บันเทิง

ชีวิตที่ต้องเริ่มต้นใหม่ทุกครั้ง
ของ..."อั้ม" อธิชาติ

ชีวิตที่ต้องเริ่มต้นใหม่ทุกครั้ง ของ..."อั้ม" อธิชาติ

17 ต.ค. 2552

จากเวทีประกวดดัชชี่บอยปี 1997 มาวันนี้ได้สร้างพระเอกฝีมือดี ขึ้นมาประดับวงการบันเทิงอีกคน ณ วันนี้เชื่อว่าคงไม่มีใครไม่รู้จักชื่อของ “อั้ม” อธิชาติ ชุมนานนท์ ด้วยเวลาแต่ละวัน เดือน ปีที่ผ่านไป การันตีได้ถึงฝีมือและความนิยมของเขา ดั่งจะเห็นได้จากผลงานล่าสุ

 พระเอกแม่เหล็ก
 ละครได้รับการตอบรับดีทุกเรื่อง
 คงเป็นเพราะด้วยนักแสดงที่ผมได้ร่วมงานด้วย เป็นนักแสดงที่มีคุณภาพทั้งนั้น และด้วยเรื่องราวต่างๆ คุณภาพของค่ายละครที่ผลิต ก็คงจะทำให้คนอยากติดตามอยู่ตลอด

ตัวอั้มน่าจะมีส่วนด้วย
 คงเพราะเป็นแฟนละคร แฟนคลับที่ติดตามกันมา เขาก็อยากจะเห็นผลงานที่เปลี่ยนไปเรื่อยๆ ของเรา ก็อยากจะเห็นผลงานที่มีคุณภาพของเรา ทำให้เวลาที่ผมเลือก ก็ต้องเลือกที่มันดีต่อแฟนๆ และดีต่อตัวเราเองด้วย

ประสบความสำเร็จทางการแสดง ถือว่าถึงจุดสูงสุดในชีวิตหรือยัง
 ยังหรอก จริงๆ ก็ไม่ใช่จุดสูงสุด มันคงต้องเริ่มต้นใหม่ทุกครั้ง เพราะถ้าถาม ว่าเราพอใจกับงานที่เราทำไหม มันก็ยังไม่พอใจเท่าไหร่ เราก็อยากจะเรียนรู้อะไรต่างๆ ให้มากขึ้น อยากจะไปลองหลายๆ บท หลายๆ อย่าง ที่ยังไม่เคยได้ลองทำ ก็ต้องเรียนรู้กันไป เพราะว่าถ้าถาม ว่ามันถึงจุดอิ่มตัวหรือยัง มันก็ยังไม่อิ่มตัว มันยังมีอีกหลายๆ อย่างมากมายเลยแหละ ที่ผมอยากจะลองได้ทำดู ทุกเรื่องผมยังไม่ถือว่าถึงจุดสูงสุด เพราะมันต้องเริ่มต้นใหม่ในแต่ละคาแรกเตอร์ แต่ละเรื่องอยู่แล้ว ในแต่ละบทที่เราต้องเจอ ต้องเริ่มใหม่ เราต้องสร้างความเคยชินให้แก่ตัวเอง ว่าต้องเริ่มจากศูนย์ แล้วค่อยๆ ใส่เรื่องราวเข้าไปในตัวเรา ให้กลายเป็นตัวละคร เพราะถ้าเราใส่ไปจากที่เราเคยมีแล้ว มันก็จะไม่ใช่จากตัวละคร มันจะเป็นตัวเราเองไปเล่น ไปยืนอยู่ในฉากๆ นั้น

รู้สึกอย่างไรเวลาคนบอก ว่าเป็นพระเอกแม่เหล็กของช่อง 3
 ถ้าถามจริงๆ ก็รู้สึกดีใจที่แฟนๆ ละครให้การติดตาม และให้กำลังใจมาด้วยดีทุกเรื่อง ให้การติดตามชมเราตลอดเวลา ซึ่งก็ต้องขอขอบคุณตรงนี้ด้วย ขอขอบคุณผู้ใหญ่ทุกท่าน ผมโชคดีตรงที่ว่า ผู้ใหญ่ทางช่อง ให้ผมได้เปลี่ยนตัวเองไปหลายๆ แบบ ในเรื่องของบทละครที่ได้รับ

กดดันว่าต้องทำเรื่องต่อๆ ไปให้ดีขึ้นเรื่อยๆ ไหม
 ไม่ได้อยากให้มันเป็นแรงกดดัน เรียกว่าเป็นแรงผลักดันดีกว่า เพราะแต่ละเรื่อง เราก็อยากให้มันดีขึ้นอยู่แล้ว เพราะเราเป็นนักแสดง ก็อยากจะมีมาตรฐานในการทำงานของเรา ว่าเรื่องนี้มีมาตรฐานแบบนี้ อยากให้เปลี่ยนในทางที่ดีขึ้น ไม่อยากให้แย่ลง แต่อยากให้มันดีขึ้นตลอดเวลา เพราะมันเป็นหน้าที่ความรับผิดชอบอย่างหนึ่งของเราด้วย

ให้คะแนนการแสดงตัวเองหน่อย
 (หัวเราะ) ถ้าเต็มสิบเหรอ ก็น่าจะอยู่ที่เจ็ด อีกสามคะแนน มันก็คงต้องมีข้อบกพร่องต่างๆ อยู่แล้ว ไม่อยากจะมอง ว่ามันจะได้คะแนนเต็ม เรียกว่าเราพยายามจะเติมให้มันเต็มตลอดเวลาดีกว่า เพราะเราก็ยังมีไฟ ยังอยากจะเรียนรู้อะไรให้มากขึ้น

ยังรู้สึกเกร็งกับอาชีพนี้ไหม
 ก็ยังมีอยู่บ้าง ไอ้ความตื่นเต้นอะไรพวกนี้ มันทำให้เรารู้สึก ว่าเรามีไฟ มีความตื่นตัว มันก็เป็นสิ่งที่ดี เรื่องหน้าเราจะได้เจอนักแสดงคนไหน ต้องเจอผู้กำกับแบบนี้ เรื่องราวแบบนี้ เรียกว่าเป็นความตื่นตัวดีกว่า

จากเวทีดัชชี่บอย 1997 สู่พระเอกแถวหน้า
 คิดว่าอะไรเป็นส่วนสำคัญที่ทำให้มาถึงวันนี้ได้
 ผมประกวดดัชชี่บอย ปี 1997 นับเวลาก็ โห...13 ปีแล้วเหรอเนี่ย (ทำเสียงตกใจ) สิ่งที่ทำให้มาถึงวันนี้ ก็น่าจะเป็นประสบการณ์ สิ่งที่มันผ่านมา 13 ปี มันอยู่ที่ประสบการณ์ที่เราเรียนรู้ ก็มีทั้งประสบการณ์ที่ดี และประสบการณ์ที่ไม่ดี ก็อยู่ที่ว่า เราจะเก็บประสบการณ์อันนั้น มาพัฒนาตัวเองได้มากน้อยแค่ไหน จะเรียนรู้ด้วยตัวเองมากน้อยแค่ไหน ถ้ามันไม่ดี แล้วยังหมุนกลับไปอยู่ที่เดิมที่มันไม่ดีอีกหรือเปล่า เราต้องรู้จักเช็กตัวเองตลอดเวลา ว่าเราได้ทำสิ่งที่เรารัก ในสิ่งที่เป็นตัวของเราเองหรือยัง หรือว่าเรากำลังหลงใหลไปกับภาพต่างๆ ที่มันเกิดขึ้นในวงการบันเทิง

ยากไหมในการประคับประคองตนเองตรงจุดนี้
 ยากครับ ยาก (เสียงจริงจัง) เพราะว่าอย่างที่บอก วงการบันเทิงมันคือสีสัน มันคือวงการมายา มันมีทั้งสิ่งที่มันจริง มีหลายๆ สิ่งที่ไม่จริงด้วยเหมือนกัน อยู่ที่ว่าเราอยู่กับสิ่งจริงมากน้อยแค่ไหน แล้วเวลาเจอสิ่งที่ไม่จริงต่างๆ เราเคลิบเคลิ้มไปกับมันมากน้อยแค่ไหน มันก็เป็นธรรมดาของทุกคนอยู่แล้ว ที่จะเคลิบเคลิ้มไปบ้าง ไหลตามไปบ้าง แต่เราต้องรู้ว่าควรจะทำตัวเองยังไง จะเรียนรู้อะไรกับมันได้บ้าง

แปลว่าอั้มต้องคอยเตือนตัวเองตลอดเวลา
 ใช่ จริงๆ สิ่งที่ผมคิดไว้ ไม่ว่าจะเป็นงานที่รัก งานการแสดง มันเกี่ยวกับศิลปะ การนำเสนอ การฝึกฝนตัวเอง มันเป็นสิ่งที่จริง บางทีมันไม่ใช่แค่พัฒนาตัวเรา มันพัฒนาจิตใจของเราด้วย ถ้าเรารู้จักมองมัน เอามุมด้านที่ดีของมันมาอยู่กับเรา หรือการทำงานหลายๆ แบบ หลายๆ อย่าง มันก็เป็นมุมที่ดี อยู่ที่เราจะหมุนตัวเองไปให้เจอกับจุดที่ดีมากน้อยแค่ไหน

ทำอย่างไรให้ยังอยู่ได้ ไม่โดนคลื่นลูกใหม่กลืนหายไป
 ผมคิดว่าทุกอย่างเป็นเรื่องของคุณภาพ ผมว่าคนที่มีคุณภาพ ถ้าเรารู้จักรักงาน และรับผิดชอบงานของเรา ไม่ว่าเวลาจะผ่านไปนานแค่ไหน ถ้าเรารับผิดชอบงานของเราอย่างดีที่สุด มันน่าจะยังอยู่ได้ เพราะผมว่าวันหนึ่ง ร่างกาย สังขารของคนเราก็ย่อมเปลี่ยนไปตามกาลเวลาที่มันผ่านไป แต่สิ่งหนึ่งที่จะมีมากขึ้น คือคุณภาพและความรับผิดชอบในการทำงาน
ก้าวที่โตขึ้น

ผันตัวมาทำหน้าที่ผู้จัดรายการ “ดิ ไอดอล โปรเจกท์ วัน” ด้วย
 อย่าเรียกว่าเป็นผู้จัดฯ เลย เพราะเราก็คือนักแสดง แต่มันเป็นงานอีกด้านหนึ่งของบริษัทมากกว่า ก็อาจจะตรงตรงที่ว่า การที่เราหานักแสดงหน้าใหม่ของช่องเข้ามา มันก็ใกล้เคียงกับสิ่งที่เราเคยเป็นจากจุดนั้น รู้ว่าการเป็นเด็กใหม่ๆ เข้ามา สิ่งที่เราต้องเจอ ต้องเรียนรู้มันมีอะไรบ้าง ก็เอามาใช้กับน้องๆ เขาได้สำเร็จรูปหน่อย ตรงที่ว่าไม่ต้องไปเจอเอง อะไรแบบนั้น จริงๆ ผมก็วางมานานแล้ว แต่ว่าก่อนหน้านี้ยังไม่สะดวกเท่าไหร่ แต่ตอนนี้เรามีโอกาสได้รับจากทางช่อง ก็เลยได้ลองทำดู อย่างหนึ่งที่ได้แน่ๆ คือเราได้เรียนรู้อะไรเพิ่มมากขึ้น นอกเหนือจากงานแสดง เราต้องเริ่มต้นจากอะไรบ้าง การขายงาน ข้อตกลงต่างๆ มันเป็นความรับผิดชอบหลายๆ เรื่อง ที่ไม่ได้ทำแค่คนเดียว

มีอะไรจะต่อยอดจากโครงการนี้อีกไหม
 มันเป็นโปรเจกท์วัน ก็อยากมีโปรเจกท์ทู แต่อนาคตต่อไปข้างหน้ามันไม่แน่ เราอาจจะมีอะไรก็แล้วแต่ เพราะเรารู้แล้ว ว่าทำรายการขึ้นมา เราควรต้องเริ่มจากไหน ปัญหาคืออะไร แล้วเราควรจะต้องเตรียมตัวอะไรกับมันใหม่  

อั้มดูเป็นผู้ใหญ่กว่าอายุนะ
 (หัวเราะ) คงเป็นที่ความรับผิดชอบของงานด้วย มันเริ่มทำงานตั้งแต่เด็กด้วยมั้ง ก็เลยต้องเป็นอย่างนี้


ความรักของพระเอก
 ถูกจับตามองเรื่องความรักตลอด  
 จริงๆ ผมก็ไม่อึดอัดอะไรเท่าไหร่นะ อย่างที่เคยบอก ว่าอันไหนที่ผมพูดได้ ผมก็จะพูดแล้วกัน อันไหนที่ผมพูดไม่ได้ ผมก็จะขอไว้ก่อน บางทีมันก็พูดไม่ถนัด แต่ก็เข้าใจ ว่าเรื่องราวตรงนี้ ถึงมันเป็นเรื่องส่วนตัว ก็คงจะต้องเกี่ยวข้องกับเรื่องของงานบ้าง การที่เราอยู่ตรงนี้ จะปิดซะเลยทีเดียวก็ไม่ได้ งั้นก็ขอพูดอะไรที่สะดวกพูดดีกว่า บางทีเรื่องราวส่วนตัว ถ้าเราพูดมากๆ มันก็ไม่ใช่เรื่องส่วนตัวอีกต่อไป แล้วอีกอย่าง มันก็จะเป็นปัญหาระหว่างตัวเราเอง กับเรื่องราวที่เกิดขึ้นด้วย เพราะมันจะเป็นแรงกดดัน

แสดงว่าข่าวก็มีผลกับความรักของอั้มในแต่ละครั้งเหมือนกัน
 เหมือนบางทีคนมอง ว่าทำไมดารานักแสดงมีข่าวรักๆ เลิกๆ กันบ่อย จริงๆ แล้วปัญหาที่เกิดขึ้น ก็จะสามารถมีได้ในชีวิตคนทำงานอื่นๆ ทั่วไป มันไม่ได้แปลกใหม่เลย แต่การที่ดารามีข่าว มันเป็นข่าวที่ทุกคนรับรู้ตลอดเวลา อย่างเรื่องเล็กๆ ที่เกิดขึ้น มันมีการพูดถึง ตอกย้ำอยู่ตลอด มันสะกิดใจตลอดเวลา อย่างบางทีเรื่องเล็กๆ ไม่มีอะไร เดี๋ยวมันก็ลืม ก็ไม่ได้รู้สึกอะไร แต่คนที่อยู่ตรงนี้ เดี๋ยววันนี้ก็ลงข่าว พรุ่งนี้ก็หน้า 1 บางทีก็ลงเว็บไซต์ ซึ่งเราก็เป็นมนุษย์คนหนึ่ง มันก็รู้สึกได้ว่าเรื่องราวที่เราอยากจะลืม ก็ต้องมานั่งรู้สึกๆ ตลอดเวลา

ข่าวกับ นัท (มีเรีย เบเนเดตตี้) มีผลกับความสัมพันธ์อย่างไรบ้างไหม
 ไม่ได้มีอะไรเลย ผมก็ยังใช้ชีวิตตามปกติ

ตอนนี้ถูกตีข่าวว่า คบกับนัทแล้ว
 จริงๆ ต้องมอง ว่าค่อยๆ ไปดีกว่า เพราะตอนนี้ผมก็ยังไม่ได้อะไรกับใคร แต่ก็มีคนรอบข้างที่เราโอเค กับเรื่องราวดีๆ ต่างๆ

ให้พูดจากปากอั้ม ว่าความสัมพันธ์กับนัทคืออะไร
 เอาเป็นว่าผมโอเคกับทุกๆ อย่างในรอบข้างชีวิตผม แฮปปี้ดีทุกอย่าง

อนาคตกับนัทจะมีโอกาสเป็นไปได้ไหม
 มันเป็นเรื่องของอนาคต แล้วมันก็เป็นเรื่องของหลายๆ อย่างด้วย มันไม่สามารถตอบได้ แต่ปัจจุบันผมโอเคกับทุกๆ อย่าง (หัวเราะ)

สมมติถ้าคบ อั้มแคร์เรื่องอายุที่มากกว่า หรือแคร์ว่านัทเคยแต่งงานมาแล้วแค่ไหน
 ผมว่าทุกคนจะมีคุณค่าหรือดูสวยงามได้ มันอยู่ที่เรื่องของจิตใจ ผมว่าการที่ผมจะรู้จักกับใครก็แล้วแต่ เพื่อนผมทุกคน ผมรู้ว่าเขาเป็นยังไง มีจิตใจที่เรานับถือในสิ่งที่เขาคิด สิ่งที่เขาเป็น แค่นั้นก็เพียงพอแล้วสำหรับผม ถ้าผมจะคบใครสักคน ถ้าเขาดี ไม่ว่าจะเป็นยังไง ไม่ว่าอะไรจะเปลี่ยนไป ผมว่ามันก็ทำให้คนคนนั้นยังสวยงามได้อยู่เสมอ
 เอ๊...คุณสมบัตินี้ ใช่นัทอ๊ะเปล่าน้อ...

เรื่อง... "อารยา มาลัยเล็ก"
ภาพ... "วริศรา วุฒิกุล"

เขาคนนี้ชื่อ...อธิชาติ ชุมนานนท์
ชื่อเล่น...อั้ม
เกิดวันที่...20 กุมภาพันธ์ 2524
การศึกษา คณะนิเทศศาสตร์ (สาขาโฆษณา) มหาวิทยาลัยกรุงเทพ
ผลงานในวงการบันเทิงชิ้นแรก  ประกวดดัชชี่บอย & เกิร์ล ปี 1997
ผลงานปัจจุบัน  น้ำตาลไหม้