
จิระวัฒน์ ปานพุ่มทำใจค่ายรักษ์ไทอายุสั้น
ปิดค่ายลงอีกรายหนึ่งแล้วสำหรับบริษัท รักษ์ไท จำกัด ภายใต้การนำทีมของ "เหน่ง" จิระวัฒน์ ปานพุ่ม อดีตนักเรียบเรียงเสียงประสานฝีมือดีที่อยู่เบื้องหลังนักร้องลูกทุ่งดังหลายคนจากค่ายแกรมมี่โกลด์ และอาร์สยาม ที่หันมาเติบโตในเส้นทางของตนเองได้ไม่นาน
ค่ายเพลงรักษ์ไท เพิ่งเปิดค่ายทำบุญเลี้ยงพระไปเมื่อวันพุธที่ 6 พฤษภาคม ที่ผ่านมา ย่านซอยศรีนครินทร์ 40 ถ.ศรีนครินทร์ แขวงหนองบอน เขตประเวศ โดยมีนักร้องคนแรกคือ กลิ่น ปทุมมา นักร้องที่เป็นนักเรียนห้องเดียวกับ ต่าย อรทัย จากเพลงในชุด "สายซ้อน" มาเป็นตัวนักร้องเบอร์แรก และโครงการต่อมากำลังจะปั้นนักร้องใหม่หลายคน อาทิ เหมียว สวรส, เต้ย สำฤทธิ์, โย พัฒนพล, อั้ง เอื้องฟ้า
จิระวัฒน์ ให้สัมภาษณ์ ครั้งแรกกับทีมข่าว "คม ชัด ลึก" หลังจากการปิดตัวของค่ายเพลงดังกล่าวได้ระยะหนึ่งว่า
"หุ้นส่วนที่ทำกันเขาหมุนเงินไม่ทัน เขาก็มารับตรงๆ กับผมนะว่าเขาอาจไม่ไหวถ้าเราดันทุรังทำไป กลัวมันจะหนักไปเรื่อยๆ เลยหยุดกันก่อนไหม หมุนเงินมันไม่ทันจริงๆ แทนที่จะเสียไปมากกว่านี้ก็หยุดก่อนแล้วค่อยว่ากันใหม่ ซึ่งผมก็เข้าใจเขานะเพราะเขาก็เห็นเงินลงทุนเยอะ แต่ทำเพลงมันก็ไม่ได้ทันทีทันใดเขาไม่ใช่คนในวงการเราเขาอาจจะกลัวก็ได้"
ผู้สื่อข่าวถามว่าปัญหาเกิดมาตั้งแต่ช่วงไหน และทำไมไม่หาทางแก้ไข นักดนตรีหนุ่มกล่าวว่า ทำใจไว้แล้วเพราะรู้ว่าทุกอย่างไม่ใช่เรื่องง่ายก็ต้องหยุดก่อนที่จะหนักไปกว่านี้
"เราทำใจไว้รอตั้งแต่เดือนที่ 2 แล้ว ผมนั่งบริหารอยู่ ก็มีเสียใจบ้างนิดๆ หน่อยๆ ไม่น่าเร็วเลยถ้าทำความเข้าใจกันก็น่าจะไปได้ เราต้องยอมรับในสิ่งที่เกิดขึ้น เขาไม่รู้ว่าการทำเพลงเป็นอย่างไร แต่เราก็ไม่ว่าอะไรกัน ก็ช่วยกันหาทางแก้ไขกันไป ตอนนี้ในส่วนของนักร้องเราก็พยายามคืนสัญญาให้เขาทุกคน กลิ่น ปทุมมา ผมก็คืนสัญญาให้ไปแล้ว ทำความเข้าใจกับน้องๆ ทุกคน ทางค่ายเขาไม่ได้มีปัญหาเรื่องศิลปิน"
ผู้สื่อข่าวสอบถามอีกว่า ได้อะไรบ้างกับความล้มเหลวครั้งนี้และคิดจะทำอะไรต่อไป จิระวัฒน์ บอกอย่างหนักแน่นว่า อย่างแรกคือการทำค่ายเพลงที่คนทำต้องพร้อมจริงๆ
"ถามว่าผมได้ข้อคิดอะไรจากการเปิดค่ายเพลงครั้งนี้อันดับแรกคือ ถ้าจะเปิดทำค่ายเพลงมันต้องลงทุนมากและกว่าจะได้เงินกลับมามันนาน ถ้าสายป่านไม่ยาวก็แย่ทุกคน ผมเป็นคนที่คิดอะไรได้ก็ทำเลย ผิดที่ผมด้วยที่ไม่รอบคอบไม่ทำความเข้าใจกันก่อน ตอนนี้ตัวผมเองก็รับงานทั่วไปไม่มากอะไร มีของค่าย "มีดี" ในเครืออาร์สยามไปช่วย ป๋าสนอง โสตถิลักษณ์ เขาทำเป็นบางเพลง เรื่อยๆ ไม่คิดมากอะไรยอมรับในสิ่งที่เกิดขึ้น"
เมื่อถามว่าจะกลับมาทำค่ายเพลงอีกไหมในวันข้างหน้า จิระวัฒน์ บอกว่า
"ถ้ามีโอกาสจะทำค่ายอีกยังไม่เข็ดหรอกให้มันรู้ซึ้งหน่อยว่ามันไม่ได้จริงๆ เสียดายมาเจอปัญหาก่อนเลยวัดอะไรไม่ได้ ต่อไปผมต้องรอบคอบขึ้นผมเป็นนักดนตรีอยากทำงานที่เป็นเพลงจริงๆ ถ้าเราทำใจไม่ได้อาจจะแย่กว่านี้ ให้ทุกอย่างจบลงด้วยดี มีจังหวะค่อยมาเดินใหม่ เวลายังไม่จบลงแค่นี้ไม่ท้อไม่ถอยก็คิดวางแผนกับผู้ใหญ่อยู่" นักดนตรีหนุ่มกล่าวอย่างอารมณ์ดี
ก่อนหน้านี้ จีระวัฒน์ ปานพุ่ม ได้ร่วมงานกับค่ายแกรมมี่โกลด์ ในฐานะนักดนตรีก่อนที่จะก้าวมาเป็นนักเรียบเรียงเสียงประสาน โดยได้รับมอบหมายให้ทำเพลงให้ "ก๊อท" จักรพันธ์ ครบุรีธีรโชติ หลายชุดและเพลงประกอบละครต่างๆ ต่อมาได้ย้ายมาสังกัดค่าสยอาร์สยาม โดยดูแลยูนิต "รักษ์ไท" และทำงานให้โปงลางสะออน ชุดแรก และ "กุ้ง" สุธิราช วงศ์เทวัญ ต่อมาออกมาทำงานให้กับค่ายสไมล์เรคคอร์ด และล่าสุดคือค่ายรักษ์ไท
จีระวัฒน์ เคยให้สัมภาษณ์ "คม ชัด ลึก" เมื่อปลายปีที่ผ่านมา ถึงแนวทางการทำงานเพลงลุกทุ่งในวันนี้ว่า
"ยากขึ้น ไม่รู้ว่ามันจะเป็นแนวไหนดี มันเปลี่ยนไปเยอะ คนรุ่นใหม่เกิดเยอะ เขาก็นำเสนอสิ่งใหม่ๆ ใหม่มากจนลืมของเก่า เลยขาดความเป็นลูกทุ่ง บางเพลงที่เขาบอกว่านี่เป็นลูกทุ่ง แต่เราฟังแล้วมันไม่ใช่"
สำหรับกระแสเพลงลูกทุ่งเพื่อชีวิต เหน่งบอกว่า
"เพลงลูกทุ่งกับเพลงเพื่อชีวิตมันก็อันเดียวกัน ไม่อยากให้บัญญัติคำใหม่ๆ ขึ้นมาให้มันสับสน คนฟังเป็นคนรุ่นใหม่เขาจะละเมียดขึ้น ดนตรีเพราะไหม เนื้อเพลงดี นักร้องต้องร้องดี คนทำจึงต้องพัฒนาเพลงให้ทันยุคเขา ต้องทำให้ทันสมัยแม้จะเป็นเพลงลูกทุ่งนะ"
นักเรียบเรียงดนตรี คนรุ่นใหม่ เจ้าของรางวัลมาลัยทอง เคยกล่าวทิ้งท้ายไว้อย่างน่าฉุกคิดสำหรับคนทำเพลงว่า
"เพลงมันเหมือนกันหมด คนชอบทำตามความสำเร็จของค่ายอื่น ลอกเลียนแบบกันมาก ผมว่าถ้าเรามัวคิดแต่เลียนแบบกันแบบนี้มันก็จะฉุดวงการลูกทุ่งให้ยิ่งแย่ลง ไม่มีอะไรใหม่ๆ ออกมา ยกตัวอย่างความสำเร็จของแกรมมี่โกลด์จะมาใช้กับอาร์สยามก็ไม่ได้ ความสำเร็จของอาร์สยามจะมาใช้กับแกรมมี่โกลด์ก็ไม่ได้เช่นกัน"