
'เวฟ-บุ้ง' มองสินสอด-ทะเบียนสมรส ไม่สำคัญเท่าความรัก
"เวฟ" สาริน บางยี่ขัน ควงว่าที่เจ้าสาว "บุ้ง" สะธี ใบหยก แถลงก่อนการแต่งงานวันพรุ่งนี้ (12 พ.ย.)
เตรียมเข้าประตูวิวาห์ไปอีกคนแล้ว สำหรับ "เวฟ" สาริน กับแฟนสาว "บุ้ง" สะธี ทายาทใบหยก ที่จะเข้าพิธีแต่งงานกันในวันพรุ่งนี้ (12 พ.ย.) โดยทั้งคู่ได้แถลงข่าวก่อนวันวิวาห์ดังนี้
เวฟ - "สำหรับวันนี้ที่เชิญพี่ๆ นักข่าวมาร่วมฟังการแถลงข่าวเพราะว่าในวันพรุ่งนี้จะมีงานมงคลสมรสระหว่างผมและน้องบุ้ง ซึ่งในวันพรุ่งนี้งานน่าจะวุ่นวายพอสมควรและอาจจะไม่สะดวกสำหรับพี่ๆ สื่อมวลชน เลยเรียนเชิญมาพูดคุยกันในวันนี้ดีกว่า (ยิ้ม) ถามถึงความรู้สึกของผมในตอนนี้ ผมเครียดมากกว่า(หัวเราะ) เตรียมตัวไม่ทัน"
บุ้ง - "รู้สึกว่าเวลามันผ่านไปเร็ว เพราะตอนแรกคิดว่าเหลือเวลา 3 เดือนจะอีกนาน แต่ปรากฏว่าทำอะไรไม่ค่อยทันเลย ซึ่งทางพี่เวฟเขาจะเครียดกว่าเนื่องจากเขาเป็นคนดีลงานเอง ส่วนบุ้งจะไม่ค่อยได้ลงรายละเอียดเท่าเขา"
เวฟ - "แต่งงานครั้งเดียวเนอะ (หัวเราะ) แต่จริงๆ ก็มีทีมช่วย เป็นทีมงานของใบหยก และก็ทีมจากรุ่นน้องมาช่วยดูแล ซึ่งผมแค่เสนอสิ่งที่อยากได้ให้เขาไป ทางนั้นเขาก็ทำเป็นภาพกลับมาให้ตัดสินใจอีกทีว่าชอบหรือเปล่า ถามว่าได้รีเควสอะไรเป็นพิเศษไหม เอ่อ...ไม่มีเลย ปกติธรรมดาเหมือนงานแต่งงานทั่วไป อาจจะมีตัดอะไรออกบางส่วน และก็เติมอะไรเข้าไปใหม่บางส่วนเท่านั้นเอง"
คอนเซ็ปต์ของงานเป็นยังไงบ้าง ?
เวฟ - "เน้นความสนุกสนานมากกว่า พบปะเพื่อนฝูงปาร์ตี้สังสรรค์ ไม่มีอะไรเป็นพิเศษเลย เป็นงานแต่งที่จัดกันแบบธรรมดาเพื่อให้ผู้ใหญ่รับรู้ว่าตอนนี้เราสองคนเป็นสามีภรรยากันแล้ว"
บุ้ง - "มีคนถามถึงธีมงานด้วยเหมือนกัน แต่ว่างานเราไม่มีธีม เราค่อนข้างขี้เกรงใจ เพราะถ้าชวนเขามางานแล้วยังไปบังคับเขาให้แต่งตัวนู่นนี่อีกมันก็ไม่สนุก ดังนั้นเอาที่เขาสะดวกกันดีกว่า"
งานที่จะเกิดขึ้นในวันพรุ่งนี้จะเป็นยังไงบ้าง?
เวฟ - "พรุ่งนี้จะมีพิธีขันหมากตอน 7 โมงเช้า และก็เป็นพิธีไทยยาวไปถึงเที่ยงเลย ทั้งพิธีหมั้น พิธีรับไหว้ และก็รดน้ำสังข์ ส่วนงานตอนเย็นจะเริ่มช่วง 6 โมง คือค่อนข้างเร็วนิดหน่อยเพราะเราจะจบเร็ว เนื่องจากว่าบ่าวสาวจะมีฤกษ์ส่งตัวหรืออะไรต่างๆ นานา ที่มันค่อนข้างกระชั้นชิดอีก"
สินสอดสำหรับงานวิวาห์ครั้งนี้พอจะระบุได้ไหม ?
เวฟ - "พอสมควรเท่านั้นเอง แต่ก็ไม่ได้เยอะและก็ไม่ได้น้อย ซึ่งส่วนตัวผมเองผมมองว่าจริงๆ แล้วความสำคัญมันอยู่ที่เรารักกันหรือเปล่ามากกว่า และคุณพ่อคุณแม่อนุญาตให้เราแต่งงานกันไหม ซึ่งคุณพ่อคุณแม่ของน้องบุ้งท่านกรุณามากเพราะท่านไม่ได้เรียกสินสอดอะไรอะไรเลย แต่ผมก็จัดให้เหมาะสมพิธีตามประเพณีไทย คืออย่าไปตีค่าคนเป็นราคา เราตีค่ากันที่ความรู้สึกดีกว่า"
แพลนฮันนีมูนของเราทั้งคู่เป็นยังไงบ้าง?
บุ้ง - "ยังไม่มีเลย"
เวฟ - "ทุกวันนี้ก็เหมือนฮันนีมูนอยู่แล้ว คือเราไม่ได้คิดว่าพอแต่งเสร็จเราจะต้องไปฮันนีมูนที่ไหนหรือยังไง เพราะพอแต่งงานเสร็จปุ๊ปเช้าวันต่อไปเราก็ยังคงทำงานกันเหมือนปกติ"
ตั้งใจจะมีทายาทเลยหรือเปล่าหลังจากนี้ ?
เวฟ - "ก็ตั้งใจว่าถ้าหากมีลูกได้หรือมีโอกาสเหมาะสมก็อยากจะมีเลย"
บุ้ง - "อยากมี บุ้งชอบเล่นกับเด็กอยู่แล้ว ทุกวันนี้เวลาอยู่บ้านก็เล่นแต่กับหลาน ถ้าหากมีลูกมาอีกคนก็จะได้อยู่เป็นเพื่อนกันได้ (ยิ้ม) ส่วนจะเป็นผู้หญิงหรือผู้ชายก็ได้หมดบุ้งอยู่กับเด็กได้หมดเลย"
เวฟ - "เรื่องการเลี้ยงเด็กไม่ต้องห่วงเขาเลย เขาเป็นคนรักเด็กมาก เขาเป็นคนที่ดูแลลูกๆ หลานๆ ตลอด หรือแม้ไม่ใช่ลูกคนที่รู้จักหากเขาเห็นเขาก็จะต้องเข้าไปจับเข้าไปเล่นด้วยให้ได้ คือถ้าหากเขามีลูกเองเขาต้องสปอยด์มากแน่นอน"
ความประทับใจที่เราสองคนมีในตัวของอีกฝ่ายคืออะไร ?
บุ้ง - "พี่เขาดีขึ้นทุกวัน ช่วงแรกๆ อาจมีทะเลาะบ้างในช่วงปรับตัว แต่พอนานวันเข้าเขาก็เข้าใจในตัวเรามากขึ้น และเราก็ไม่มีอะไรที่ขัดแย้งกันเลย พี่เขาเป็นคนที่ใส่ใจทุกรายละเอียดจริงๆ
เวฟ - "คือเราอยู่กันมารู้จักกันมา 5 ปี น้อยวันมาก ที่เราจะไม่ได้เจอกัน นับได้เลย ยกเว้นแต่เขาไปต่างประเทศหรือผมทำงานจนดึก ซึ่งการที่เราได้อยู่ด้วยกันตลอดแบบนี้ มันทำให้ผมรู้ว่าเวลาเขาเป็นแบบนั้นแบบนี้ คือเขากำลังรู้สึกยังไง เหมือนเราเข้าใจกันมากขึ้น มากกว่าปีแรกๆ"
มีคำมั่นสัญญาให้กันบ้างไหมกำลังจะแต่งงานกันแล้ว ?
บุ้ง - "เราไม่ได้สัญญาอะไรกันเลย บางคู่สัญญากันตั้งแต่ปีแรก แต่การกระทำมันไม่ใช่มันก็ไม่มีค่า ดังนั้นบุ้งกับพี่เวฟเราจึงไม่มีสัญญากันเลย เราไม่เคยมีเซอร์ไพรส์ ไม่เคยมีสวีท ไม่เคยหวานกันเลย"
วางแพลนอนาคตชีวิตคู่ไว้ยังไงบ้าง ?
เวฟ - "ผมต้องขอชี้แจงก่อนสำหรับหลายๆ คนที่มองผมภายจากข่าวหลายๆ ข่าวในด้านลบ คือเรื่องข่าวระหว่างเราสองคนไม่มีผลกระทบหรอก แต่ผมจะห่วงความรู้สึกของคนใกล้ชิดผม ของครอบครัวผมมากกว่า เพราะพอมันเป็นข่าวที่เป็นผลลบ ผลลบนั้นมันก็จะส่งต่อไปยังความรู้สึกของคนรอบข้างผมด้วย"
บุ้ง - "จริงๆ เราโชคดีนะพี่ เพราะทางครอบครัวบุ้งเขาไม่ได้สนใจข่าวอะไรพวกนี้เลย แต่เขาดูที่การกระทำของเราสองคนมากกว่า โอเคช่วงปีแรกๆ มันอาจจะมีคำถามเข้ามาว่า "จะดีเหรอ" แต่เมื่อเราได้รู้จักกันจริงๆ รู้จักกันนานเข้า ก็ไม่ได้มีปัญหาอะไรเลย"
เวฟ - "หลายคนอาจจะมองว่าถ้าผมแต่งงานไปแล้ว ผมจะต้องมาทำงานที่นี่ มาใช้ชีวิตในครอบครัวที่หลายคนก็พอจะทราบกันดีว่าเป็นครอบครัวแถวหน้าของเมืองไทย ซึ่งผมต้องบอกก่อนว่า ถึงผมแต่งงานไปผมก็ยังต้องรับงานละคร เพราะผมต้องดูแลภรรยา ผมยังรับงานแถมรับซ้อนกันหลายๆ เรื่องได้ด้วย"
ตั้งใจจะจดทะเบียรสมรสเลยหรือเปล่า ?
บุ้ง - "เราเคยคุยกันเองสองคนค่ะว่าจริงๆ แล้วเรื่องการจดทะเบียนมันไม่ใช่สิ่งสำคัญ มันเป็นแค่กระดาษแผ่นหนึ่งที่เราต้องเซ็นต์ชื่อ ดังนั้นแล้วแต่ทางผู้ใหญ่เลยค่ะ"
เรือนหอของเราทั้งคู่เตรียมไว้แล้วหรือยัง ?
เวฟ - "เตรียมไว้แล้วครับ คือซื้อบ้านไว้ที่นวมินทร์ แต่อย่างที่บอกทางคุณพ่อยังไม่ปล่อย"
บุ้ง - "คือไม่ใช่ว่าคุณพ่ออนุญาตให้แต่งงานแล้วเราจะไปอยู่นอกบ้านได้เลย แต่การอนุญาตก็คือการให้โอกาสพี่เวฟในการพิสูจน์ตัวเองอีกระดับ ซึ่งท่านก็ยังคงคิดถึงลูกๆ อยู่ ดังนั้นมันก็จะมีบ้านที่ถูกสร้างเอาไว้ในพื้นที่เดิม"
เวฟ - "คุณพ่อท่านเคยบอกกับผมไว้ว่า ถึงแต่งงานไปแล้วก็อยากให้เข้ามาอยู่ในครอบครัวเดียวกัน ในรั้วเดียวกัน อยากจะมีความอบอุ่นเหมือนปกติเหมือนช่วงที่ลูกสาวยังไม่แต่งงาน เพราะว่าคุณพ่อคุณแม่น้องบุ้งท่านเป็นคนที่รักลูกมาก ไม่ว่าใครก็แล้วแต่ในครอบครัวแต่งงานไปก็จะต้อวอยู่ร่วมกัน ดังนั้นคุณพ่อท่านก็จะสร้างบ้านให้ในรั้วเดียวกันอีกหลังหนึ่ง ซึ่งเราก็จะไปๆ มาๆ ระหว่างสองหลังนี้"
ถามถึงแหวนแต่งงานเป็นยังไงบ้าง ?
เวฟ - "เป็นแหวนแต่งงานตั้งแต่รุ่นคุณย่า ที่ท่านได้มอบให้คุณพ่อผมเพื่อให้คุณแม่ในวันแต่งงาน และพอถึงวันนี้คุณแม่ท่านก็ให้ผมนำมามอบให้กับน้องบุ้ง ซึ่งมันตีมูลค่าไม่ได้ ถึงแม้จะไม่ได้ใหญ่มาก แต่ว่าใหญ่ทางใจ"