
ยอดหญิงปันซู 37
ปันซูได้รับข่าวร้ายว่าเว่ยอิงถูกคุณชายเมืองโม่หนานจับตัวได้ขณะที่กำลังช่วยหลิวซวน ปันซูขอออกไปตามหาเว่ยอิง
ทุกวันจันทร์-ศุกร์ เวลา 05.00 น. / 23.10 น. ทางช่อง NOW26
Ban shu Legend No.37
หลันจือกลับถึงบ้าน ใต้เท้าโค่วแปลกใจ
“เจ้าแต่งงานไปแล้ว”
“ใช่ ข้าเป็นลูกไม่รักดี ที่ไม่อาจ อดทนอยู่กับตระกูลเฉินได้ จึงต้องคืนสินสอด ทองหมั้นทั้งหมด ให้กับตระกูลเฉินเหมือนเดิม”
“เฮ้อ.. เรื่องใหญ่เช่นนี้ทำไมไม่บอกข้าสักนิด เจ้าเพิ่งจะแต่งงาน ได้ไม่กี่วันก็หย่าร้าง แล้วอย่างนี้คนอื่นจะพูดเช่นไร จะให้ข้าทำอย่างไร เจ้าทำอะไร ไม่คำนึงถึงหน้าตระกูลโค่วของเราสักนิด เรื่องที่เกิดขึ้นทั้งหมด ล้วนแต่ทำให้เสียชื่อเสียง”
“ฮ่ะ ความหมายของท่านพ่อคือ เพื่อไม่ให้เสียชื่อเสียง ข้าจึงไม่มีสิทธิ์เลือกทางเดินชีวิตเอง” หลันจือเปิดแผลตามแขนให้ดู ใต้เท้าโค่วตกใจ
“ข้าแต่งงานได้แค่สิบกว่าวัน แม้แต่ข้าว พวกเขาก็ไม่ให้กิน ทำกับข้าเหมือนเป็นคนใช้ ดูถูกเหยียดหยาม เพราะว่าถูกถอนหมั้น แม้แต่ศักดิ์ศรีของข้าที่มี ก็ต้องยอมให้ถูกทำลาย ท่านเสียใจเพราะข้าทำให้เสียหน้า ถ้าหากข้าจะตาย ก็ขอตายที่บ้านนี้ ถึงยังไง ข้าก็จะไม่ยอมอยู่ในสุสาน ของตระกูลเฉินอีกเด็ดขาด ถ้าไม่มีทางเลือก ข้าก็จะฆ่าตัวตาย”
หลันจือจะวิ่งชนเสา ใต้เท้าโค่วร้องห้ามไว้
“ฮึ่ ฮือ หลันจือ ฮ่าย เจ้าเพิ่งไปจากเมืองหลวงได้ไม่นาน ทำไมถึงได้เปลี่ยนเป็นเช่นนี้”
“เพียงแค่แต่งงาน ชีวิตก็ไม่เหมือนเดิม เป็นเรื่องธรรมชาติ ท่านพ่อไม่ต้องเป็นกังวลหรอก เพราะว่า การจากมาครั้งนี้ ทั้งหมดเป็นเพราะท่านแม่ทัพเติ้ง และเป็นคำสั่งของไทเฮา แม้ว่าข้า จะถูกคนอื่นหัวเราะเยาะ แต่ข้าก็ไม่ใส่ใจ เพราะไม่เหลืออะไรแล้ว”
“แล้วที่โรงเรียนล่ะ ปันซูเองก็ประสบปัญหา แม้แต่น้องชายเจ้าก็ได้รับบาดเจ็บ ฮ่าย ไม่ใช่ว่า พ่อไม่เสียใจ แต่ตอนนี้ราชสำนักมีการเปลี่ยนแปลง พ่อไม่รู้จะทำอย่างไร”
หลันจือสวน “อาเฟิงเป็นอย่างไร แล้วก็ปันซูล่ะ”
“เฮ้อ.. ตอนที่ท่านแม่ทัพเติ้ง ไปรับเจ้ากลับมาไม่ได้บอกเหรอ ว่าฮ่องเต้ ปันซูและน้องชายเจ้า อ่า ออกไปเที่ยวป่าล่าสัตว์กัน และเกิดอุบัติเหตุ”
“ไม่หนิ พอพวกเรามาถึง จู่ๆ เขาก็รีบร้อน แล้วก็รีบกลับไป มันเป็นอย่างนี้นี่เอง”
พอดีโค่วเฟิงกลับมามีผ้าพันที่หัว หลันจือคิดว่าต้องเป็นฝีมือน้องชายที่จะแก้แค้นปันซูแน่
“ก่อนที่ข้าจะไป บอกแล้วว่าอย่าแก้แค้น ทำไมเจ้าถึงไม่ฟังคำพูดของข้า กลับไปก่อเรื่อง จนเดือดร้องอย่างนี้”
“ไม่ใช่ ข้าแค่อยากให้บทเรียน ให้นางเจ็บปวดบ้าง ก็เท่านั้น”
“ใครให้เจ้าช่วยข้า ข้ากลับมาเมืองหลวงอย่างปลอดภัยได้ ก็เพราะปันซูช่วยเหลือ เจ้าก็ดีแต่จะแก้แค้น หงหยี่”
“เจ้าค่ะ”
“ช่วยข้าพาเขาออกไปหน่อย”
หลันจือจะพาโค่วเฟิงไปหาไทเฮา โค่วเฟิงจะไม่ยอมไป ใต้เท้าโค่วก็มาขวางถามว่าจะทำอะไรกัน
“ท่านพ่อช่วยข้าด้วย นางจะให้ข้าไปยอมรับผิด”
“หลันจือ บ้าไปแล้วหรือไง จะมากล่าวหาน้องชายได้อย่างไร เขาเป็นผู้บริสุทธิ์ ไม่ได้เกี่ยวข้องกับเรื่องที่เกิดขึ้น”
“ท่านพ่อ ไม่ใช่อย่างงั้น อาเฟิงน่ะ ต้องการแก้แค้นปันซู ก็เลยก่อเรื่องขึ้น เลยทำให้ปันซูต้องได้รับโทษ ยังไม่พอ นางยังช่วยให้ข้าได้กลับมา อีกอย่าง ถ้าไม่ได้นาง ข้าจะได้กลับมาที่นี่ไหม ถ้าไม่ใช่เพราะนาง โค่วเฟิง เจ้าจะต้องไปขอโทษ และช่วยปันซูออกมา”
“หลันจืออา เจ้าไม่ได้โง่ใช่มั้ย ใต้เท้าตู้เพิ่งมาบอกข้าเรื่องที่ฮ่องเต้ ได้รับบาดเจ็บนั้น ใครมีความผิดจะต้องได้รับโทษสูงสุด ถ้าปันซูบริสุทธ์ น้องชายเจ้าตายแน่ และตระกูลของเราก็จะจบสิ้นเช่นกัน”
“เกรงว่าท่านจะสับสน ใช่ อาเฟิงขี้ขลาดตาขาวได้ ถ้าหากได้คิดดูดี ปันซูดีกับพวกเรามาก แต่เรากลับดูดาย เขาไม่ได้ทำผิดอะไร แต่กลับปล่อยให้นางเผชิญปัญหา ไทเฮาจะคิดอย่างไร เติ้งจื้อจะคิดอย่างไร ถึงเวลานั้น คนที่จะซวยคนแรก ก็คือตระกูลเรา ฮ่ะ อาเฟิง เจ้ากล้าทำก็ต้องกล้ารับ เจ้ายังอายุน้อย นับว่ายังเป็นเด็ก จะได้ลดโทษ ถึงเวลานั้น ฮ่องเต้เอง ต้องช่วยเจ้า ไม่ให้ได้รับโทษหนัก ฟังข้านะเจ้าต้องพูดเรื่องนี้ ให้ทุกคนฟัง ต้องพูดความจริง ต้องทำในสิ่งที่ถูกต้อง เพื่อปันซู และก็เพื่อตัวเจ้าเอง เข้าใจไหม
“ใช่แล้วท่านพี่ แม้ว่าจะไล่ข้าไป ก็ไม่สามารถทำอะไรได้ ใช่แล้ว ใช่แล้วท่านพี่ ฮ่องเต้เอง ก็ทรงไม่ได้ตรัสอะไร รู้ว่าปันซูช่วยเขา แต่ก็ทรงมิได้ตรัสอะไร แสดงว่า เขาต้องมีการพิจารณาแล้ว ท่านพี่ พวกเราจะต่อต้านฮ่องเต้ไม่ได้”
หลันจือสวน “อาเฟิง”
“ใช่ๆๆๆ ที่อาเฟิงพูดมีเหตุผล เรื่องนี้ไม่ใช่เรื่อง ที่พวกเราจะจัดการเองได้ เรื่องนี้เป็นปัญหาของปันซู ไม่เกี่ยวกับตระกูลโค่วเรา อาเฟิง รอเจ้าหายดีเสียก่อน ข้าจะพาเจ้า ไปขออภัย ต่อพระนางไทเฮา เจ้าจะได้พ้นโทษ พระนางไทเฮา จะต้องเห็นแก่หน้าข้าแน่”
หลันจืออึ้ง “ท่านพ่อ”
“หลันจือ อาเฟิง ก็เป็นแค่เด็กคนหนึ่งในครอบครัวเรา”
“อาเฟิง เจ้าทำให้ข้าผิดหวัง ทำไมถึงมีน้องชายอย่างเจ้า ถ้ารู้ว่าจะเป็นเช่นนี้ ข้าจะยอมฆ่าตัวตายซะยังดีกว่า”
“ท่านพี่” โค่วเฟิงร้องไห้
เหวินซีกับหลิวเอี้ยนไปที่ตำหนักของฮ่องเต้ แม่นมไม่ให้พบว่าฮ่องเต้บรรทม
หลิวเอี้ยนตบหน้าแม่นม “พวกข้าเป็นพี่น้องกับฮ่องเต้ เจ้าเป็นเพียงแค่คนใช้ จำสถานะของเจ้าให้ดี เจ้าไม่มีสิทธิ์ มาห้ามไม่ให้พวกข้าเจอฮ่องเต้”
“ใช่แล้ว นี่ผ่านไปห้าชั่วยามแล้ว ตั้งแต่ฮ่องเต้เข้าไป จนถึงตอนนี้ก็ยังไม่ฟื้นขึ้นมาซักที หรือว่ามีอะไรแอบแฝง ที่ไม่อยากให้ใครรู้ เป็นเพราะเจ้าแอบทำเรื่องไม่ดีใช่หรือไม่”
“ไม่ได้ ไม่ได้ ฮ่ะ องค์หญิง ฮ่องเต้ทรงพระประชวร อ่ะ ต้องการพักผ่อน ไม่ต้องการให้ใครรบกวน เข้าไม่ได้จริงๆ ฮ่ะ องค์หญิงท่านเข้าไปไม่ได้ องค์หญิง”
เหวินซีแทรก “หลบไป”
“องค์หญิง เข้าไปไม่ได้นะ องค์หญิง” แม่นมกันจนทำให้เหวินซีล้มลง
หลิวเอี้ยนเอาเรื่อง “บังอาจยิ่งนัก ทำร้ายองค์หญิงเหวินซี ทหาร จับนางไว้”
“ขอรับ”
“ข้าไม่ได้ทำ ข้าไม่ได้ทำ ฮ่ะ องค์หญิง ฮ่ะ องค์หญิง”
หลิวเอี้ยนสั่ง “ให้นางไปที่ห้องขังก่อน เฝ้าไว้ให้ดี ข้าจะจัดการเอง”
ทหารนำตัวแม่นมไป เหวินซีกับหลิวเอี้ยนรีบเข้าเฝ้าฮ่องเต้
ฮ่องเต้ทรงตกพระทัย “ฮ่ะ อะไรนะ ท่านอาจารย์ปันจะถูกประหาร”
“ใช่แล้ว ถามท่านอาจารย์เหยาแล้ว นี่คือโทษ ที่ทำไม่ดีกับฮ่องเต้”
“ฝ่าบาท พระองค์ต้องการเห็นปันซูตายไปต่อหน้าจริงๆ เหรอเพค่ะ ตอนที่ท่านแม่ทัพฮั่วพบพระองค์ ก็เห็นท่านอาจารย์ปันเต็มไปด้วยเลือด และไม่ได้รับการรักษา”
“นั่นมันก็ใช่ แต่แม่นมบอกว่า ถ้าข้าพูดเรื่องที่ข้ากับโค่วเฟิงร่วมมือกันวางกับดักปันซูออกไป ข้าก็อาจจะไม่ได้เป็นฮ่องเต้ต่อ”
“แม่นมพูดอะไรพระองค์ก็เชื่อ แต่พวกเราพูดพระองค์ทรงไม่เชื่อ เมื่อกี้นางอยู่หน้าห้องบอกพวกเราว่า พระองค์ยังไม่ตื่นบรรทม ทั้งยังไม่ยอมให้พวกเราเข้ามาพบ ไม่แปลกไปหน่อยหรือ”
“ใช่แล้ว นางบอกว่าท่านแม่ไม่ดีกับพระองค์ พระองค์ต้องฟังคนอื่นบ้าง จงดีกับไทเฮา ไทเฮาก็ดีกับพระองค์ วันนี้นางกอดท่านและร้องไห้ เป็นเรื่องหลอกลวง และโกหกอย่างนั้นหรือ ฝ่าบาท ข้ารู้ว่าท่านคิดอย่างไร แต่ว่าพระองค์เป็นลูก พระองค์ย่อมรู้ดี ว่านางเป็นคนเช่นไร นางต้องทำร้ายพระองค์ ทอดทิ้งพระองค์ ก็เพื่อความปลอดภัยของพระองค์ทั้งนั้นนะเพคะ”
“ใช่แล้ว สำหรับเรื่องที่เกิดขึ้น เมื่อเวลาผ่านไป ทุกคนย่อมรู้ความจริง ว่าความจริงแล้ว เกิดอะไรขึ้น กับปันซูกันแน่ พระองค์ก็ทราบดี ว่าแม่ทัพเติ้ง ชอบปันซูมากแคไหน ถ้าเกิดบ้าขึ้นมา จะเกิดเรื่องอะไรขึ้น หนังสือประวัติศาสตร์ ก็ต้องบันทึกความจริงที่เกิดขึ้นไว้ อยากให้หนึ่งพันปีข้างหน้า บันทึกเรื่องเลวร้ายที่เกิดขึ้น ดังนั้น พระองค์ต้องคิดให้ดี และแก้ปัญหาที่เกิดขึ้นให้ได้”
“ข้าเข้าใจ แต่ที่แม่นมพูดมาก็ถูก เรื่องนี้มันใหญ่มาก ข้าไม่รู้จริงว่าควรจะทำอย่างไร”
หลิวเอี้ยนว่าต่อ “เรื่องนี้ จะบอกว่าใหญ่ก็ใหญ่ เล็กก็เล็ก เพียงแค่พระองค์ บอกว่าท่านกับโค่วเฟิง แค่ล้อเล่นกับปันซู เรื่องใหญ่ก็จะกลายเป็นเรื่องเล็ก อย่างงี้ดีมั้ย”
“ถ้าเป็นเช่นนี้ก็ยังสามารถคิดได้ว่า ความจริงแล้วข้ากับโค่วเฟิง เพียงแค่ต้องการล้อเล่นเท่านั้น”
เหวินซีกล่าวต่อ “ฝ่าบาทเป็นฮ่องเต้ เพียงแค่บอกเหตุผลไป ว่าเป็นความผิดของพระองค์ พวกเขาใช้พระองค์เป็นเครื่องมือ ในการทำลายแก่ไทเฮา ในเมื่อรู้อย่างนี้แล้ว ยังมีอะไรต้องกลัวอีก”
“ถึงอย่างนั้นก็เถอะ ข้าก็ยังกังวลคนอื่นอยู่ดี”
หลิวเอี้ยนสวน “พอแล้ว ฝ่าบาท หม่อมฉันเป็นเพียงองค์หญิง ยังมีความกล้าหาญที่จะพูด วันนี้หม่อมฉันถือว่าได้พูดแล้ว ปันซูจะอยู่หรือตาย ก็ขึ้นอยู่กับพระองค์ หากท่านอยากเป็นฮ่องเต้ ที่มีความเมตตาที่แท้จริงล่ะก็ ก็ควรจะนำเรื่องนี้ ไปใคร่ครวญให้ดี ขณะที่ใคร่ครวญอยู่ หากว่า มีใครที่กำลังทรยศท่าน แล้วจะทำยังไง ฮ่ะ แต่ว่า แม่ทัพเติ้งช่วยท่านได้ ตอนที่พวกข้าไปเยี่ยมปันซู นางเชื่อในตัวพระองค์ เพราะนางเป็นคนสั่งสอนพระองค์เอง ฮ่ะ พระองค์ทรงใคร่ครวญดูให้ดี ว่าทำเช่นนี้ กับปันซูกับความสื่อสัตย์ของนางหรือ ฮึ่”
ฮ่องเต้ถอนหายใจ แล้วคืนนั้นฮ่องเต้ก็นอนคิดทั้งคืน
วันรุ่งขึ้น ปันซูถูกเปิดตัวมาที่ท้องพระโรง ไทเฮาตรัสถามใต้เท้า
“ใต้เท้า โทษของปันซูได้ข้อสรุปหรือยัง เจ้าออกมาพูด ให้ทุกคนได้ฟังซิ ว่าเป็นอย่างไร”
“กราบทูลไทเฮา จากที่ได้ตรวจสอบ และสอบปากคำ นักโทษหญิงปันซู ไม่พบว่ามีผู้ที่อยู่เบื้องหลัง เรื่องที่เกิดกับฮ่องเต้ เป็นอุบัติเหตุ ที่เกิดจากความประมาทเท่านั้นพะยะค่ะ ดังนั้นจึงควร ได้รับการยกเว้นโทษ ทั้งหมดพะยะค่ะ”
ใต้เท้าหยางทูลต่อ “มีบางอย่างไม่ถูกต้อง ไทเฮา เรื่องที่เกิดขึ้น ปันซูมีความผิด ในเรื่องทั้งหมด ปันซู แม้นางจะช่วยชีวิตฮ่องเต้ไว้ ข้าน้อยคิดว่า ควรจะได้รับโทษ ทั้งนี้ ตามกฎมณเฑียรบาล ดังนั้น เรื่องที่กล่าวมา จึงมีข้อสรุป ว่าควร ต้องได้รับโทษพะยะค่ะ”
เติ้งขัด “ที่ใต้เท้าหยางพูดมา ราวกับว่าได้เตรียมการไว้แล้ว ฮ่องเต้ได้รับบาดเจ็บเพียงเล็กน้อย นางต้องโดนประหารชีวิตเลยหรือ และยิ่งไปกว่านั้น พี่ชายของนาง ก็เสียเลือดเสียเนื้อเพื่อบ้านเมือง ถ้ากลับรู้ว่าน้องสาวต้องโดนประหาร อย่างงี้มันสมควรทำแล้วหรือ”
ใต้เท้าหลิวเถียง “น่าขัน ถ้าเป็นเพราะว่าปันหย่งทำประโยชน์ให้บ้านเมือง จึงไม่มีสิทธิ์ลงโทษน้องสาวของเขาอย่างนั้นหรือ ไม่ใช่เพราะท่านเอาเหตุผลอื่นมาอ้างหรอกหรือ ท่านแม่ทัพ ไม่ใช่ว่าท่านนั้นมีใจให้ปันซู หรือว่าเรื่องนี้ไม่เป็นความจริง”
“มีใจอะไร ใต้เท้าหลิว อยู่ต่อหน้าไทเฮา ท่านพูดมาให้ชัดเจน”
“ฮึ่ เกรงว่าถ้าข้าพูดออกมาจะมีใครบางคนทนไม่ไหวน่ะสิ”
“เจ้าพูดอะไร”
ไทเฮาแทรก “พอแล้ว ใต้เท้าหลิว ที่นี่คือพระราชสำนัก ไม่ใช่ที่ที่จะมาทะเลาะกัน จำไว้”
ใต้เท้าหลิวรีบทูล “ข้าน้อยทราบดี แต่ว่าไทเฮา ข้าน้อย ยังยืนยันให้ลงโทษปันซู แต่กระหม่อมคิดว่าเรื่องนี้ จะต้องมีผู้บงการเป็นแน่”
ไทเฮาสวน “ท่านพูดเหมือนว่า รู้ว่าใครอยู่เบื้องหลังงั้นหรือ”
“ใช่แล้ว ไทเฮา ฮั่วหวนกับหยู่หวางสมคบคิดกันโน้มน้าว ให้ไทเฮาปลดฮ่องเต้ ไม่ทราบว่าไทเฮาทราบหรือไม่ กระหม่อมว่าพระองค์ ควรจะปรึกษาเรื่องนี้กับแม่ทัพเติ้ง อยู่ก่อนแล้ว ไม่อย่างงั้นแม่ทัพเติ้งคงไม่ร้อนตัวอย่างนี้”
เติ้งโมโห “ไร้สาระ ไทเฮาเป็นพระมารดาของฮ่องเต้ จะเกิดเรื่องนี้ได้อย่างไร”
“ถ้าไม่เช่นนั้น ทำไมฮ่องเต้ ถึงได้ออกไปท่องเที่ยวจนได้รับบาดเจ็บ หากไม่มีผู้บ่งการ คงจะไม่ใช่เป็นเพราะเหตุบังเอิญเป็นแน่กระมัง”
ปันซูแทรกขึ้น “เรียนใต้เท้า อยากให้ข้าได้รับโทษ ข้าเข้าใจ แต่ได้โปรดอย่าเหมารวมไปถึงตระกูลปัน หากข้าไม่ได้สมรู้ร่วมคิดในเรื่องที่ ฮ่องเต้ได้รับบาดเจ็บ ท่านกล้าสาบานหรือไม่ ถ้าท่านไม่ได้โกหก แต่ถ้าโกหก ขอให้ท่านและลูกหลานไม่ตายดี”
ใต้เท้าหลิวไม่พอใจ “บังอาจ ถ้าหากว่า เรื่องที่ฮ่องเต้ได้รับบาดเจ็บ เจ้าไม่มีผู้บงการ อยู่เบื้องหลังแล้วล่ะก็ เจ้าจะกล้าพูดสามหาวเหรอ”
ฮ่องเต้เสด็จเข้ามา “เรื่องนี้ ไม่มีผู้อยู่เบื้องหลังทั้งนั้น”
“ถวายบังคมฝ่าบาท”
ฮ่องเต้เสด็จมาด้านหน้า “ตามสบาย”
“ขอบพระทัยฝ่าบาท”
ไทเฮาตรัสถาม “ฮ่องเต้ พระองค์ทรงประชวร ทำไมออกมาข้างนอก”
“ลูกต้องการพูดให้ท่านแม่ฟัง ว่าเรื่องทั้งหมด เป็นความผิดของลูก แต่เพียงผู้เดียว อาจารย์ปันแค่ช่วยลูกเท่านั้น วันนั้นเป็นวันที่ต้องไปเรียนกับโรงเรียนกรมวัง จึงเกิดเรื่องนี้ขึ้น เพราะว่าลูกกับโค่วเฟิงสองคน แอบไปล่าสัตว์ จึงได้เดินหลงทางเข้าไปในป่า โชคดีที่ท่านอาจารย์ไปช่วยไว้ ก็เลยเกิดเรื่องนี้ขึ้น จนกลายเป็นเรื่องใหญ่ แม้ว่าการพูดความจริง มันอาจจะสายเกินไป อย่างน้อยก็ได้พูดความจริง อย่างไรก็ตาม ขอให้ท่านแม่ ลงโทษที่ลูกคนนี้ ที่ไม่กล้าพูดความจริง ตั้งแต่วันนั้น ลูกเลยขอรับโทษคนเดียว”
ใต้เท้าหลิวว่า “ฝ่าบาท เรื่องนี้เป็นเรื่องสำคัญ เชิญฝ่าบาททบทวนใหม่พะยะค่ะ”
หลายคนว่าตาม “เชิญฝ่าบาททบทวนใหม่พะยะค่ะ”
ใต้เท้าหลิวทูลต่อ “ฝ่าบาท อย่าให้คนอื่นมาทำให้พระองค์สับสน เรื่องนี้ เป็นเรื่องที่โค่วเฟิง และปันซูสมรู้ร่วมคิดกัน”
หลันจือพาโค่วเฟิงเข้ามา “ข้าน้อยอาจารย์โค่วแห่งโรงเรียนกรมวัง พาโค่วเฟิงน้องชาย มาให้ปากคำเพค”
โค่วเฟิงก้มหน้า “ข้าน้อยโค่วเฟิง ขอพูความจริง ถึงเรื่อง ที่เกิดขึ้นด้วยพะยะค่ะ”
ฮ่องเต้ตัดบท “พอแล้ว เรื่องที่เจ้ากับข้าล้อเล่นข้าได้พูดไปแล้ว เจ้าแค่ฟังอย่างเดียวก็พอ ไม่ต้องพูดอะไรมาก”
หลันจือทูล “ไทเฮา ไม่มีเหตุผล และไม่มีทางเป็นได้ ใต้เท้าหลิวพูดว่า โค่วเฟิงกับปันซูสมรู้ร่วมคิดกันพระองค์ก็ทราบดี ว่าทุกๆ ครั้ง ที่กระหม่อมและอาจารย์ปัน มาอยู่ต่อหน้าพระองค์มักจะ ทะเลาะกันแทบทุกครั้ง ดังนั้น จึงไม่มีทางที่ทั้งสองจะร่วมมือกันได้”
ไทเฮาตรัส “ลุกขึ้นเถอะ”
ฮ่องเต้ตรัส “เสด็จแม่”
ไทเฮาตัดบทก่อน “ฮ่องเต้ วันนี้ท่านทำดีมาก แม่ภูมิใจ ฮึ่ วางใจเถอะ เมื่อกลับมาและเลือกที่จะมาสารภาพแล้ว เชื่อว่าทุกคนจะต้องเข้าใจ อย่างไรก็ตามเรื่องอาจารย์กับลูกศิษย์ ก็ไม่ใช่เรื่องใหญ่อะไร เป็นสาเหตุของการทะเลาะกัน คงมีแต่ราชสำนัก ที่ต้องการทำเรื่องเล็ก ให้เป็นเรื่องใหญ่ เรื่องทั้งหมดนี้ ก็ให้มันจบลงแค่นี้เถอะ”
“ไทเฮาทรงพระปรีชายิ่งนักพะยะค่ะ” เหล่าขุนนางพร้อมใจกันกล่าว ปันซูถอนหายใจ
ไทเฮาตรัสต่อ “เอาล่ะ ในเมื่อเรื่องนี้ก็กระจ่างแล้ว ข้าจะยกโทษให้ แต่สำหรับฝ่าบาท ถึงอย่างไรก็ต้องโดนลงโทษ พระองค์ต้องคัดลายมือ บทกตัญญูสิบจบ และต้องทำตัวให้เป็นตัวอย่างที่ดี ดังนั้น ให้บำเพ็ญประโยชน์อีกหนึ่งสัปดาห์ โค่วเฟิงช่วยชีวิตฮ่องเต้ไว้ ให้งดเว้นโทษ ส่วนอาจารย์ปันซูก็ได้ช่วยฮ่องเต้ไว้ คุณความดีนี้ ไม่ต้องรับโทษ และหลังจากนี้ ต้องตั้งใจสอน เหล่าบัณฑิตให้เป็นคนดี ใต้เท้าเว่ยถิง ให้ทำประกาศออกไป ให้ทุกคนทราบ มีใครจะคัดค้านไหม”
“ไทเฮาปรีชายิ่งนัก น้อมรับพระบัญชา”
“พวกเจ้าลุกขึ้นเถอะ”
“ขอบพระทัยไทเฮา”
“ปันซู ลำบากเจ้าแล้ว”
“ไม่ลำบากเพคะ ตอนนี้หม่อมฉันดีใจมาก”
ฮ่องเต้ตรัสกับปันซู “อาจารย์ ข้าผิดไปแล้ว ลงโทษข้าเถอะ ต่อไปนี้ ข้าจะเชื่อฟังท่านอาจารย์”
“ฝ่าบาททรงฉลาดยิ่งนัก หม่อนฉันรู้สึก เป็นเกียรติอย่างยิ่งเพคะ”
“ข้ารู้ ว่าตอนนี้ ข้ายังเด็กอยู่ จึงมีคนใช้จุดอ่อนตรงนี้ กดดัน เสด็จแม่ของข้า อย่าก่อเรื่องวุ่นวายขึ้นอีก ดังนั้น ต่อไปคงจะไม่มีเรื่องเช่นนี้เกิดขึ้นอีก และหวังว่า พวกคนชั่วเหล่านี้ จะไม่มีโอกาสในการแยกข้ากับเสด็จแม่อีก”
“น้อมรับบัญชา”
ฮ่องเต้หันไปตรัสกับไทเฮา “เสด็จแม่ แผ่นดินผืนนี้ ยังต้องฝากให้ท่านดูแล รอให้ลูกพร้อม หวังว่าตอนนั้น จะยังไม่สายเกินไป”
“ฮ่องเต้ทรงวางพระทัย แผ่นดินนี้ ข้าจะดูแลแทนจนกว่าท่านจะพร้อม”
ฮ่องเต้คิด “เพราะเรื่องที่เกิดขึ้นทั้งหมดนี้ เพราะข้า ได้สร้างความอัปยศให้กับอาจารย์ ทำให้อาจารย์เสียชื่อเสียง และถูกผู้คนประนาม ข้าจะทำให้โลกได้รู้ว่าปันซู กล้าหาญขนาดไหน”
ฮ่องเต้นำขบวนมาส่งปันซูที่จวน ปันซูลงมาและทูลฮ่องเต้
“ขอบพระทัยเพคะ”
“ท่านอาจารย์ เรื่องจบแล้ว ข้าจะไม่ขอแก้ตัว จากนี้ไปไม่ว่าท่านจะพูดอะไร ข้าก็จะเชื่อฟังท่านอาจารย์ ในทุกๆ เรื่อง”
“มันไม่ง่ายเลย ก่อนหน้านี้พูดอะไรก็ไม่เคยฟัง จนข้าหมดหวังแล้ว” ปันซูหัวเราะ
“ท่านอาจารย์”
ปันซูยิ้ม “ฮ่ะ ความจริงแล้ว ครั้งแรกที่หม่อมฉันได้สอนพระองค์ หม่อมฉันเองก็รู้สึกเป็นเกียรติเป็นอย่างยิ่ง และขอบพระทัยที่ฝ่าบาท ทรงพูดต่อหน้าศาล จากนี้ไป หม่อมฉันจะทุ่มเท ทั้งชีวิตเพื่อสอนและตอบแทนฝ่าบาท ขอบพระทัยเพคะ”
“ทุกคำที่ท่านสอน ก็เพื่อให้ข้าเป็นคนดี”
เหวินซีขัด “โธ่เอ้ยพอแล้ว เพิ่งจะได้ยินฮ่องเต้พูดจริงจังเป็นครั้งแรกนี่แหล่ะ เอาล่ะตอนนี้ ท่านอาจารย์ปันยังไม่หายดี มีอะไร ไว้ค่อยคุยกันเถอะ”
“เข้าไปข้างในกันเถอะ ไปเล่นข้างในกันดีกว่า” อาหลิงชวน
ปันซูว่า “ไปเถอะ”
“พวกเราไปกันเถอะ” อาหลิงนำไปเลย ปันซูให้ฮ่องเต้ไปเล่น
เรื่องนี้จบด้วยดี แต่แล้วปันซูก็รู้จากฮั่วเหิงว่าเว่ยอิงถูกจับตัวไป ตอนเข้าไปช่วยหลิวซวน
เติ้งคุยกับไทเฮาเรื่องแม่นม
“ข้าคิดว่าเจ้าควรจะเปลี่ยนแม่นมของฮ่องเต้ นางกล้าทำเช่นนี้ เป็นไปได้ว่า อาจจะมีส่วนเกี่ยวข้อง กับเรื่องที่เกิดขึ้น”
ไทเฮาว่า “พอแล้ว เหวินซีและหลิวเอี้ยนได้ลงโทษนางที่ทำเช่นนั้นแล้ว ปล่อยนางสักครั้งเถอะ ถึงอย่างไร นางก็เป็นแม่นมของฮ่องเต้”
“เด็กคนนี้ฉลาดหลักแหลม กว่าที่ข้าคิดไว้ ดูเหมือนว่า ปันซูจะไม่ได้สอนแล้ว”
“อย่างที่ท่านบอก ฮ่องเต้ไม่ใช่เด็กแล้ว ท่านก็เห็นสิ่งที่เขาพูด ทุกคำพูด ทรงมีพลัง และมีมารยาท ทุกอย่างที่เขาทำต่อหน้าข้า เขาคงภูมิใจ ที่สามารถแก้ปัญหาได้ ปันซูสอนนักเรียนได้ดีมาก ท่านจำได้ไหมที่เขาพูดต่อหน้าข้า บอกว่า แผ่นดินผืนใหญ่นี้ ฝากให้ข้าช่วยดูแล ฮ่ะ อีกไม่นาน ข้าก็คงต้องคืน ทุกอย่างให้เขาไป ถึงตอนนั้น ตระกูลเติ้งของเราจะต้องเตรียมพร้อม เพื่อที่จะเป็นกำลังพล ให้เขาในอนาคตต่อไป”
“ไม่หรอก เจ้าคิดมากไปแล้ว เขาคงไม่มีความคิดเท่าไหร่ เพราะเขาเป็นเด็ก ใช่แล้ว ยังมีอีกเรื่อง เจ้ากับฮั่วเหิงล่ะ”
“ฮ่ะ ไม่มีอะไรหนิ ท่านไม่ต้องกังวล”
“ข้าไม่ได้อยากจะเตือนเจ้า ข้าแค่อยากจะบอก ว่าเรื่องนี้จะเป็นผลเสียต่อเจ้าเอง รู้มั้ย”
“พอแล้ว ข้ารู้ว่าเรื่องนี้ต้องทำเช่นไร ถ้าหากไม่มีเรื่องอะไร ข้าจะไม่อนุญาต ให้ฮั่วเหิงและฮั่วหวน เข้ามาที่พระตำหนัก”
“งั้นก็ดี”
หมิงกงจ่างเข้ามาทูล “ไทเฮา ท่านแม่ทัพ นายทหารฉิน มีข่าวมารายงาน”
ทหารนำจดหมายมาให้ เติ้งรับมาอ่าน “เว่ยอิงถูกจับตัวได้ ตอนไปช่วยหลิวซวน”
ไทเฮาตกพระทัย “อะไรนะ ทำไมถึงเป็นเช่นนี้ได้ บอกว่าจะกลับไปโม่หนาน ทำไมถึงปิดบังข้า”
“อย่าเพิงพูดเลย ไม่ใช่เรื่องเล็กแล้วล่ะ ในจดหมายบอกว่า เขาพบเว่ยอิง ตอนที่เขากำลังช่วยเหลือหลิวซวน หลิวซวนเพิ่งจะเป็นพระชายา องค์ชายไม่นาน และองค์ชายกับหวางไท่เฟย ก็ไม่ชอบชาวฮั่นเท่าไหร่ จึงเป็นไปได้ว่า นางตั้งใจให้องค์ชายเห็นเว่ยอิง เกรงว่าเว่ยอิง จะตกที่นั่งลำบาก”
ปันซูเตรียมตัวที่จะไปช่วยเว่ยอิง เติ้งก็นำทหารมาให้
ปันซูกล่าว “ต้องขอบคุณท่านมาก ที่ช่วยเหลือข้ามากมายขนาดนี้ แต่ที่จริงแล้ว ไทเฮาไม่เห็นด้วยที่เว่ยอิง แอบหนีไปช่วยท่านพี่ซวน”
“อย่างไรก็ต้องช่วย จะให้ข้ามองดูเจ้า ตายไปต่อหน้าได้อย่างไร”
ปันซูเหล่ “รู้ได้ไงว่าข้าจะไปช่วยเขา”
“ยังไงเจ้าก็ไม่แต่งกับข้า เว่ยอิงมีปัญหา เจ้าไม่ไปได้อย่างไร”
“ข้า”
เติ้งว่า “สิบคนนี้...คือคนที่ข้าเลือกเอง มีพวกเขา ข้าถึงจะวางใจ”
“ท่านพี่เติ้ง”
“อย่าเรียกว่าท่านพี่ เจ้าก็รู้ว่าข้าไม่อยากเป็นแค่พี่ จากนี้เรียกชื่อข้าเถอะ ฉินหวย”
ฉินหวยเข้ามา “ขอรับ รอข้าสักครู่ ท่านแม่ทัพ”
“นางเป็นคนสำคัญของข้า ไม่ว่าจะเกิดอะไรขึ้น ช่วยนางให้ถึงที่สุด หา เจ้าตายได้ แต่นางต้องรอด”
“ขอรับ”
“ฮ่ะ ไม่มีอะไรแล้ว รีบไปช่วยเว่ยอิงเถอะ จากนั้น เมื่อกลับมาแล้ว ค่อยแต่งงานกับเขา หา ใช่แล้วอาซู ยังมีอีกเรื่องนึง จะบอกเจ้าว่า เจ้าช่วยเว่ยอิงกลับมาได้ แต่จะช่วยหลิวซวนได้หรือไม่ไม่สำคัญ เพราะตอนนี้หลิวซวน เป็นพระชายาขององค์ชายหนาน องค์ชายหนาน เป็นน้องชายของจักรพรรดิที่มีอำนาจมาก เขาไม่รู้ว่าหลิวซวนเป็นองค์หญิง ถ้าเจ้าช่วยนางกลับมาได้ อย่าบอกเรื่องนี้กับพวกเขาเด็ดขาด เพราะมันจะทำให้เกิดเรื่องใหญ่ สิ่งที่พี่ชายเจ้า ทุ่มเทมาหลายปี จะสูญเปล่า”
“ข้าเข้าใจ ไปช่วยเขาครั้งนี้ ถ้าไม่ชนะก็แพ้ ข้าจะไม่ดึงความสัมพันธ์ ของแผ่นดินใหญ่ กับโม่หนานมาเกี่ยวข้อง วางใจเถอะ”
“ฮ่ะ ข้าขอให้เจ้า ได้ชัยชนะกลับมา”
“ข้ารู้แล้ว”
“เจ้ายังไม่หายดี ถ้าเจ้ากลับมาแล้วบาดเจ็บเพิ่ม ข้าจะบอกให้ไทเฮาจับเจ้า แต่งงานกับข้า เข้าใจไหม”
ปันซูเริ่มออกเดินทาง ไปได้หน่อยก็พบหลันจือมารอส่งอยู่ จึงลงมาคุยด้วย
“ฮ่ะ เจ้า มาส่งข้าอย่างั้นหรือ”
“ใช่ วันนั้นเจ้ามาส่งข้า วันนี้ ข้าจึงมาส่งเจ้า นี่คือยาดีที่สุดของท่านปู่ นับจากนี้ไป มันอันตราย พกเอาไว้ คงจะมีประโยชน์” หลันจือมอบยาให้
“ขอบคุณมาก”
“เดินทางปลอดภัย แล้วก็ ขอบคุณที่ช่วยข้ากับน้องชาย”
“ขอบคุณอะไร มีกันอยู่สามคน ไม่ช่วยเจ้าได้อย่างไร อีกอย่าง โค่วเฟิงก็เหมือนน้องข้า ดูแลโรงเรียนด้วย ข้ากลับมาแล้ว จะไปสอนพวกเขาแน่นอน”
“ดูแลแทนอะไรกัน นั้นก็เป็นโรงเรียนของข้าเหมือนกัน” ปันซูอมยิ้ม
เหลียงหวางบังคับให้ฮั่วหวนเข้าหาไทเฮา เพื่อให้ไทเฮาปลดฮ่องเต้องค์นี้ แล้วฮั่วหวนจะได้ทุกอย่างที่ต้องการ
วันต่อมา ขณะที่ประชุมขุนนาง ฮั่วหวนก็เข้าด้วยแล้วเขาก็เป็นลมหมดสติ ไทเฮาเห็นก็ตกใจอยากเข้าไปหา แต่หมิงกงจ่างเตือนไว้ ให้หมอหลวงมาดูแล
ฮั่วหวนเข้าพักที่ห้องรับรอง ไทเฮาดูแลอย่างใกล้ชิด จนเขาฟื้น
“ฮ่ะ ไทเฮา ข้าไม่ได้ฝันไปใช่ไหม”
ไทเฮาถาม “ดีขึ้นหรือยัง”
“อึ่ อ่ะ อ่ะ ฮ่ะ แค่เห็นท่าน ข้าก็ไม่เป็นไรแล้ว”
“เจ้าแค่เป็นไข้เท่านั้น ไม่ได้ร้ายแรง ถ้าไม่เป็นไรแล้ว ข้าขอตัวก่อน”
“ท่านอย่าไปนะ ฮ่ะๆ” ฮั่วหวนกอดไทเฮาไว้
“ปล่อยข้า ข้าเป็นไทเฮา”
“ท่านไม่ใช่ไทเฮา ท่านเป็นผู้หญิงของข้า”
“ฮ่ะ ปล่อยข้า ปล่อยข้านะ ฮ่ะ ๆ เจ้ารู้มั้ย ข้าสามารถ สั่งประหารชีวิตเจ้าได้นะ”
“งั้นท่านก็ฆ่าข้าเถอะ พระองค์รู้มั้ย กระหม่อมพยายามทำทุกอย่าง ต่อยกำแพง ยืนตากฝน ชกต่อยต้นไม้ ทำทุกอย่าง เพื่อให้ลืม ลืมพระองค์ แต่ก็ลืมไม่ได้ ท่านฆ่าข้าเถอะ ฆ่าข้าซะ ข้าจะได้ ไม่ต้องรู้สึกเจ็บปวดอย่างนี้ จะได้ไม่ต้องทรมาน”
“เจ้าไม่เข้าใจ ข้าเป็นไทเฮา ถ้าเจ้าอยู่กับข้าจะมีแต่อันตราย”
“แต่ท่านมาหาข้า ใจของพระองค์มีข้า ใช่หรือไม่”
“ฮ่ะ ข้าเพียงแค่ทำในสิ่งที่ถูกต้อง”
“ใต้เท้าเฉินป่วยหนัก พระองค์ ก็ไม่ไปเยี่ยม แล้วตอนที่ องค์หญิงชุนนี่ป่วย พระองค์ ก็ไม่ไปเช่นกัน จะให้คิดอย่างไร”
“งั้นข้าคงผิดเอง”
“ผิดจริงๆ”
“ผิดแล้ว”
ฮั่วหวนเทน้ำรดตัวเอง ไทเฮาตกใจ “ฮ่ะ เจ้า บ้าไปแล้วหรือ เจ้าเป็นไข้อยู่ เจ้าอยากตายหรือไง ฮ่ะๆ”
ฮั่วหวนสวน “ถึงกระหม่อมจะเป็นจะตาย พระองค์คงไม่สนใจ ฮ่ะ พระองค์ไม่สนใจข้า ใช่หรือไม่ อาสุ้ย เจ้าเป็นแค่ผู้หญิงคนหนึ่ง ที่มีความรักเหมือนกัน เราไม่ได้ทำอะไรผิด”
ไทเฮาเตือน “เจ้ารู้หรือไม่ ฮ่ะ ตอนนี้เจ้ากำลังเล่นกับไฟ”
“ข้าไม่กลัวหรอก และจะคอย เติมเชื้อไฟ ให้ส่องสว่าง ข้ากลัวเพียงอย่างเดียว กลัวท่านจะดับไฟนี้ลง” ไทเฮาร้องไห้
จบตอนที่ 37