
'HEREDITARY' หนังเรื่องแรกของ 'แอรี แอสเตอร์'
"HEREDITARY" หนังที่คอหนังสยองขวัญห้ามพลาด
ใกล้เข้าโรงภาพยนตร์เต็มทีสำหรับ "HEREDITARY" ที่ใช้ชื่อภาษาไทยว่า "กรรมพันธุ์นรก" ภาพยนตร์เรื่องนี้อำนวยการสร้าง โจนาธาน การ์ดเนอร์ (American Ultra) กำกับ / เขียนบทโดย แอรี แอสเตอร์ โดยได้นักแสดงมาฝีมืออย่าง โทนี่ คอลเล็ตต์ (Little Miss Sunshine,The Sixth Sense) เกเบรียล เบิร์น (The Usual Suspects, End of Days) อเล็กซ์ วูล์ฟฟ์ (Jamanji: Welcome to the Jungle)
เมื่อ เอเลน คุณยายเสาหลักของครอบครัวแกรแฮมจากไป ครอบครัวของลูกสาวเธอก็เริ่มพบการเหตุการณ์ประหลาดและความลับสุดสะพรึงของคุณยาย ไม่ว่าแต่ละคนจะพยายามหาคำตอบเท่าไร ทุกคนต่างยิ่งตระหนักถึงมรดกอันน่ากลัวที่ส่งต่อกันผ่านสายเลือดของตระกูลนี้ ผลงานกำกับภาพยนตร์ครั้งแรก ของผู้กำกับ และผู้เขียนบท อารี แอสเตอร์ (Ari Aster) ได้ปลอดปล่อยฝันร้ายในการล่มสลายของครอบครัว ผ่านการออกแบบงานสร้างสุดละเอียด และแสดงฝีมือการกำกับที่ไม่เหมือนใคร ด้วยการเล่าเรื่องโศกนาฏกรรมของครอบครัวธรรมดาให้กลายเป็นเรื่องที่สุดสะพรึงได้ และขยายขอบเขตของภาพยนตร์ระทึกขวัญออกไปด้วยการเล่าเรื่องมรดกที่ลากทั้งครอบ
ครัวไปสู่นรก
เกี่ยวกับงานสร้าง
ภาพยนตร์ขนาดยาวเรื่องแรกของ ผู้กำกับ และผู้เขียนบท แอรี แอสเตอร์ (Ari Aster) ปะติดปะต่อเรื่องราวจากภาพยนตร์สั้นหลายเรื่องที่เล่าเรื่องเกี่ยวกับพิธีกรรม และเรื่องเศร้าภายในครอบครัว เพื่อเล่าเรื่องราวเกี่ยวกับพลังชั่วร้ายที่พยายามจะยึดครองครอบครัวทั้งสายเลือด ภาพยนตร์เรื่องนี้ได้แรงบันดาลใจส่วนหนึ่งมาจากประสบการณ์ตรงของครอบครัวแอสเตอร์ ตัวผู้กำกับเอง ที่ต้องเจอกับเรื่องเศร้า และการทำใจ เรื่องโชคร้ายหลายต่อหลายเรื่องที่สุมเข้ามาต่อกันจนแทบจะเหมือนเป็นคำสาป ก่อกำเนิดผู้กำกับ อย่าง แอสเตอร์ ที่มาพร้อมกับความละเอียดในการเล่าเรื่อง และการถ่ายทำภาพยนตร์ ด้วยฝีมือของ แอรี แอสเตอร์ เรื่องราวดราม่าของครอบครัวก็ได้กลายเป็นภาพยนตร์สยองขวัญที่หลายคนนำไปเทียบกับภาพยนตร์ชั้นครูในยุค 60 และ 70 การถ่ายทำร่วมกับผู้กำกับภาพ พาเวล โพกอร์เซลกี้ (Pawel Pogorzelski) หนึ่งในเพื่อนร่วมชั้นเรียนจาก โรงเรียนภาพยนตร์ชื่อดัง American Film Institute Conservatory อารี ยังได้ดึงทีมงามมือดีอีกหลายคนมาร่วมมือออกแบบงานภาพของภาพยนตร์เรื่องนี้ก่อนเริ่มถ่ายทำ เพียงแค่ฉากเปิดก็ทำให้เราต้องทึ่งกับฝีมือของ แอรี แล้ว ด้วยการถ่ายทำที่ไหลลื่นเล่าเรื่องของโลกสองโลก โลกแรกคือโลกของตุ๊กตาจำลองซึ่งได้รับการออกแบบโดย สตีฟ นิวเบิร์น (Steve Newburn) ผู้ร่วมงานออกแบบเรื่องดังอย่าง Inception และ The Dark Knight Rises และอีกโลกหนึ่ง โลกของมนุษย์ ที่สร้างขึ้นมาใหม่ ทำให้ผู้ชมได้เห็นถึงพลังชั่วร้ายที่ครอบงำครอบครัวนี้ด้วยคำสาปสุดสะพรึง
“นี่เป็นเรื่องเกี่ยวกับคนที่ไม่สามารถควบคุมอะไรในชีวิตตัวเองได้” แอรีเล่า “ครอบครัวเกรแฮมไม่ต่างอะไรกับตุ๊กตาในบ้านตุ๊กตา ที่โดนควบคุมจากพลังอื่น เกินกว่าที่ตัวเองจะควบคุม”
ภาพยนตร์เรื่อง HEREDITARY นำแสดงโดยนักแสดงฝีมือดี อย่าง โทนี่ คอลเลต (Toni Collete) จากเรื่อง Little Miss Sunshine เกเบรียล เบิร์น (Gabriel Byrne) จากเรื่อง The Usual Suspects อเล็กซ์ วอล์ฟ (Alex Wolff) จากเรื่อง Jumanji : Welcome to The Jungle มิลลี ชาปีโร (Milly Shapiro) จากละครเวทีบรอดเวย์เรื่อง Matilda และผู้ชนะรางวัลเอ็มมี แอน ดอวด์ (Ann Dowd) จากภาพยนตร์ชุดเรื่อง The Handmaid’s Tale รวมทั้งยังได้งานเสียงจากนักแซกโซโฟนสายล้ำยุค อย่าง โคลิน สเต็ตสัน (Colin Stetson) ทำให้ภาพยนตร์เรื่องนี้เปิดตัวผู้กำกับ ซึ่งมีอนาคตไกลอย่างแน่นอน เมื่อครอบครัวสุดแสนธรรมดาต้องเสียสติ แอรี แอสเตอร์ เริ่มมีไอเดียเรื่อง HEREDITARY หลังจากครอบครัวของเขาต้องทนกับเหตุการณ์บ้าบอเป็นเวลาสามปี
“ชีวิตครอบครัวผมกลายเป็นเรื่องเลวร้ายไม่สิ้นสุด จนครอบครัวเราเชื่อว่า พวกเราโดนคำสาปอะไรซักอย่างเข้าจริงๆ ผมชอบเขียนเรื่องที่ค่อนข้างส่วนตัว แต่ผมก็ชอบภาพยนตร์ตามขนบนะ อีกอย่าง ผมไม่อยากเอาเรื่องที่ครอบครัวผมต้องทนทุกข์มาเล่าให้ ดราม่าใหญ่โต การที่เอาเรื่องของครอบครัวที่ต้องสาปมาเล่า ผมสามารถใส่ความรู้สึกที่ผมเจอเอง ผ่านการเล่าเรื่องแบบภาพยนตร์สยองขวัญได้ การเล่าเรื่องสยองขวัญมันต้องมี ฉากระเบิดอารมณ์ ซึ่งมันเหมาะกับการเล่าเรื่องเกี่ยวกับชีวิตที่ไม่ค่อยยุติธรรมได้ดี ซึ่งเรื่องพวกนี้ไม่ค่อยมีใครเล่าถึงเท่าไหร่”
แอรี นำโครงการเล่าเรื่องมาจากภาพยนตร์หลายเรื่องที่ดูไม่น่าจะเกี่ยวข้องกันได้ ทั้ง Ordinary People, The Ice Storm และ In the Bedroom ซึ่งเล่าเรื่องราวดราม่าเกี่ยวกับครอบครัวที่มีคนหลายรุ่นอยู่ร่วมกัน และต้องอดทนผ่าน ความตาย, ความป่วยทางจิต และความรุนแรงทางอารมณ์ แอรีนำเรื่องดราม่าในครอบครัวและใส่ความเป็นหนังระทึกขวัญเหนือธรรมชาติเข้าไป ซึ่งนำแรงบันดาลใจมาจากภาพยนตร์ระทึกขวัญในยุค 60s และ 70s อย่าง เรื่อง
Rosemary’s Baby, Don’t Look Now และ The Innocents
“ภาพยนตร์หลายเรื่องในยุคนั้นเล่าเรื่องโดยใช้ตัวละครเป็นหลัก ภาพยนตร์ที่ฉลาดๆ มักไม่รีบเล่าเรื่องหรอกครับ” แอรีเล่า เมื่อ เขาเริ่มเขียนเรื่องนี้ เขาเล่าเรื่องของครอบครัวที่โดนสาป และต้องเจอกับเหตุการณ์สยองขวัญที่เมื่อเรื่องราวเริ่มคลี่คลาย เราจะต้องสะพรึงมากกว่าเดิมเพราะมันเป็นแค่ส่วนหนึ่งของแผนการสุดสยองที่เราจะได้รับชมชื่อเรื่องจะเริ่มโดนเฉลยที่มา เมื่อภาพยนตร์ดำเนินไป เรื่องราวของการสืบเชื้อสายและสายเลือด กลายเป็นเรื่องระทึกขวัญเหนือธรรมชาติ
“เรากำลังเล่าเรื่องของการสืบสายเลือด, การไร้ทางเลือกในการเลือกคนในครอบครัว หรือสิ่งที่มากับสายเลือดของคุณ เรื่องระทึกขวัญมักเกิดในเวลาที่คุณไม่มีทางควบคุมมันได้ มันไม่มีอะไรที่น่าโมโหไปกว่าเมื่อคุณรู้ตัวว่าคุณไร้ทางสู้อีกแล้ว การที่ครอบครัวเกรแฮมคนที่ไม่สามารถควบคุมอะไรในชีวิตตัวเองได้เป็นเรื่องหลักของ ภาพยนตร์เรื่องนี้ และความรู้สึกที่หนังเรื่องนี้จะทำให้ผู้ชมรู้สึกในตอบจบนั้นเต็มไปด้วยความสิ้นหวังและการไร้ซึ่งผลแห่งการดิ้นรน ผมอยากสร้างภาพยนตร์ที่สร้างทั้งความกลัวในระดับบุคคล และระดับการมองโลกไปพร้อมๆ กัน ซึ่งจะทำให้ผู้ชมหนีผมไปไหนไม่ได้ ผมหวังว่าหนังเรื่องนี้จะติดกับตัวผู้ชมไปอีกนาน และบังคับให้ทุกคนต้องคิดในเรื่องที่พวกเขาจะหลีกหนีไม่ได้” แอรี่ กล่าว
ภาพยนตร์เรื่อง HEREDITARY ได้รับการฟูมฟักมาหลายปีก่อนจะเริ่มการถ่ายทำในปี 2017 โดยผู้กำกับได้เริ่มเขียนเรื่องราวของตัวละครแต่ละตัว ก่อนจะเริ่มเขียนบทภาพยนตร์เสียอีก แอรียังได้ออกแบบการถ่ายทำด้วยรายละเอียดหนาถึง 75 หน้าก่อนเพื่อจะเริ่มหาทุนสร้าง หาสถานที่ถ่ายทำ และเริ่มถ่ายทำเสียอีก ผู้กำกับแอรี แอสเตอร์
ใส่ใจกับรายละเอียดที่จะนำความฝันของเขามาขึ้นจอใหญ่ให้ได้ เขาเริ่มติดต่อผู้ที่เขาอยากร่วมงานด้วยก่อนที่ภาพยนตร์เรื่องนี้จะได้ผู้อำนวยการสร้างเสียอีก ทั้งผู้แต่งเพลงชื่อดังและนักดนตรีแซกโซโฟนมือดี อย่าง โคลิน สเต็ทสัน (Colin Stetson) ผู้เคยร่วมงานกับวงดนตรีชื่อดังอย่าง Arcade Fire, Bon Iver และ Tom Waits
แอรีติดต่อโคลินก่อนจะเริ่มสร้างถึงสองปีเพื่อขอให้โคลินแต่งดนตรีประกอบให้ แอรียังเริ่มงานกับทีมงานหลายเดือนก่อนจะเริ่มถ่ายทำ เพื่อให้งานสร้างออกมาชัดเจน ได้ในสิ่งที่แอรีวาดภาพไว้ในหัว แม้ว่านี่จะเป็นผลงานภาพยนตร์เรื่องแรกของเขา แต่เขาก็ได้คำตอบตกลงร่วมมือจากมือวางอันดับต้นในแต่ละด้าน ในระหว่างช่วงเตรียมการสร้าง แอรีได้ติดต่อ สตีฟ นิวเบิร์น (Steve Newburn) ผู้เชี่ยวชาญด้านเทคนิคพิเศษ จากเมืองโตรอนโต ประเทศแคนาดา ผู้เคยฝากผลงานไว้กับภาพยนตร์เรื่องดังอย่าง Team America : World Police ที่แอรีประทับใจมาก แม้ว่าความถนัดของสตีฟจะอยู่ในด้านการแต่งหน้าพิเศษ และออกแบบร่างกาย ผลงานล่าสุดของเขาคืองานในภาพยนตร์เรื่อง Suicide Squad และ TV Series เรื่อง “12 Monkeys” ซึ่งมีมาถึงปีที่ 4 แล้ว
นอกจากการออกแบบบ้านตุ๊กตาของแอนนีแล้ว สตีฟยังเข้าไปช่วยเรื่องการออกแบบเทคนิคพิเศษ และเทคนิคพิเศษเกี่ยวกับอวัยวะเทียม ซึ่งเป็นอุปกรณ์สำคัญในการเล่าเรื่องราวสุดสะพรึง ก่อนนี่สตีฟจะเริ่มออกแบบบ้านตุ๊กตา ที่จะย่อส่วนหนังทั้งเรื่อง แอสเตอร์ได้ร่วมกันออกแบบ เกรซ ยุน (Grace Yun) จากเรื่อง Beach Rats และ First
Reformed ทั้งคู่ออกแบบบ้านของครอบครัว เกรแฮม ที่มีสามชั้น สร้างด้วยไม้สีเข้ม และตกแต่งด้วยงานฝีมืออย่างประณีต ซึ่งต้องใช้ความละเอียดพอกับการสร้างตัวละครในเรื่อง แอรี ตั้งใจชัดเจนว่าจะไม่ออกแบบอะไรที่ดูน่ากลัวเกินไป
“เพราะว่าภาพยนตร์เรื่องนี้น่าจะตกอยู่ในภาพยนตร์ประเภทบ้านสยองขวัญ ผมเลยอยากจะเลี่ยงการทำอะไรที่คาดเดาได้ เช่นพวกพื้นไม้เสียงดัง หรือผนังเก่าๆ หรือ การตกแต่งแบบกอธ เราพยายามจะหาบ้านจริงๆ แต่มันน่าจะเปลืองกว่าสร้างขึ้นมาใหม่ และถ้าเราเลือกบ้านจริงๆ เราอาจจะต้องทุบทำลาย ออกแบบบ้านใหม่เพื่อการถ่ายทำในแบบที่ผมต้องการ แค่การออกแบบการถ่ายทำทำให้การหาบ้านจริงแทบเป็นไปไม่ได้”
ทีมงานก่อสร้างบ้านของครอบครัวเกรแฮมขึ้นในสตูดิโอ ตั้งแต่ห้องโถง จนถึงบ้านต้นไม้ ซึ่งจะมีบทบาทสำคัญในตอนไคลแมกซ์ ของเรื่อง แม้ว่าการถ่ายทำในสตูดิโอจะลำบาก แต่แอรีก็พิสูจน์ได้ว่าเขาจัดการการถ่ายทำได้ดี “การถ่ายทำตามที่ผมวางภาพไว้ต้องใช้สถานที่เยอะมาก เพราะเป็นการถ่ายแบบที่ต้องใช้รางผ่านประตู เราอยากจะควบคุมการถ่ายทำได้ทั้งหมด โดยที่สถานที่ถ่ายทำไม่มาขัดขวางความตั้งใจของเรา เราทำได้ด้วยการทำผนังที่เคลื่อนย้ายได้”
หลังการก่อสร้างฉากเสร็จสิ้น สตีฟก็ได้เริ่มสร้างบ้านจำลอง ทั้งรายละเอียดห้องมากมาย และการตกแต่งภายในที่แตกต่าง รวมไปถึงพรม ลายวอลเปเปอร์ และของแต่งบ้าน การคัดเลือกนักแสดงนำ นักแสดงคนแรกที่ได้เข้าร่วม HEREDITARY ในบทนำนั่นคือ บทของ แอนนี เกรแฮม (Annie Graham) คือ นักแสดงผู้เข้าชิงรางวัลออสการ์ และผู้ชนะรางวัลเอมมี่อวอร์ด โทนี่ คอลเลต (Toni Collette) บทบาทของเธอจากเรื่อง Muriel’s Wedding
และภาพยนตร์ชุดทางโทรทัศน์ เรื่อง The United of Tara เป็นบทบาทสร้างชื่อให้เธอมาหลายปีทั้งในจอทีวีและจอใหญ่ หลังจากนั้นไม่นานนักแสดงที่ทุกคนคุ้นหน้าอย่าง แอน ดาวด์ ( Ann Dowd) จากเรื่อง Captain Fantastic และภาพยนตร์ชุดเรื่อง The Leftovers ได้รับบทคุณยายที่น่ากลัวและมีส่วนกับเรื่องลึกลับ อย่างคุณยาย โจน หลังจากที่ แอน ถ่ายทำเรื่อง HEREDITARY เสร็จไม่กี่สัปดาห์ เธอก็ชนะรางวัล เอมมี่อวอร์ดจากภาพยนตร์ชุดทางโทรทัศน์ เรื่องเยี่ยมอย่าง The Handmaid’s Tale จากบท คุณป้าสุดโหด ผู้กำกับ แอรี และ หัวหน้าฝ่ายแคสติ้ง เจสสิก้า เคลลี่ (Jessica Kelly) ได้เริ่มค้นหานักแสดงในเมืองนิวยอร์ก สำหรับบทนักแสดงรุ่นเยาว์ ทั้งบท ปีเตอร์ และชาร์ลี ซึ่งได้นักแสดงหน้าใหม่อย่าง อเล็กซ์ วอล์ฟ (Alex Wolff) ที่เคยผ่านภาพยนตร์ใหญ่อย่าง Jumanji : Welcome to the Jungle และ My Big Fat Greek Wedding 2 ได้เข้าแคสในบทปีเตอร์ เขาเริ่มสนใจในบท และเขาก็ได้รับบทนี้ในที่สุด
สำหรับนักแสดง มิลลี่ ชาปิโร ผู้ซึ่งได้รับรางวัลโทนี่อวอร์ด เมื่ออายุเพียง 10 ขวบ จากบทนำในละครเวทีเรื่อง Matilda เธอเอาชนะใจฝ่ายแคสติ้งด้วยความตั้งใจในบทที่ท้าทายในเรื่องนี้ นักแสดงหลักคนสุดท้ายที่ได้เข้าร่วมในโปรเจ็กนี้คือ เกเบรียล เบิร์น (Gabriel Byrne) จากเรื่อง The Usual Suspects และ Miller’s Crossing เขาชนะรางวัลลูกโลกทองคำและรางวัลเอมมี่อวอร์ดจากบท ดร.พอล เวสตันจากภาพยนตร์ชุดทางโทรทัศน์เรื่อง In Treatment ตัวละครที่บังเอิญทำอาชีพเดียวกับ บทสตีฟ เกรแฮม นั่นคือ จิตแพทย์ “หลังจากที่ผมได้ดูภาพยนตร์เรื่อง Miller’s Crossing หลายพันรอบ ตอนผมอายุ15 การได้ร่วมงานกับแกเบรียลมันเป็นเรื่องเหลือเชื่อมาก เพราะผมไม่รู้ว่าทุกคนรู้ไหมว่าเขาเป็นคนบ้าหนังมากๆ ระหว่างถ่ายทำเราก็มักจะนั่งถกเรื่องภาพยนตร์โปแลนด์กันได้บ่อยๆ”
หนังเรื่องนี้มีกำหนดฉาย 14 มิถุนายนนี้ ในโรงภาพยนตร์