
ยุบรายการสามแยกปากหวาน 'อ๊อฟ' ลั่นไม่เกี่ยวดราม่า'ป็อป'
"อ๊อฟ" ปองศักดิ์ รัตนพงษ์ เผยสาเหตุยุบรายการ"สามแยกปากหวาน"แจงเป็นการตัดสินใจร่วมกันของ "ป็อป"ปองกูล สืบซึ้งและ"ว่าน"ธนกฤต พานิชวิทย์
ทำเอาใจหายกันไปเป็นแทบๆ สำหรับแฟนคลับที่ติดตามชมรายการสุดฮา อย่าง "สามแยกปากหวาน" ที่ได้ 3 เพื่อนซึ้ อ๊อฟ ป็อป และ ว่าน ทำหน้าที่พิธีกร ซึ้งล่าสุดมีข่าวออกมาแล้วว่ารายการนี้จะออกอากาศเพียงแค่สิ้นเดือนมิ.ย.เท่านั้น ล่าสุดได้พบกับ "อ๊อฟ" ปองศักดิ์ ในงานคอนเสิร์ต "The one concert :1035 กระบวนท่าจำ"@รอยัล พารากอน จึงต้องถามไถ่
"คือมันเกิดจากที่ว่าพวกอ๊อฟคุยกันตั้งแต่ครั้งแรกแล้วก่อนจะมีรายการว่าพวกเราไม่เหมาะการเป็นพิธีกรอยู่แล้ว ความเป็นพิํํธีกรของพวกเรา หากต้องไปสัมภาษณ์แขกรับเชิญที่เป็นจริงเป็นจังมันคงยาก แล้วแขกรับเชิญในรายการต้องเข้าใจนิสัยส่วนตัวของพวกเราสามคน วิธีการพูดและวิธีการนำเสนอ ถ้าเกิดเราเชิญคนที่ไม่เกทในสิ่งที่เราเป็น ก็จะเกิดการผิดใจกันขึ้นมา พอเรารันรายการมาถึงปีกว่าๆแล้ว ทำให้เราเจอแขกรับเชิญที่สนิทมาหมดแล้วไง แล้วที่เหลือจากนี้ คือหนึ่งเขาต้องเข้าใจว่าเราเป็นอย่างไร ก็ต้องเป็นเพื่อนที่เคยเจอกันมาก่อน ไม่งั้นบางทีสัมภาษณ์น้องๆแล้วเขาไม่เกทในสิ่งที่เราเป็นไง" (ยิ้ม)
@ ถามว่ามีบ้างไหมกับแขกรับเชิญที่ทางเราสามคนแซวไปแล้วเขาไม่เกท
"มันขึ้นกับวาระและเวลาของเทปนั้นๆแขกรับเชิญแต่ละที่ๆมา มันมีบ้างนะบางเรื่องนะ แต่โชคดีว่าแขกรับเชิญในทุกๆเทปนั้นมีความเป็นมืออาชีพและมีความสนุกกันอยู่แล้ว คือเมนหลักๆของการเลือกแขกรับเชิญ เราต้องเลือกตามเทรนด์ในกระแสของสังคมอยู่แล้ว ๆ เลือกตามความสนุกของแขกรับเชิญด้วย เรามาทำการบ้านว่าแขกรับเชิญคนนี้เราจะสัมภาษณ์เขาเรื่องอะไรดีิ ซึ่งอย่างที่อ๊อฟบอกเมื่อเราทำงานมาปีหนึ่งแล้ว เราเหมือนทำงานเป็นโรบอต"
@ แล้วดราม่าที่ผ่านมามีผลกระทบมากน้อยขนาดไหน หรือเป็นมูลเหตุหนึ่งในการปิดรายการด้วย
"ไม่เกี่ยวเลยนะ และเรื่องดราม่าเป็นเรื่องที่แบบธรรมดานะ สำหรับตัวของอ๊อฟนะ แต่ว่าด้วยความที่เกิดเรื่องดราม่ามีการด่ากันกัน หยิบยกประเด็นที่เราทั้งสามคนเป็นกังวลตั้งแต่แรกว่าคนจะเข้าใจในสิ่งที่เราเป็นหรือเปล่่า เอาจริงๆแล้วในรายการซึ่งมีคนดูเยอะมาก มันไม่เหมือนกับคอนเสิร์ตที่เรามีจำนวนจำกัดในแต่ละรอบ ว่า5พันคน และกลุ่มคนที่ดูคอนเสิร์ตก็เข้าใจพวกเราอยู่แล้ว แต่ว่าคนที่ดูรายการในออนไลน์ หรือคนดูทั่วประเทศ เราไม่สามารถให้คนดูเข้าใจเราได้หมดไง เพราะฉะนั้นจึงเป็นหนึ่งเหตุผลที่เราออกมาพูดกัน เพราะว่าพวกอ๊อฟไม่ได้คิดจะออกมาพูด กะว่าให้มันเงียบไป แต่ว่ามันเป็นไทม์ไลนของผังช่องมากกว่า พอสุดท้ายแล้วมันเกิดเรื่องพวกนี้มาและคนที่จะพูดมาที่สุด คนแรกส่วนใหญ่จะต้องเป็นอ๊อฟ เพราะว่าปากกับใจมันเหมือนกันอยู่แล้ว แต่ว่าครั้งนี้กลายเป็นพี่ป็ิอป (ปองกูล สืบซึ้ง) เป็นคนพูดก่อน ซึ่งเราก็โอเคนะเมื่อพี่เป็นคนพูดก่อน เราซัพพอร์ตในการตัดสินใจของพี่อยู่แล้ว"
@ ถามว่าป็อปโดนดราม่า เขาน๊อยด์มากน้อยขนาดไหน
"เอาจริงๆแล้วนะ เขาน๊อยด์ตั้งแต่แรกอยู่แล้วนะ บอกว่าด้วยความที่เราสามคนเป็นรายการที่มีความสุ่มเสี่ยงอยู่แล้ว เพราะว่ารูปแบบรายการมันเป็นอีกทางหนึ่งของเรา รูปแบบรายการมันเป็นการสัมภาษณ์และเป็นวาไรตี้ทอลกโชว์ แต่พวกเราสามคนเราขายความเป็นเอ็นเตอร์เทนเนอร์ ขายความเป็นตัวตนของพวกเรา เวลาเราทำงานมันจะยากเมืื่อเราทำเสร็จแล้วเราต้องกังวล สิ่งที่เราพูดในรายการมีอะไรบกพร่องไปหรือเปล่า หรือว่าขาดอะไรไปหรือเปล่า หรือแม้แต่ว่าขณะที่เรากำลังถ่ายทำกัน พวกเราและรวมถึงแขกรับเชิญสนุกกันมากๆ แต่ว่าคนดูที่อยู่ทางบ้านหรือทางโซเซียลคิดอย่างไรมากกว่า"
@ เกี่ยวกับลูกค้าลงน้อยด้วยไหม
"ไม่เลย (หัวเราะ) ถ้าเกิดใครเป็นคนทำรายการหรือโปรดักชั่นต่างๆ เขาจะมีช่วงเวลาที่ขายโฆษณา แล้วถ้าเราขายโฆษณาในช่วง 3 เดืิอน 6 เดือน ปีหนึ่ง มีไทม์มิ่ง ไทม์ไลนกันออกไป ในช่วงท้ายๆที่้เราถ่ายกันเป็นช่วงที่ลูกค้าไม่ได้ใช้เงิน เขาจะมาใช้กันช่วงต้นๆ อะไรอย่างนีั้"
@ ใจหายไหม
"ทุกครั้งที่เราไปทำงานเราสนุกมากเลยนะ มันไม่เหมือนเราไปทำงานเลยนะ เพียงแต่ว่าอย่างที่บอกว่า เมื่อเราเริ่มต้นด้วยกันมาตั้งแต่แรก เรารู้สึกกำลังตัดสินใจที่เราจะเลิก มันเลยมีความกังวลอยู่นิดหน่อย ความรู้สึกว่าเสียดายเหมือนกันนะ แต่ว่ามันมีหนทางอื่น ช่องทางอื่น ที่ทำงานด้วยกันและเราคุยกันอยู่ว่าจะมีโปรเจ็กท์ที่ทำด้วยกัน ทำกันเองสนุกๆ และเป็นไปในแบบที่พวกเราเห็นตรงกันว่ามันเหมาะกับความเป็นเรา (ลงยูทูป)อะไรอย่างนี้มากกว่านะ มันก็จะได้ไม่มีข้อจำกัดเยอะด้วย บางทีรายการในบ้างช่วงที่ตามผัง เราออนตอนสามทุ่มแล้วมาสี่ทุ่มแล้วย้ายมาออนตอนสี่โมงเย็น ไทม์มิ่งต่าง กลุ่มคนดูก็ต่าง การนำเสนอของพวกเรามันก็จะเปลี่ยนไปด้วย มันขาดความเป็นตัวเองไปด้วยในบางเทปและบางครั้ง เราต้องคิดเยอะ ถามว่าที่จะทำลงยูทูปจะทำเมื่อไหร่ เรายังไม่รู้เลย ไม่รู้จะทำแบบไหนประมาณไหน แต่คิดว่าหนีไม่พ้นความเป็นพวกเราทัั้งสามคน