี (ถวายอะไรทำไมงานชุกขนาดนี้?) ไม่ได้ถวายอะไร ขยันหมั่นเพียร มาเช้าท่องบท ทำงานเต็มที่ จ้างร้อยเล่นล้าน พยายามเปลี่ยนแปลงตัวเองให้เข้ากับบทที่เขามอบหมายมาให้ได้ จะไม่เล่นอะไรซ้ำ(ยังมีปัญหากับการท่องบทไหม เห็นโดนแซวบ่อยว่าจำบทไม่ค่อยได้)ไม่มี เราเป็นคนจำบทแม่นมาก ไดอะล็อกบางทีบท 1 หน้า ท่องไม่มีพลาดเลยแม้แต่ตัวเดียว ผู้กำกับบอกว่าทำไมพี่อ้วนจำบทแม่นมาก คือที่เขาแซวกันเพราะเราท่องบทเสียงดัง การท่องบทเสียงดังเป็นวิธีการท่องบทของเรา ท่องไปฟังเสียงตัวเองไปด้วยมันจะรู้สึกว่าจำได้สองเท่า บทเรื่องวิมานดวงดาวค่อนข้างยาว ต้องด่า ปากจัด ทุกคำด่าต้องจำ ต้องขยี้ บางคำก็เสริมเข้าไปด้วยเพื่อความแรง เพื่ออรรถรสนะ”
ตอนนี้ชีวิตส่วนตัวเป็นอย่างไรบ้าง
“ก็ยังทำธุรกิจเหมือนเดิม ความสวยความงาม แล้วก็เปิดโรงงานรับผลิต โดยให้คุณหมอย้งคนเดิมที่เราอยู่ด้วยกันมา 7 ปีแล้ว เป็นคนดูแลโรงงาน ส่วนสายบันเทิงเราก็ยังเต็มที่กับมันตรงนี้เพราะว่าพอมาเล่นแล้วมันสนุก แต่ละบทมันท้าทายและสนุก ก็เลยลุยก็ลุย เพราะ ณ ตอนนี้งานที่บริษัทมันก็ไม่ต้องเข้าทุกวัน เพราะมันออนไลน์ได้แล้ว เราก็เลยแบ่งเวลาตัวเองมาทำสายบันเทิงด้วย ธุรกิจด้วย โดยที่ไม่มีผลกระทบอะไรกันเลย”
ความรักเป็นอย่างไรบ้าง
“ความรักดีนะ คุณหมอจะอยู่ด้วยอาทิตย์ละประมาณ 2-3 วัน พาเกิดว่าเขาไม่มีภารกิจในโรงงานเขาก็จะขับรถมาหาเรา จากชลบุรีพัทยามากรุงเทพ แต่ถ้าสมมติว่าเขายังยุ่งจริงๆ แล้วเรามีเวลาว่าง 3 วัน เราก็จะขับรถไปอยู่กับเขา ประมาณนี้ แต่หลักๆก็จะเจอกันแทบทุกอาทิตย์ (ตกลงเรายังไม่ได้แต่งงานใช่ไหม) ใช่ๆไม่ได้แต่ง เพราะมันมีเหตุผลหลายประการ แต่ว่าเราก็ไปทำบุญตอนเช้ากัน แล้วก็อยู่ด้วยกันอย่างนี้ดีกว่า”
เสียดายไหม ทำไมเราถึงไม่ไปจดทะเบียนที่ต่างประเทศให้เป็นเรื่องเป็นราว ในประเทศที่เขาสามารถทำได้
“มันไม่ได้สำคัญมากมาย บางทีความรักมันไม่จำที่จะต้องมีกระดาษหรือเปล่า คนไม่ได้จดทะเบียนสมรสรักกันอยู่ด้วยกันจนวันตายก็เยอะ แล้วคนที่มีทะเบียนสมรสมีลูกบางทีก็อาจจะไม่ได้อยู่ด้วยกันรักกัน แล้วก็หย่ากันก็เยอะ เพราะฉะนั้นตรงนั้นเราว่ามันเป็นส่วนประกอบ ส่วนที่สำคัญในชีวิตคู่ก็คาอความรักความเข้าใจ มันจะเป็นพื้นฐานของชีวิตรักที่แข็งแรงมาก ต้องเข้าใจกัน รักกันจริงๆ”
ก่อนหน้านี้ตอนที่เราจะแต่งงานมีข่าวว่าเราพร้อม เราอยาก เป็นความฝันของเรา พอมันไม่ได้เป็นอย่างนั้น เราต้องปรับความคิดอย่างไรบ้าง
“มันก็สลายเหมือนกันนะ ตอนนั้นมันเหมือนหม้ายขันหมากนะ เพราะผู้ชายจะแต่ง ผู้ชายก็โอเคตามใจเราทุกสิ่งทุกอย่าง แต่ว่าด้วยมีเหตุผลบางประการที่ทำให้เราไม่สามารถแต่งงานได้ แต่ว่าเราก็ใช้ชีวิตอยู่ด้วยกันตั้งแต่วินาทีนั้น รักกัน เข้าใจกันมากขึ้น ถามว่าตอนนั้นอายไหม ก็อายนะ เพราะว่าจองโรงแรมแล้ว หมอไปจ่ายค่าโรงแรม ของชำร่วย ตัดชุดเตรียมไว้หมดเรียบร้อยแล้ว แล้วอีกอาทิตย์หนึ่งเลยตัดสินใจว่าอย่าเลย ถ้าเกิดสมมติว่าแต่งงานไปมันอาจจะมีเรื่องราวอะไรที่มันไม่คุ้มค่าในการแต่งงาน แต่ว่าเราก็ไปทำบุญกันตอนเช้า แล้วก็ใช้ชีวิตปกติ คือทำพิธีถูกต้องแต่ไม่ได้มีปาร์ตี้กลางคืนเท่านั้นเอง”
พอจะบอกสาเหตุได้ไหม เพราะว่าอีกอาทิตย์เดียวเองจะจัดงานแล้ว แล้วเราก็ไม่ได้เลิกกันด้วย ทำไมถึงยกเลิกงานแต่งงาน
“เป็นเหตุผลของผู้ใหญ่ทั้งเขาและเราด้วย คือก่อนหน้านั้นผู้ใหญ่เขาก็เห็นว่าเราโอเค เราสามารถรักกันได้ แต่ว่าเรื่องการแต่งงานมันเป็นเรื่องใหญ่ คุณหมอก็มีสังคมมีเพื่อนฝูงมีญาติพี่น้อง (เรียกว่าเป็นภาพลักษณ์ของฝ่ายชายได้ไหม?) ก็ส่วนหนึ่ง แต่ถ้าถามว่าสำคัญมากไหม หมอเขาก็ไม่ได้แคร์อะไรมากมายนะ เพราะว่าทุกวันนี้เขาก็ยังออกสื่อคู่กันโดยไม่ได้แคร์อะไรมากมาย มันอาจจะเป็นด้วยกาลเวลาที่มันสามารถทำให้หลายๆฝ่ายเข้าใจแล้วก็รับรู้มากขึ้น”
ตอนนั้นที่เขาบอกว่าไม่ให้เราแต่ง ต้องยกเลิกงานแต่งงาน เราคิดไหมว่าเขาอาจจะยังไม่รับกับความเป็นเรา
“หมอไม่นะ แต่ว่ามีญาติพี่น้องฝ่ายเขาบางส่วน แล้วก็ฝ่ายเราด้วย แต่ถ้าถามว่า ณ ปัจจุบันนี้ 2 บ้านรักกันมาก พ่อแม่พี่น้องเขาก็รักเรามาก คือพอไม่ได้แต่ง เราก็ใช้ชีวิตตามปกติของเรานะ ก็คือเคยนิสัยแบบไหนก็แบบนั้น ไม่เคยเปลี่ยนแปลงนิสัยในตัวเราเองนะ แล้วเราก็ไม่เคยปรับตัวเข้าหาเขา เขาไม่เคยปรับตัวเข้าหาเรา เพราะเราแสดงนิสัยและตัวตนที่แท้จริงให้เขาเห็นตั้งแต่แรก ถ้าสมมติเขารับเราได้ตรงจุดที่เราเป็นเมื่อ 7 ปีที่แล้ว เราก็เป็นแบบนี้ของเราอยู่ตลอดเวลา เพราะฉะนั้นมันไม่จำเป็นต้องรับกัน ซึ่งเขาเนี่ยแสดงความรัก ดูแลห่วงใยเรา 7 ปีที่แล้วยังไง ทุกวันก็เป็นอย่างนั้นอยู่”
ด้วยความที่ครอบครัวคุณหมอเป็นคนจีนเลยอยากได้ตามแบบแผนหรือเปล่า
“ด้วยๆ เพราะเขาเป็นลูกชายคนเดียว แล้วเพื่อนเขาก็เป็นวิทยาศาสตร์การแพทย์ เรียนกายวิภาคศาสตร์ เขาก็จะมีสังคม มีเพื่อนฝูง แต่ถ้าถามว่าเขาแคร์ไหม เขาไม่แคร์ เพราะเขารักที่เราเป็นคนดี(ที่บอกว่าตัดชุดแต่งงานไว้แล้ว ทุกวันนี้ดูชุดแล้วรู้สึกอย่างไรบ้าง) ความเสียใจมันหมดไปแล้ว มันนิ่งแล้ว แต่ตอนอาทิตย์แรกหนักมาก ของชำร่วยที่เตรียมไว้เราแจกคนหมดเลย ใครมาก็แจก ไม่อยากเห็น แต่ถามว่าทุกวันนี้มีความสุขมากไหม มันก็เลยทำให้เรารู้สึกว่าแม้ว่าไม่ได้แต่งงานมันก็ไม่ได้ทำให้ความสุขของเราลดน้อยลง หนำซ้ำเขายังรู้สึกเห็นใจ สงสารเรามากขึ้นกว่าเดิมด้วยซ้ำไป”
คิดจะเลิกกับเขาไหม ตอนที่ไม่ได้แต่งงาน
“ไม่เลิกๆ เพราะว่าธรรมดาเลยเราเป็นคนไม่เคยรักใคร แล้วเรารักคนนี้ ก็จะรักเขาคนเดียวไปจนวันตาย ไม่มีใครแล้ว ตอนนี้ก็ 7 ปีแล้ว ไม่มีอาถรรพ์เลข 7 เราไม่เชื่อเรื่องอาถรรพ์ เราเชื่อเรื่องการกระทำ(มีคนมาแย่งเขาไหม?) ถ้าสมมติว่าเขารักเรามากพอ เราไม่ต้องไปหวั่นไหว หรือกลัวอะไรเลย สวยมาก มีผมยาว สะบัดบ๊อบ(หัวเราะ)”
วิทยาการแพทย์ไปไกลแล้ว เรามีคุยกันไหมว่าจะฝากไข่ ให้ท้องแทน
“ไม่มี ไม่เคยคิดเลย เราชอบอิสระ ชอบท่องเที่ยว เพราะฉะนั้นเนี่ย ถามว่าเรื่องลูกอยากมีไหม ไม่มี ตอนนี้ไปเอาลูกมาเลี้ยงคนหนึ่ง เป็นลูกลิง ตั้งชื่อว่าทะนงศักดิ์ เพราะพ่อเขาชื่อเพิ่มศักดิ์ หมอย้งชื่อเพิ่มศักดิ์ อีแม่นี่ก็ป้อนนมป้อนข้าว มีความสุขแล้ว เขาก็รัก เราก็รัก (ทำไมถึงเลี้ยงลิงแทนที่จะเป็นหมาแมว) ลิงน่ารัก เหมือนคนมากที่สุด เหมือนเด็กคนหนึ่ง (การเอาลูกลิงมาเลี้ยง มันทดแทนได้ขนาดไหน?)มันแก้เหงา มันหายเหงาเหมือนมีเด็กอยู่ในบ้าน คือลิงมันคล้ายคนมากที่สุด แล้วเราก็เป็นคนรักสัตว์ด้วย หมาแมวเมื่อก่อนก็เคยเลี้ยง แต่เลี้ยงลิงมันน่ารัก เหมือนเลี้ยงหมาเลี้ยงหมาตัวหนึ่งแต่ว่าเราทำให้เขารู้สึกว่าเขาเป็นคน เราไม่ได้เลี้ยงแบบเลี้ยงสัตว์ เลี้ยงเหมือนคนคนหนึ่ง แต่แค่เขาเป็นลิง การเอาเด็กมาเลี้ยงมันมากไป ต้องดูแลเยอะ ไม่ได้กลัวอะไรนะ คือทุกวันนี้เลี้ยงลูกหลานเยอะมากเป็น 10 คนอยู่แล้ว มันอิ่มตัวกับการเลี้ยงเด็กแล้ว เลี้ยงลิงถึงเวลานอนก็นอน ถึงเวลากินก็หาให้เขากิน ถ้าเลี้ยงเด็กก็ต้องไปโรงเรียน ไปซื้อเสื้อผ้า มันเยอะไปมันเป็นภาระหนักไปสำหรับผู้ใหญ่อย่างเรา แต่ลูกลิงมันเลี้ยงง่ายน่ารัก”
บอกว่าลิงเหมือนลูก แล้วทำไมถึงไม่อยากมีลูก
“ไม่อยากๆ ไม่ใช่กะเทยเพ้อฝัน อยู่กับความจริงเสมอ(หัวเราะ) แต่มีสิ่งหนึ่งที่หมอย้งทำกับเราไม่เคยเปลี่ยนคือโทรบอกรักทุกวัน(ยิ้ม) ไม่เคยแคร์ที่จะมีใครมาพูดอะไร เขาจะเข้าใจรักเราคนเดียว ตั้งแต่วินาทีแรกที่เจอกันเปิดประตูรถให้ยังไง ทุกวันนี้ก็ยังวิ่งมาเปิด-ปิดประตูรถให้เราอยู่ ของกิน หิวอะไร ให้ทุกสิ่งทุกอย่างกับเรา”
เวลาเราอยู่กับเขา เราจะดูเป็นผู้หญิงบอบบางไหม
“จะอ้อนนิดๆอะไรแบบนี้ เวลาเราทำงานเขาก็จะเข้าใจเรา สมมติเราไปถ่ายงานจังหวัดไกลๆ ก็จะคุยจนกระทั่งหลับ เข้าห้องแล้วปลอดภัยแล้วนะ สมมติทำงานดึก ขับรถกลับบ้านเขาจะคุยกับเราจนเราเอารถเข้าบ้านถึงวางสาย(ยิ้ม)”