
ยอดหญิงปันซู 42 ตอนจบ
แม่ทัพเติ้งกับโค่วหลันจือก็ปรับความเข้าใจกันได้ ส่วนเว่ยอิงและปันซูก็ขอเวลาดูใจกันไปสักพักก่อน
ทุกวันจันทร์-ศุกร์ เวลา 05.00 น. / 23.10 น. ทางช่อง NOW26
Ban shu Legend No.42
แม่ทัพเติ้งได้ตามไปง้อโค่วหลันจือถึงที่บ้าน หอบกระถางดอกไม้มาให้
“ท่านแม่ทัพมาหาข้าแต่เช้า มีเรื่องอะไร”
“เมื่อวานที่เจ้าพูดข้าคิดทั้งคืน เจ้าพูดถูก ข้าไม่ควร เอาแต่ฐานะของแม่ทัพมากดดันเจ้า และก็ไม่ควร เอาเรื่องที่เจ้าเคยแต่งงาน แล้วมาสงสารเจ้า แต่ว่าเจ้าเองก็ต้องมีเหตุผล ถ้าไม่เป็นเพราะข้ามันเลว มันชั่วขนาดนี้ ดังนั้น ข้ารู้สึกว่า ข้าต้องรับผิดชอบเจ้า”
หลันจือว่า “รับผิดชอบอะไร ข้าไม่ต้องการ”
“ได้ ไม่ให้รับผิดชอบก็ไม่รับ เมื่อปฏิเสธการแต่งงาน ก็รู้สึกไม่สบายใจ ข้าว่าถ้าเราสองคนควรจะแต่งงานกัน ข้าต้องแต่งกับเจ้า ดูแลเจ้า หลันจือ ตำแหน่งของข้า ได้จากราชสำนัก การค้าของตระกูลข้า มีแค่ดอกไม้นี่ ข้าปลูกด้วยมือ รดน้ำด้วยตัวเอง ตอนนี้ เติ้งจื้อมอบให้เจ้า ไม่ใช่แม่ทัพเติ้งให้เจ้า หลันจือ ข้าไม่อยากพลาดเป็นครั้งที่สอง รับปากข้า ได้หรือเปล่า”
หลันจือไม่อยากเชื่อ “ดอกไม้นี้ เจ้าปลูกด้วยตังเองจริงหรือ”
“แน่นอนอยู่แล้ว นี่เป็นปันซู ก่อนที่อาจารย์ปันจะไป ได้ฝากข้าไว้ เจ้าชอบดอกไม้นี้หรือไม่
หลันจือย้อนถาม “นี่เป็นดอกไม้ ที่ปันซูฝากเจ้าดูแล”
“แล้วไงล่ะ มีอะไรหรือเปล่า ใช่ที่ปันซูเป็นคนให้ข้ามา แต่ข้าปลูกและดูแลเองนะ”
“เจ้ามั่นใจแค่ไหน”
เติ้งแปลกใจ “เจ้าหมายความว่าไง”
“เติ้งจื้อ เจ้ามีสมองรึเปล่า รู้มั้ยว่าดอกไม้นี้ เป็นดอกอะไร นี่เป็นดอกหญ้าเซียน เป็นดอกที่เว่ยอิงปลูกไว้ ที่หลังราชสำนักเรียน เพื่อระลึกถึงหลิวเซียน เจ้าเอาดอกไม้นี้มาให้ข้า แล้วอีกอย่าง จะให้ข้ารับปาก แต่งกับเจ้าอีกเหรอ” หลันจือร้องไห้เดินหนีไป
“นี่ ไม่ใช่ หลันจือ เจ้าไม่ชอบดอกไม้นี่อย่างนั้นเหรอ เอ๊ะ หลันจือ หลันจือ นี่ เปลี่ยนเป็นอย่างอื่นก็ได้” เติ้งรีบตาม
โค่วเฟิงมาขวาง “ท่านแม่ทัพ ด้านในเป็นเขตของผู้หญิง ท่านห้ามเข้า”
เติ้งตะโกนบอก “หลันจือ เว่ยอิงไม่ใช่คนรักเก่าปันซูแล้วนะ พวกเขาคืนดีกันแล้ว”
หลันจือตะลึง “จริงเหรอ”
โค่วเฟิง เองก็ตะลึง “จริงรึเปล่า”
“ จริงสิ หลิวเซียน แต่งงานกับท่านผู้นำตอนใต้ไปแล้ว เขามาตามหานาง และมีลูกด้วยกันแล้วด้วย เขาเอาลูกมาเพื่อมาหาแม่ หลิวเซียนเองก็ยอมรับเขาเป็นสามี ก็รีบพาองค์ชายหนานไปยื่นสานส์ ยอมร่วมมือกับต้าฮั่นเป็นพันธมิตรที่ดีต่อกัน”
หลันจือดีใจ “ดีมากๆ เลย ทุกคนก็ดีกันแล้ว”
เติ้งสวน “แล้วทำไมเจ้า ล่ะ ยังไม่ยอมรับข้าซะทีล่ะ”
ใต้เท้าโค่วเข้ามา “ท่านแม่ทัพ ท่านแม่ทัพมาถึงที่นี่ ข้าน้อยไม่ได้มาต้อนรับ ต้องขออภัย ขออภัย”
“สวัสดีท่านพ่อตา ข้ามาหาหลันจือ”
หลันจือดุ “เจ้าพูดอะไรกัน”
ใต้เท้าโค่วดีใจ “หา นี่ๆ”
เติ้งสวน “โธ่เอ๊ย เห็นหรือยัง ถ้าจะหาเมีย มาหาเมียที่อยู่ในราชสำนักนะ แรงเยอะเป็นบ้า โดยเฉพาะผู้หญิงที่เป็นอาจารย์”
หลันจือเขิน “เจ้า”
“นี่ เอ๊ะ ๆ จริงรึเปล่า หา เห็นรึยัง เห็นไหม” ทุกคนหัวเราะ
สวนในวัง อันซินเห็นดอกไม้ก็ชอบมาก
“ว้าว ดอกไม้สวยจังเลย ฮ่ะ ๆ นี่มันดอกอะไรกัน”
“ท่านชอบเหรอ นี่เป็นดอกไม้ที่ข้าเพิ่งเอามาจากบนเขา เรียกว่าดอกโบตั๋น ไทเฮาทรงชอบดอกไม้นี้มาก”
“สวนจังเลย ข้าไม่เคยเห็นมาก่อนเป็นดอกไม้ที่สวยจริงๆ”
“เป็นไงล่ะ ต้าฮั่นของเรา มีสิ่งสวยงามมากมาย”
อันซินกระแอม “มีของสวยงามอะไรกัน พวกเจ้าก็แค่ โชคดีเท่านั้นแหละ สวรรค์แค่ให้พื้นที่ที่ดี ให้มีกิน มีของสวยงามก็แค่นั้น”
“นี่”
อันซินว่าต่อ “ถ้าเอาที่นี่ให้กับโหลวหลานละก็ ของทุกอย่างจะต้องสวยและดีกว่านี้เป็นร้อยเท่า เป็นพันเท่า”
“ใครบอกก็ว่าเราโชคดีเพราะสวรรค์เป็นคนให้กัน ไป ข้าจะพาเจ้าไปดู”
โค่วเฟิงพาอันซินไปดูที่ทำกระดาษ
“กระดาษพวกนี้ ต้าฮั่นของเราใต้เท้าฉาเป็นคนคิดค้นขึ้นมา ใช้เปลือกไม้ ขาวดั่งเช่นหิมะ ไม่มีราขึ้น ผ้าไหมยังด้อยกว่า ฮ่ะ ดูสิ”
อันซินตื่นเต้น “ว้าว นี่ นี่ผลิตออกมาได้จริงๆ เหรอ”
“แน่นอนอยู่แล้ว การเรียนของพวกเราในทุกๆ วัน พวกเราได้เรียนตัดเปลือกไม้ ช่วยใต้เท้าฉาผลิตกระดาษออกมาได้ ตอนนี้ประชาชน ให้ชื่อกระดาษนี้ว่ากระดาษฉา เจ้าดูสิ ใช้กระดาษนี้เขียนตัวอักษร ทั้งวาดรูป ราคาก็ถูก เห็นรึยังล่ะ ว่าต้าฮั่นมีความสามารถมากแค่ไหน ต่อไปก็ห้ามพูดว่าต้าฮั่นเอาแต่พึ่งสวรรค์นะ”
“ของอันนี้ดีจริง อืม ข้าขอเอากลับโหลวหลานได้รึเปล่า ฮึ่ๆ”
“อ้อ เรื่องนี้ ต้องให้ไทเฮาทรงอนุญาต นี่ หรือไม่ โหลวหลานกับต้าฮั่นเรามาทำสัญญากัน ข้าจะช่วยเจ้าพูดเอง แค่นี้ก็เรียบร้อยแล้ว”
“ยังไม่ได้แข่งกันเลย โหลวหลานจะยอมแพ้ตอนนี้ไม่ได้ อึ๊” อันซินกระแอม
ทั้งสองเดินมาที่สะพาน มีเครื่องปั่น
อันซินตื่นเต้น “ฮ่ะ อ้า ของสิ่งนี้ เราขึ้นไปเดินบนนั่น มันก็จะสามารถดูดน้ำขึ้นมาใช่มั๊ย”
“แน่นอนสิ”
“โห๋ ว้าว... เอาล่ะ ข้าขอคืนคำที่พูดก่อนหน้านี้ คนฮั่นก็ยังมีประโยชน์ คิดสิ่งประดิษฐ์ที่น่าสนุกได้ อา แล้วอันนี้ ข้าเอากลับโหลวหลานได้รึเปล่า”
“หา ที่นั่นก็มีทุ่งหญ้า แสงอาทิตย์ส่อง มีบ่อน้ำ ถือว่าเป็นสิ่งที่ดี ไม่จำเป็นต้องใช้พวกนี้หรอก”
“ใช่สิ ข้าก็ลืมคิดไป ถ้างั้น ข้าไม่สนหรอก ของพวกนี้น่าสนุกจะตายเพิ่งเคยเห็น ฮ่ะๆ”
“นี่ ระวังนะ เดี๋ยวก็ล้มหรอก”
“ที่จริงแล้ว เจ้าก็เป็นคนดีนะ ถึงจะชอบต่อล้อต่อเถียง แต่เจ้าปกป้องพี่สาวเจ้า ข้าก็รู้แล้วว่า เจ้านะเป็นคนดี”
“แน่นอนอยู่แล้ว ข้ามีพี่สาวอยู่คนเดียว สำหรับข้าแล้ว นางเป็นผู้หญิงที่สำคัญที่สุด ข้าต้องปกป้องนาง”
“อึ่ เหมือนกันกับน้องของข้าเลย ฮ่ะ” อันซินถอนหายใจ “ในโลกนี้ น้องข้าดีต่อข้าที่สุด โค่วเฟิง ข้าไม่ได้ตั้งใจจะแกล้งอาจารย์โค่วนะ ให้เจ้าช่วย ไปขอโทษนางแทนข้าด้วย”
“ฮ่ะ เรื่องนั้นช่างมันเถอะ ถามท่านหน่อย หลายวันที่เราเที่ยวเล่นกัน เราเป็นเพื่อนกันรึเปล่า”
“แน่นอน แน่นอนอยู่แล้ว”
“ถ้าคิดว่าข้าเป็นเพื่อน บอกข้าที คณะทูตของท่านทำไมถึงกดดันต้าฮั่นของเรา อ้อ ท่านอย่าโกรธข้านะ โหลวหลานมาไกลถึงขนาดนี้ มาเพื่ออะไรกัน ต้องการอะไรเหรอ ถ้าเกิดทำให้ไทเฮาและท่านแม่ทัพโมโห อย่าคิดว่าจะได้กลับไป อย่ามองข้าแบบนี้สิ ข้าไม่ได้ขู่ท่าน ถ้าท่านแม่ทัพไม่ใช่พี่เขยข้า และท่านไม่ใช่เพื่อนของข้า คงไม่พูดเรื่องนี้กับท่านหรอก”
“นี่ก็ ฮ่ะ” อันซินถอนหายใจ “ก็ได้ ถ้าข้าบอกเจ้าเจ้า ห้ามบอกใครเด็ดขาด พี่เจ้าก็ห้ามบอก สัญญา”
โค่วเฟิงให้คำมั่น “สัญญา”
“ที่จริงแล้ว ท่านพ่อข้าถูกแม่ทัพทางเหนือบีบบังคับจนตาย คนที่รักษาตำแหน่งอยู่ คือเสด็จแม่ข้า นางก็อยากจะเข้าร่วมกับต้าฮั่น ดังนั้นจึงส่งพวกข้ามา”
โค่วเฟิง เข้าใจ “เป็นแบบนี้เอง แล้วไงต่อ”
“ขุนนางที่โหลวหลัน ถูกแบ่งเป็นสองฝ่าย บางฝ่ายให้เข้ากับทางใต้ บางฝ่ายให้เข้ากับต้าฮั่น ข้าไม่รู้จะทำยังไง ถึงได้มาที่นี่ แต่ว่าเรื่องนี้ข้าไม่อาจให้ไทเฮาและฝ่าบาทรู้ได้ ข้ากลัวว่าพวกเขา จะดูถูกและส่งทหารไปปราบ แล้วจะทำยังไง หลายปีมานี้ โหลวหลานถูกตอนเหนือทำร้ายมานาน เกือบจะไม่รอดซะแล้ว”
“ท่านจึงคอยแต่แสดงท่าทางต่อหน้าคนอื่น ให้คนอื่นเห็นว่าเจ้านั้น ยิ่งใหญ่มีกำลังเพียงใด”
“อึ่ นี่ เจ้าว่าข้าทำไม่ได้หรือไง”
“ไม่ใช่ ที่จริงแล้ว ท่านมีเก่งมากกว่าผู้หญิงหลายๆ คน เพียงแต่...”
“เพียงแต่อะไร”
“เพียงแต่คนที่เก่งจริงๆ เขาไม่คุยโม้ เหมือนกับ ปันหย่งเป็นพี่ชายอาจารย์ปัน รบอยู่นอกเมืองหลายปี ถ้าโหลวหลานเกิดอะไรขึ้น เขาก็ต้องรู้ ข้าว่านะ การแกร่งแย่ง ไม่ช่วยอะไร ท่านควรหาโอกาสไปตกลงกับไทเฮา พวกเราใจกว้างพอ หลายปีมานี้ เราช่วยเมืองรอบๆ พวกเราจะไม่ซ้ำเติมโหลวหลาน หลายปีก่อน ปันติงก็เคยช่วยปู่ทวดของท่านไว้หนิ”
“ที่เจ้าพูดก็ถูก แต่ว่า รอให้แข่งจบก่อนค่อยว่ากัน”
“ก็ได้ ข้าจะจำเจ้าไว้ จะไม่พูดเรื่องนี้กับใคร แต่ว่า ถ้าการแข่งขันจบแล้ว ท่านควรจะถ่อมตัวลงบ้าง อย่าโอ้อวดเกินไป อยู่ในงานใหญ่ ท่านแม่ทัพเติ้ง ก็อยู่ด้วย”
“อึ่ ข้ารู้แล้ว ขอบคุณเจ้ามาก เจ้านี่สุดยอดจริง มา ปั่นไปพร้อมกัน”
ทั้งสองปั่นกันหัวเราะสนุก แต่แล้วโค่วเฟิงก็เจ็บขาแล้วตกน้ำไป อันซินตกใจ ชาวบ้านช่วยเขาขึ้นมา แล้วนำยามาใส่ให้
อันซินถาม “ขาของเจ้าไปโดนอะไร เพราะตกเมื่อกี้หรือเปล่า”
“ท่านไม่ต้องกังวล ก่อนหน้านี้ข้าก็ตกไปในหลุม แผลที่ขาเป็นแผลเก่า ฮ่ะ เมื่อครู่ ออกแรงมากไปหน่อย”
“แผลเก่าเหรอ แล้วเจ้ายังจะปั่นอีก เจ้ารู้สึกไม่สบาย ต้องโทษข้าที่ดูไม่ออก”
“ท่านอย่าคิดมาก เป็นแขกมาเยือน ท่านยังพูดอยู่เลย ว่าหาโอกาสทำแบบนี้ได้ยากมาก อยากให้ท่านสนุก”
อันซินสวน “เจ้าจะบ้าหรือไง ข้าทำอะไรเจ้าก็ทำตาม ถ้ากระโดดหน้าผาล่ะ”
“เพียงแค่ท่านพอใจ ข้าก็จะโดดเหมือนกัน”
“เจ็บขนาดนี้ยังจะมาล้อเล่นอีก”
“ข้าไม่ได้ล้อเล่นนะ โอ๊ย”
อันซินสวน “เจ้านี่จริงๆ เลย อ่า ใต้เท้าฉา เอายาให้ข้าเถอะ”
ใต้เท้าฉาส่งยาให้แล้วขอตัวออกไป อันซินทำแผลให้ทันที โค่วเฟิงตกใจ
“ฮ่ะ องค์หญิง ท่านควรสงวนท่าที ชาวฮั่นชายหญิงไม่ควรใกล้ชิดกัน ท่านมาใส่ยาให้ข้าแบบนี้ คนอื่นเห็นเข้า ท่านจะดูไม่ดี”
“เจ้า ข้าไม่สนใจว่าคนอื่นจะพูดยังไง เจ้าอย่าขยับ ข้าจะใส่ยาให้”
โค่วเฟิงเจ็บ “ซี๊ด อ่ะ ห๊ะ” โค่วเฟิงเห็นอันซินนำผ้าสวยมาผูกให้ก็ตกใจ “องค์หญิง สายคาดสวยแบบนี้อย่าใช้เลย”
“ให้เจ้าก็คือให้เจ้า อย่าพูดมาก” โค่วเฟิงซี๊ดเจ็บ “เมื่อถึงการแข่งขันเราจะทำให้เต็มที แต่ว่า ข้าจะอ่อนข้อให้เจ้าก็ได้ เจ้าวางใจได้”
“งั้นก็ดี”
“วันนี้ต้องขอบคุณเจ้ามาก อืม เมื่อจบการแข่งขัน เจ้าเอาดอกไม้มาให้ข้าได้มั้ย ข้าอยากได้จริงๆ”
โค่วเฟิงหัวเราะ “ได้สิ แต่ว่าเจ้าอยากได้ดอกอะไร”
“ไม่มีอะไรแล้ว เจ้ากลับไปพักผ่อนเถอะ ระวังตัวด้วย”
อันซินแยกตัวกลับไป โค่วเฟิงก็เดินไปตามทาง เว่ยอิงเห็นก็เข้ามาหา
“อ่ะ อาจารย์เว่ย”
“ขาเจ้าเป็นอะไร”
“อ๋อ ไม่เป็นไร แค่แผลเก่ากำเริบ ก็เท่านั้น”
“ขึ้นรถม้าข้าเถอะ ข้าไปส่งเอง”
“ขอบคุณ อาจารย์เว่ยมาก”
“ไปเถอะ”
เว่ยอิงประคองโค่วเฟิงขึ้นรถ ทำให้เห็นผ้าพันแผล “โค่วเฟิง”
โค่วเฟิงหันมางง “หา”
“นี่มันอะไร”
“แค่ผ้าพันแผลนะ อ่ะ องค์หญิงโหลวหลานให้ข้ามา”
“นางให้เจ้าหรอ”
“นางเป็นคนทำแผลให้ข้าเอง”
“แล้วนาง ให้เจ้าเอาดอกไม้ไปให้นางรึเปล่า”
“ใช่ ทำไมเหรอ”
เว่ยอิงยิ้ม "องค์หญิงคนนั้น ต้องชอบเจ้าเข้าแล้วล่ะ”
โค่วเฟิงตกใจมาก “หา”
“ตามทำเนียมของแต่ละที่ เมื่อผู้หญิงชอบผู้ชาย จะให้ผ้าคาดเอวแก่ผู้ชาย แสดงว่านางจะแต่งงานกับเขา องค์หญิงคนนี้ กล้าหาญจริงๆ” โค่วเฟิงอึ้งหนักมาก
หลิวเซียนพาหนานเข้าเฝ้าไทเฮา
“ขอบพระทัยในความเมตตาของไทเฮา จากวันนี่ไป ต้าฮั่นและโม่หนานใต้เป็นเมืองพี่น้องกัน ข้าโม่หนานใต้ยินดีเข้าร่วมกับต้าฮั่น ตลอดไป ขับไล่โม่เป่ย ออกไปจากประเทศเรา” ไทเฮายิ้ม
ปันซูยืนอยู่กับหลิวเซียนด้านบน ขณะที่เว่ยอิงเดินมากับหนานด้านล่าง ทั้งสองส่งยิ้มให้กัน ก่อนหนานจะชวนเว่ยอิงเดินต่อไป หลิวเซียนบอกกับปันซูว่า
“กลับมาที่นี่ตั้งนาน เพิ่งจะเห็นเขายิ้มอย่างมีความสุข”
“พี่เซียน ท่านจะยอมกลับไป กับองค์ชายอย่างนี้เหรอ ที่จริงแล้ว ท่านไม่ต้องยอมทำเพื่อเราก็ได้”
“ข้าไม่ได้ทำเพื่อพวกเจ้า แต่ทำเพื่อตัวข้าเอง อาซู ข้าเคยทรยศต่อหน้าที่องค์หญิง แต่วันนี้ ข้าจะเอาความสุขของข้ากลับคืนมา แต่เจ้าวางใจได้ ในอนาคต ข้าต้องมีความสุขแน่ แต่ตอนนี้ ข้าต้องกลับไปกับองค์ชายหนานแล้ว อาจจะ ไม่ได้มาร่วมงานแต่งพวกเจ้า”
“อย่างน้อยท่านควรอยู่ร่วมงานเลี้ยงฉลองวันพรุ่งนี้ก่อน องค์หญิงอันซินก็ร้ายกาจใช่เล่น ข้ากำลังปวดหัวอยู่ จะรับมือกับนางยังไงดี การแข่งขันพรุ่งนี้ ห้ามแพ้เด็ดขาด”
“สำหรับเรื่องนี้ พอได้ยินมาบ้าง แต่ว่าอาซู เอาความคิด ใช้ความขัดแย้ง ของฝ่ายตรงข้ามทำร้ายฝ่ายตรงข้ามเป็นข้อได้เปรียบ ในเมื่อไทเฮา ทรงคิดอยากให้ โหลวหลานมาเข้าร่วมกับเราด้วยความสมัครใจ”
“ฮ่ะ ท่านได้เตือนสติข้า ขอบคุณท่านพี่มาก ฮ่ะ”
วันต่อมา เหล่าขุนนางพากันเดินเข้าวัง รวมทั้งอันซินกับอันผิง พอดีโค่วเฟิงมาดักพบ อันซินเลยบอกให้อันผิงไปก่อน
โค่วเฟิงว่า “องค์หญิง ข้ารู้ถึงความหมายของมันแล้ว คงเป็นเรื่องเข้าใจผิด”
“เข้าใจผิดอะไรกัน ข้าชอบเจ้า ทำดีกับเจ้าไม่ได้หรือไง”
“ไม่ได้ จะเป็นไปได้ยังไง พวกเรารู้จักกันแค่ไม่กี่วัน ผ้านี่ข้าซักให้แล้ว เอามาคืนท่าน”
อันซินไม่รับ “รักแรกพบนะ เจ้าไม่รู้หรือไง”
“ข้ารู้ แต่ทำอย่างนี้ไม่ได้ ยังไง ข้าก็จะคืนผ้าให้เจ้า”
“ผ้าคาดเอวขององค์หญิงโหลวหลานให้ไปแล้วไม่เอาคืน เจ้าไม่ชอบข้างั้นเหรอ”
โค่วเฟิงปฏิเสธ “ไม่ได้ ท่านเป็นองค์หญิงสูงส่ง ข้าไม่อาจเอื้อม ท่านเอาคืนไป ฮ่ะ”
โค่วเฟิงยัดใส่มืออันซินแล้วเดินหนีไปเลย
ในวังหลวง ทุกคนประจำที่ ไทเฮากับฮ่องเต้ประทับ ไทเฮาตรัส
“ยินดีต้อนรับแขกทุกท่าน เชิญทุกท่านดื่มกินกันตามสบาย ไม่ต้องเกรงใจ ทุกคนดื่มเถอะ”
อันผิงเหล่หนาน “ท่านผู้นำตอนใต้ ช่างกล้าหาญจริงๆ แอบเข้ามาร่วมกับคณะทูตของโหลวหลาน มาถึงตอนนี้ ก็เป็นแขกสำคัญของงาน ช่างไม่ธรรมดาจริงๆ”
หนานโต้ “ถ้าไม่มีความกล้า จะเป็นพันธ์มิตร กับต้าฮั่นได้อย่างไร ได้ยินมาว่า ช่วงนี้องค์ชายมีความสัมพันธ์ที่ดี กับผู้นำโม่เป่ยเหนือ องค์ชายต้องระวังไว้หน่อย”
“ใช่สิ ขอบคุณท่านที่เตือน พวกเราะมีสัมพันธ์ที่ดีต่อกันหรือไม่ ต้องดูผลการแข่งขันในวันนี้”
หลิวเซียนแทรกว่า “ถึงแม้ว่าโหลวหลานจะชนะ องค์ชายคิดว่า โหลวหลาน จะอยู่เหนือต้าฮั่น ได้อย่างงั้นเหรอ”
อันซินโต้ “เหนือกว่าหรือไม่ ต้องลองสู้กันดู ฝ่าบาท ไทเฮา ไม่ทราบว่าการแข่งขันจะเริ่มได้หรือยังเพคะ”
ไทเฮาตรัสเรียก “อาจารย์ปัน”
ปันซูทูล “ทูลไทเฮา เริ่มได้ตลอด เมื่อวันนั้น องค์หญิงได้สัญญาจะแข่งขันกับอาจารย์โค่ว วันนี้พวกเรา แข่งด้านดนตรี การต่อสู้ และคำกลอน ไม่ทราบว่ามีปัญหาอะไรหรือไม่”
อันซินออกมา “ไม่มี อย่างแรกการแข่งด้านดนตรี ข้าจะเริ่มแสดงก่อน”
อันซินเล่นเครื่องดนตรี ทุกคนปรบมือชื่นชม พวกบัณฑิตก็พากันชื่นชม แต่พออันซินหันไปทางโค่วเฟิง เขาก็รีบทำเมิน
ไทเฮาตรัส “ไพเราะจริงๆ องค์หญิงทรงพระปรีชามาก”
“ขอบพระทัยที่ทรงชม แต่ฝีมือข้าจะดีขนาดไหน ก็ยังมีคนที่ไม่ชื่นชม ไม่ทราบท่านแม่ทัพชอบหรือไม่”
ปันซูกล่าว “เชิญ อาจารย์โค่ว”
หลันจือกล่าวก่อนว่า “พิณเป็นเครื่องสร้างความสุข ข้าจะเล่น เป็นเพลงโบราณของโหลวหลาน หม่าช่างเล่อ”
หลันจือจับพิณ อันผิงสวน “นี่มัน เป็นเพลงของโหลวหลานที่สูญหายไปนานแล้ว ทำไมอาจารย์โค่วถึงดีดได้”
ปันซูกล่าวว่า “องค์หญิงเคยพูดเองว่า ของทุกอย่างของโหลวหลาน มีทั้งชื่อภาษาฮั่นและภาษาหู แต่ท่านคงจะลืมไป ว่าตัวอักษรดั้งเดิมของโหลวหลาน คือภาษาโบราณ และพอดีว่าต้าฮั่นของเรา ยังพอมีโน๊ตเพลง ที่เขียนด้วยภาษาโบราณอยู่ อาจารย์โค่ว เชิญ”
หลันจือเล่นพิณ เติ้งชื่นชมมาก มองไม่กระพริบ
อันซินออกปาก “ฮ่ะๆๆ เป็นบทเพลงที่ไพเราะจริงๆ”
ทั้งเติ้งและเว่ยอิงชื่นชมว่าเยี่ยม เหล่าขุนนางก็พากันชื่นชม
ปันซูเอ่ยบอกทุกท่าน “เนื้อหาของเพลงบทนี้ อาจารย์เหยาเป็นผู้หาเจอเมื่อคืนวาน และได้คัดลอกออกมา ในอดีตบทเพลงนี้ได้มาจากโหลวหลาน วันนี้ ได้ส่งกลับคืนสู่เจ้าของ ร้อยปีที่ผ่านมา โหลวหลานและต้าฮั่น เป็นมิตรที่ดีต่อกัน แต่ไม่รู้ว่า โม่เป่ยเหนือให้ความสำคัญ กับโหลวหลานหรือไม่ อันนี้ก็ไม่ทราบ” ปันซูมอบให้
อันซินรับ “ขอบคุณอาจารย์ปันมาก”
ปันซูต่อ “งั้น การแข่งขันต่อสู้ เชิญโหลวหลานเป็นฝ่ายเริ่มก่อน”
ที่สนามยิงธนู อันผิงทูลไทเฮากับฮ่องเต้
“ฝ่าบาท ไทเฮา นี่เป็นผู้กล้าที่เก่งที่สุดของเรา สามารถยกก้อนหินได้ที่ละสิบหกก้อน ไม่ทราบว่าต้าฮั่น ทำได้หรือไม่พะยะค่ะ”
ปันซูว่า “ยิงธนูได้เก่งแต่ก็ไม่แน่ องค์ชายเชิญทอดพระเนตร”
ปันซูยืนกางแขนมีส้มอยู่ที่หัวและมือทั้งสอง เว่ยอิงเตรียมยิง ปันหย่งตกใจลุกขึ้น
“เว่ยอิง ปันซู เจ้าจะทำอะไรกัน”
เว่ยอิงยิงทันที ถูกผลส้มทั้งสามแล้วไปที่เป้า คนอื่นไม่กล้ามอง เหยาเจียนเห็นก็หัวเราะดีใจเป็นคนแรก คนอื่นหันมาดูแล้วพากันชื่นชมมาก
“ทำดีมาก ทำดีมาก ดี เก่งมาก เก่งจริงๆ”
เว่ยอิงพาปันซูมายืนตรงหน้าฮ่องเต้และไทเฮา
“อาจารย์ปัน เป็นว่าที่ภรรยาของกระหม่อม องค์ชายทรงกล้ามายืนเป็นเป้าไหมพะยะค่ะ ให้ผู้กล้าชาวฮั่นลองยิงดูไหม ว่าจะเข้าเป้าหรือไม่”
อันผิงยอม “ไม่ต้องหรอก แม่ทัพเว่ยเก่งกาจ โหลวหลานของเรา ยอมรับแล้ว”
ปันซูกล่าวต่อ “ถ้าเป็นอย่างนั้น การแข่งขันบทกลอน ให้ต้าฮั่นเป็นฝ่ายเริ่มก่อนบ้าง”
ปันซูนำกล่องมายื่นให้อันผิงกับอันซิน
“สิ่งของล้ำค่า”
“องค์หญิงทรงเป็นคนเก่ง น่าจะรู้ความหมายดี มีความหมายว่าในทุกที มีภาษา และมีวัฒนธรรม ที่จริงแล้ว จะได้รับการเคารพจากใคร สิ่งที่สำคัญไม่ได้ดูที่ว่า เขานั้นมีกำลังมากมายหรือไม่ แต่ดูที่ สิ่งล้ำค่าต่างหาก โหลวหลานและต้าฮั่นไปมาหาสู่กันตลอด หม่อมฉัน ขอทูลถามองค์หญิง เราส่งเครื่องบรรณาการไปโหลวหลาน รูปโบราณ เครื่องมือ ผ้าไหม ผ้าแพร แต่โม่เป่ยเหนือมีแต่การรบ ต่อสู้ เคยให้อะไรกับโหลวหลานบ้าง”
ไทเฮาตรัสต่อ “องค์หญิงไม่ทรงตอบ ก็ไม่เป็นไร ที่จริงแล้วต้าฮั่น ก็ไม่ได้สนใจหรอกว่าท่านจะทำสัญญาหรือไม่ แต่เมื่อแขกมาเยี่ยมเยือน ข้าก็ขอมอบของล้ำค่านี้ให้เจ้า อาจารย์ปัน”
“เพคะ” ปันซูเปิดกล่องให้อันซินดู
อันซินตื่นเต้น “ฮ่ะ นี่มันเข็มทิศ หลงอยู่ในทะเลทรายเราสามารถหาทิศทางได้ ข้าเคยได้ยินมา ไม่คิดว่าจะมีอยู่จริง”
อันซินกับอันผิงออกมาถวายคำนับไทเฮา “ขอบพระทัยไทเฮา”
“ลุกขึ้นเถอะ หวังว่าองค์หญิงและองค์ชายกลับไปแล้ว จะไปบอกเมืองต่างๆ ว่าต้าฮั่น ยินดีจะ สานความสัมพันกับทุกเมือง สิ่งของล้ำค่า ร่วมกันแบ่งปัน ข้าไม่อยากเห็น การออกรบเลือดนองแผ่นดินอีก ร่วมมือกันขับไล่โม่เป่ยเหนือออกไป ต้าฮั่นยินดีร่วมมือสานสัมพันธ์กับทุกเมือง”
หนานว่า “ร่วมกันแบ่งปันกัน ข้าในฐานะผู้นำโม่หนานใต้ ขอบพระทัยไทเฮา ของต้าฮั่นพะยะค่ะ”
อันซินว่า “ที่ไทเฮาทรงตรัส โหลวหลานยินดีอย่างยิ่ง จากนี้ไป โหลวหลานจะช่วยต้าฮั่นขับไล่พวกโม่เป่ยเหนือออกไป ทวงความสงบสุขกลับคืนมา”
อันผิงกล่าวต่อ “ก่อนเดินทางมาที่นี่ เสด็จแม่สั่งว่า ถ้าสานสัมพันธ์กับต้าฮั่นได้ เพื่อเป็นตัวกลาง เชื่อมต้าฮั่นและโหลวหลาน”
ฮ่องเต้ตรัสว่า “ได้รับความช่วยเหลือจากโม่หนานใต้ และโหลวหลาน ภายในยี่สิบปีนี้ พวกเราจะต้องพัฒนาไปพร้อมๆ กัน”
เวลาต่อมา ขณะเดินขึ้นตำหนักใหญ่ อันซินรีบเดินมาหาโค่วเฟิง ถามว่าเมื่อครู่เธอทำได้ดีหรือเปล่า โค่วเฟิงรีบบอกให้เพื่อนๆ เดินไปก่อน เพื่อนๆ แซว
“ฮ่ะ เจ้ายังไม่ตอบข้าเลย”
โค่วเฟิงว่า “ทำได้ดีๆ”
“งั้นเอาอย่างนี้ ข้าจะอยู่ที่นี้แต่งงานกับเจ้า ให้น้องข้ากลับไปก่อน ดีรึเปล่า”
“องค์หญิง ข้ามิบังอาจ แต่งงานเป็นเรื่องใหญ่ อย่ามาล้อเล่นกัน”
“ล้อเล่นอะไรกัน เจ้าจะแต่งกับข้าหรือไม่ ดี ข้ารู้แล้ว”
เติ้งคุยกับหลันจือ อันซินก็เดินเข้ามาหา
“ท่านแม่ทัพ ข้ามีอะไรจะถามท่าน”
“ทรงพูดมาได้เลย”
“ได้ยินว่าท่านยังไม่แต่งงาน ข้าก็ยังไม่แต่งงาน เพื่อมิตรภาพระหว่างเรา งั้นท่านแต่งงานกับข้าได้หรือเปล่า”
เติ้งเหวอ “เจ้าชอบข้าตรงไหน”
อันซินกำลังจะพูด โค่วเฟิงแทรกมาก่อน “ท่านแม่ทัพ ท่านพี่ นางแค่ล้อเล่นน่ะ ไปเถอะ”
โค่วเฟิงลากอันซินไป
เติ้งรีบหันมาบอกหลันจือ “ข้า ฮ่ะ ดูเจ้าสิ ไม่ได้เกี่ยวกับข้านะ ข้าไม่รู้เรื่องเลย”
โค่วเฟิงดุเบาๆ “องค์หญิง ท่านบ้าไปแล้วหรือไง”
“ถ้าเจ้าไม่แต่งกับข้า ข้าจะไปแย่งพี่เขยเจ้า”
“ทำไมถึงไร้สาระแบบนี้”
“เจ้าชอบข้าหรือไม่ ถ้าเจ้าไม่พูด ข้าจะไปทูลไทเฮา ให้จัดการแต่งงานเรา”
“ท่านนี่จริงๆ เลย”
“งั้นก็บอกมาสิว่าชอบข้ารึเปล่า พูดมา เจ้าพูดสิ”
โค่วเฟิงพยักหน้า “อึ่”
อันซินดีใจ “คนฮั่นนี่น่าเบื่อจริงๆ ต้องให้บังคับ ถึงจะยอมพูด เดี๋ยวข้าจะเต้นให้เจ้าดู”
อันซินใช้ผ้าที่เคยให้โค่วเฟิงคล้องคอเขาแล้วลากไปด้วยกัน
ที่ท้องพระโรง อันซินแสดงการเต้นรำ สวยงามมาก จนถึงจังหวะสนุกเธอก็ไปลากโค่วเฟิงออกมาเต้นด้วย โค่วเฟิงเหวอและอายมาก ขณะที่อันซินหัวเราะชอบใจ อันผิงก็ได้แต่ส่ายหน้า เติ้งเห็นหลันจือขำก็จ้องจะบอก แต่หลันจือเมินหน้าหนีไปทางหลิวเอี้ยน
ฮั่วเหิงก็ชื่นชมโค่วเฟิง
“ดูเขาสิ เก่งจริงๆ สามวันจัดการองค์หญิงได้แล้ว ฮ่ะ”
ปันซูว่า “เกี่ยวอะไรกับเจ้า ยังจะมองหญิงอื่นอีก ระวังศิษย์พี่ข้าจะจัดการท่านนะ”
เว่ยอิงบอกต่อ “อีกอย่างข้าบอกนางแล้วว่า ท่านกลัวถูกคนจั๊กจี้มาก”
ฮั่วเหิงหันว่าเว่ยอิง “เว่ยอิง เจ้ามันเพื่อนทรยศ”
เหยาเจียนหันมาดุ “นี่ ห้ามพูดมาก นี่มันในงานเลี้ยงฉลองนะ”
ฮั่วเหิงจ่อยพลางถอนใจ
พิธีการจบ ไทเฮาตรัสเรียก “ปันซู โค่วหลานจือ เหยาเจี้ยน จงออกมา ฝ่าบาท ทรงประกาศได้”
ฮ่องเต้ประกาศ “พะยะค่ะ ข้าขอบประกาศว่า ทุกกรมวัง อาจารย์ทุกคน จงฟังตามที่จะประกาศต่อไปนี้ อาจารย์ปัน อาจารย์เหยา อาจารย์โค่ว สามคนนี้ ให้เป็นอาจารย์ใหญ่ ซึ่งทำคุณประโยชน์ ต่อบ้านเมือง ตั้งแต่วันนี้ ถือเป็นขุนนางที่สำคัญ และเพิ่มบำเหน็จให้หกร้อยชั่ง และหวังว่าจะรักษาความดีนี้ ให้อยู่ตลอดไป”
ปันซู หลันจือและเหยาเจียนเคารพและกล่าวพร้อมกัน “ขอบพระทัยฝ่าบาท”
“ลุกขึ้นเถอะ”
ไทเฮาตรัสต่อ “เหยาเจียน เจ้าเป็นคนดี ข้าได้ยินมาว่า เจ้ากับฮั่วเหิงจะแต่งงานกัน”
เหยาเจียนอึ้ง ฮั่วเหิงเดินออกมาคู่เหยาเจียน
“ข้าขอมอบดอกไม้ให้เจ้า หวังว่าเจ้าทั้งสอง จะได้ครองคู่ รักกันยืนยาวตลอดไป จนแก่เฒ่า”
ฮั่วเหิงกับเหยาเจียนกล่าว “ขอบพระทัยไทเฮา ทรงพระเจริญ หมื่นปี หมื่นหมื่นปี”
“ปันซู เจ้ากับเว่ยอิง จะให้ข้าจัดงานไปพร้อมๆ กันเลยมั๊ย”
เว่ยอิงเดินออกมายืนคู่ปันซู ต่างมองหน้ากัน ปันซูทูล
“ขอบพระทัยที่ไทเฮาทรงเป็นห่วง แต่หม่อมฉัน อยากจะให้เวลาผ่านไปซักพัก สอนบัณฑิต ในวังไปก่อน แล้วค่อยทูลขอให้พระองค์ทรงช่วยจัดงานเพคะ”
เว่ยอิงกล่าวต่อ “ใช่พะยะค่ะ เมื่อคิดดูแล้ว กระหม่อมทั้งสองมีเวลาศึกษากันยังไม่มาก”
ฮ่องเต้ว่า “ถ้าอย่างนั้น เสด็จแม่ลองพนันกับอาจารย์ปันดูสิพะยะค่ะ ครั้งหน้าการสอบคัดบัณฑิตเข้ามารับราชการในราชสำนัก ผ่านไม่ถึงสิบคน ให้พวกเขายืดการแต่งงานไปอีกหนึ่งปี”
ไทเฮาว่า “เอาอย่างนั้นเหรอ”
เหวินซีสวน “ไม่ดีมั้งเพคะ อาจารย์เว่ยและอาจารย์ปัน มาเข้มงวดกับพวกเรา เราก็แย่นะสิ”
ฮ่องเต้ตรัสว่า “ไม่ต้องกลัว ข้าเป็นฮ่องเต้ เจ้าเป็นองค์หญิง ไม่ต้องสอบคัดเลือก”
เหวินซีเห็นด้วย “อืม”
เว่ยอิงทูล “ถ้าอย่างนั้นวันพรุ่งนี้กระหม่อม คงต้องมาปรึกษาไทเฮา เรื่องกฏใหม่ในราชสำนัก ถ้าฝ่าบาทสอบไม่ผ่าน จะต้องอดอาหาร ควบคุมน้ำหนักดีไหมพะยะค่ะ”
ฮ่องเต้เหวอ “อ่า”
ทุกคนพากันหัวเราะ
หลังเสร็จ ทุกคนพากันเดินออกมา โค่วเฟิงถูกอันซินลากมาด้วยตลอด
เติ้งชี้ชวนหลันจือ “โธ่เอ้ย เจ้าดูสิ ทุกคนเข้าก็มีคู่กันหมดแล้ว ข้าว่าเราไปขอรับสั่งไทเฮาดีกว่า เจ้าว่าดีหรือเปล่าล่ะ”
“ขอรับสั่งอะไร” หลันจือย้อนถาม
“รับสั่งแต่งงานไง เจ้าดูสิ ข้าหล่อขนาดนี้ เกือบจะเป็นราชบุตรเขยโหลวหลานแล้ว ถึงตอนนั้นเจ้าจะเสียดายนะ ข้าทำเพื่อเจ้านะ เจ้ารู้หรือเปล่า”
“งั้นก็ดีสิ เป็นทั้งราชบุตรเขยทั้งแม่ทัพ ฐานะสูงส่งกว่าใครๆ งั้นข้า ขออวยพรท่านล่วงหน้า ก็แล้วกัน”
เติ้งหัวเราะ แล้วอุ้มหลันจือเลย หลันจืออาย “เจ้าทำอะไรนะ”
“เจ้าบอกข้าว่า จะได้หญิงมาครอบครอง ฮึ่ๆ”
“คนมองเต็มไปหมด”
“มองแล้วจะทำไม เจ้ากลัวมั๊ย ข้าพาเจ้าเข้าหอตอนนี้เลย”
หลันจือท้า “เจ้ากล้าเหรอ”
“คนมองดูอยู่นะ” หลันจือหัวเราะ
เว่ยอิงกันปันซูยืนคู่กัน
ปันซูว่า “ไม่คิดเลยว่า จะมีวันนี้ได้ วันที่เราจูงมือกัน มาที่นี่ด้วยกัน”
“เจ้านะ ไม่ใช่อาจารย์ที่สมบูรณ์แบบ แต่เป็นอาจารย์ที่ดีที่สุด”
“ท่านเองก็เหมือนกันนั่นแหล่ะ แต่เป็นอาจารย์ที่ข้ารัก” เว่ยอิงยิ้ม
ปันซูกับเว่ยอิงมายืนที่โรงเรียน แล้วรู้สึกแปลกใจ
เว่ยอิงว่า “วันนี้บัณฑิตหายกันไปไหนหมด”
“ใช่สิ ไปไหนกันหมด” ทันใดนั้นก็มีลูกบอลลอยมา ปันซูเตะ เป็นขนไก่สีต่างๆ กระจายปลิวว่อน จนทั้งสองไอ
ฮ่องเต้นำบัณฑิตเข้ามาหา “รู้แล้ว พวกท่านกลัวอะไร ที่แท้กลัวขนไก่นี่เอง”
เว่ยอิงจับฮ่องเต้ “ท่านนี่”
ปันซูดุ “ดีละ ข้าไม่ได้จัดการ เริ่มจะดื้อมากไปแล้วนะ หา”
ฮ่องเต้วิ่งหนี “อ้า ช่วยข้าด้วย ช่วยข้าด้วย”
คนอื่นพากันวิ่งหายไปเลย ปันซูกับเว่ยอิงมองหน้ากันหัวเราะ
อวสาน