
ยอดหญิงปันซู 32
ฮ่องเต้ก็ถูกดัดนิสัยจากปันซู จนยอมเชื่อคำสอนของปันซู แล้ะไปขอโทษไทเฮา และไทเฮาก็ยอมให้อภัยฮ่องเต้
ทุกวันจันทร์-ศุกร์ เวลา 05.00 น. / 23.10 น. ทางช่อง NOW26
Ban shu Legend No.32
ฮั่วเหิงไปขอเข้าเฝ้าไทเฮา เพื่อที่จะขอร้องเรื่องที่จะปลดฮ่องเต้ และให้มีการแต่งตั้งฮ่องเต้องค์ใหม่
“มารับโทษพะยะค่ะ กระหม่อมเพิ่งทราบข่าวว่า พี่ชายของกระหม่อมพูดล่วงเกินพระองค์ เกี่ยวกับราชบัลลังก์ เป็นโทษมหันต์ กระหม่อมเป็นกังวล จึงขอรับโทษพะยะค่ะ”
“เจ้าทำอะไรของเจ้า รีบลุกขึ้น”
“ฮั่วหวนเป็นพี่ชายของกระหม่อม เขามีความผิด ตามกฎแล้ว กระหม่อมก็ผิดด้วย”
“บอกให้เจ้าลุกขึ้น เจ้าดูถูกข้าเกินไป ข้าปกครองบ้านเมืองมาหลายปี ข้าจะยอมให้คนอื่นมาบังคับเหรอ”
“กระหม่อมกังวลมากไป”
“ฮั่วหวนเป็นอำมาตย์ เขามีสิทธิ์ก้าวก่ายราชกิจ เจ้าอย่าคิดมาก เป็นเพราะข้าไม่พอใจฮ่องเต้เอง ไม่เกี่ยวกับเขา”
“ไทเฮา ที่นี่ปลอดคน กระหม่อมขอพูด อะไรสักหน่อยได้ไหมพะยะค่ะ”
ไทเฮาว่า “เจ้าพูดได้เลย”
“ช่วงที่ผ่านมา กระหม่อมได้รับความเมตตาจากพระองค์ ดังนั้น กระหม่อมจะขอเป็นเพื่อนกับพระองค์ ไม่ทราบว่าพระองค์ คิดเช่นไร”
“แน่นอน ข้านับเจ้าเป็นเพื่อนที่ข้าไว้ใจมาตลอด”
“ถ้าเป็นเช่นนี้ กระหม่อมขอพูดเลยแล้วกัน ฮ่ะ ฝ่าบาทไม่เชื่อฟัง คำสอนสั่ง ต่อให้พระองค์ปลดฝ่าบาทตอนนี้ไม่ได้ เพราะถ้าปลดด้วยสาเหตุนี้ นอกจากพระองค์ เป็นผู้แต่งตั้งแล้ว หากพระองค์ปลดฝ่าบาท ขุนนางจะวิจารณ์พระองค์ได้ รออีกสักสองปี ให้ฝ่าบาทโตขึ้นหน่อย ค่อยปลดก็ไม่สาย”
ไทเฮาคิดตาม “จะไม่สายเกินไปเหรอ”
“ไม่สายหรอกพะยะค่ะ อำนาจการปกครองอยู่ในมือพระองค์ จะปลดเมื่อไหร่ ก็ยังไม่สายตอนนี้ฝ่าบาทยังทรงพระเยาว์เพียง 14 พรรษา มีทั้งเว่ยอิงและปันซูคอยดูแล ช่วยแบ่งเบาภาระได้ ไม่ต้องเป็นห่วง ดูอย่างกระหม่อมสิ ตอนกระหม่อมเป็นเด็ก ก็มีแต่คนรังเกียจ ก็ค่อย ๆ ดีขึ้นเอง อย่างที่พระองค์เห็น อีกอย่าง พระองค์ฟังแล้วอาจจะรู้สึกไม่พอใจ ที่ฝ่าบาททรงเป็นเช่นนี้ เป็นความผิดฝ่าบาทฝ่ายเดียวหรือพะยะค่ะ”
“หมายความว่าไง”
“ไทเฮา กระหม่อมรู้ดี ว่าหลายปีมานี้ พระองค์วุ่นอยู่กับ การปกครองบ้านเมือง การดูแลฮ่องเต้จึงเป็นคนในวัง แต่พระองค์ต้องการ ให้ฝ่าบาทนับถือ พระองค์เหมือนเป็นแม่ พระองค์ก็ต้องคิดว่า ฝ่าบาทเอง เป็นเหมือนลูกแท้ๆ ฮึ่ แม่นมของฮ่องเต้ เห็นแก่อำนาจบารมี ไทเฮา มองข้ามจุดนี้นะพะยะค่ะ อ่ะฮ่ะ ไทเฮา แต่พระองค์ก็อย่าคิดมากคนเราเกิดมา ย่อมต้องพบเจอปัญหา ใช่ไหม พระองค์ก็มี ลูกชายที่ไม่เอาไหนคนหนึ่ง เทียบกับบ้านอื่นมี 2 คน ดีกว่าเป็นไหนๆ พระองค์เป็นถึงไทเฮา พระสิริโฉมงดงาม ปกครองด้วยความเป็นธรรม อีกทั้ง..พึ่งจะขับไล่ศัตรูได้ เป็นที่น่าอิจฉาของสวรรค์ ต่อให้ฝ่าบาททรงดื้อกว่านี้ ถือซะว่า นั่นเป็นเพราะสวรรค์ จงใจส่งมา สร้างความท้าทาย ต่อพระองค์นะพะยะค่ะ”
ไทเฮาหัวเราะ “แต่ละเรื่องที่เจ้าพูดมา เหมือนไม่มีอะไรเกิดขึ้นเลย”
ฮั่วเหิงหัวเราะ ไทเฮาหัวเราะ
ฮั่วเหิงออกมาก็บอกเล่าให้เติ้งสบายใจได้
ฮ่องเต้ก็ถูกดัดนิสัยจากปันซู จนยอมเชื่อคำสอนของปันซู และไปขอโทษไทเฮา ไทเฮายอมให้อภัยฮ่องเต้
เว่ยอิงมาที่ห้องเรียน แล้วรับรู้วิธีการเกร็งข้อสอบของปันซู ก็ไม่พอใจนัก เขาต่อว่าปันซูขณะที่อยู่กันลำพัง ปันซูเสียใจต่อว่าเว่ยอิงไม่มีเหตุผล
“ข้าไม่มีเหตุผลเหรอ ถ้าจะพูดเรื่องงาน ข้าเป็นผู้บังคับบัญชาเจ้า พูดถึงเรื่องส่วนตัว ข้าเป็นว่าที่สามี เจ้าควรจะความเคารพข้าบ้าง นี่คือตำราที่ขึ้นชื่อของอาเจ้า เอากลับไปอ่านและเรียนรู้ไว้ ว่าอะไรที่เรียกว่าสามี ผู้ชายต้องแข็งแกร่ง ผู้หญิงต้องต่ำต้อยจึงจะงาม”
“อย่าเอาท่านอามาบีบบังคับข้า เว่ยอิง ทำไมท่านถึงมั่นใจตัวเองนัก ข้าจะแต่งงานกับคนในหมู่บ้านหรือว่าเติ้งจื้อ เขาก็ไม่ได้ด้อยกว่าเจ้า ต่อให้ข้าไม่ดียังไง พวกเขาก็ไม่เคยต่อว่าข้าเหมือนท่านอย่างงี้ เรื่องในโรงเรียน เจ้าจะจัดการอย่างไรก็ตามใจ อย่างมากข้าก็กลับหมู่บ้าน ไม่ใช้แซ่ปันอีกก็เท่านั้น” ปันซูร้องไห้เดินหนีไป เว่ยอิงเรียกก็ไม่หัน
เว่ยอิงเรียกทุกคนประชุม ปันซูไม่ยอมไป ให้เหยาเจวียนไปคนเดียว เว่ยอิงจะให้กลับมาแยกเรียนชายหญิงแล้วไม่ให้เกร็งข้อสอบ แต่เหล่าบัณฑิตไม่ยอม เหยาเจวียนเองก็เข้าข้างบัณฑิต เพราะเวลาเหลือน้อยเต็มที่แล้ว อาจารย์เหลียงก็เห็นด้วย เตือนเว่ยอิงไม่ให้ใจร้อน เว่ยอิงยอมให้เหมือนเดิม
ปันซูเดินเสียใจคิดมากไปเรื่อย เติ้งเข้ามาคุยแหย่เล่นปลอบใจ ปันซูก็ดูไม่มีอารมณ์เล่นด้วยเลย
ปันซูมาเจอท่านอาหญิงก็ดีใจมาก รีบถามว่าสบายดีหรือเปล่า ท่านอาว่าตอนนี้เป็นเวลาสอนหนังสือไม่ใช่เหรอ ปันซูว่ามีเหยาเจวียนกับเว่ยอิงดูแลอยู่
“อ้อ เว่ยอิงก็อยู่หรอ อือ ข้าค่อยวางใจหน่อย เรื่องของพวกเจ้าทั้งคู่ ข้ารู้แล้วหละ พวกเจ้าเป็นยังไงบ้าง”
“ดีค่ะ”
“แล้วเรื่องโรงเรียนในวัง ดีเหมือนกันมั้ย พี่ชายเจ้า รายงานเรื่องโรงเรียนทุกเรื่องที่เจ้าดูแล ให้อาฟัง อาฟังแล้วรู้สึกดีใจจริงๆ อาเชื่อว่าอาจารย์ปริญญาเอกทั้งหลายในโรงเรียน จะต้องไม่เคยเห็นเหตุการณ์แบบนี้แน่”
“ท่านอา ท่านไม่คัดค้านที่ข้าเกร็งข้อสอบให้บัณฑิตเหรอคะ”
“ไม่มีเหตุผลที่ต้องคัดค้าน ทั้งหมดที่เจ้าทำก็เพื่อการสอบเข้ามหาลัย อายังเชื่อว่าไทเฮาคงพระทัยร้อนน่าดู ถึงกำหนด เวลาเพียงแค่เดือนเดียว ในการช่วยให้บัณฑิตเหล่านั้นสอบผ่าน ส่วน เรื่องทั้งหมดที่เจ้าก่อขึ้น อาก็รู้หมดแล้ว แต่ว่า เจ้าไม่มีความผิด อากลับคิดว่า น่าจะมีอาจารย์ปริญญาเอกหญิงแบบเจ้า มาจัดการด้วยซ้ำ”
“ท่านอา ท่าน... ท่านมองได้ทะลุปรุโปร่ง ยิ่งกว่าข้าเสียอีก”
“อาจะมองทะลุปรุโปรงได้ยังไง”
“คือว่า ความจริง วันนี้ข้ากับเว่ยอิงเพิ่งทะเลาะกัน เขาบอกว่าเรื่องที่ข้าก่อขึ้น เป็นการเร่งรีบเพื่อความสำเร็จเกินไป แล้วก็ เขาก็ให้ข้ามาอ่านไอ้นี่”
“ตำรานี่ อ๋อ เจ้าไม่ต้องอ่านมันหรอก แค่เอาไว้ชมผู้ชายเท่านั้น”
“หา แต่ว่า คนในเมืองหลวง ต่างยกย่อง ให้เป็นตำราดีเลยนะคะ”
“อย่าสักแต่อ่านอย่างเดียว ต้องรู้จักนำไปใช้ด้วย”
“เข้าใจค่ะ แต่ว่าตำราเล่มนี้ มีแต่กล่าวว่า ผู้ชายแข็งแกร่ง ผู้หญิงเป็นรอง”
“อาซู เดี๋ยวอาจะค่อยๆ อธิบายให้ฟังทีละข้อนะ”
ปันซูกับท่านอาเดินคุยกันในสวน
“ตำรานี้กล่าวไว้ว่าบนโลกนี้ ศักดิ์ของผู้หญิง มันเทียบผู้ชายไม่ได้ แต่รู้จักมองอย่างมีสติ ผู้หญิงอย่างพวกเรา จึงจะใช้ชวิตอย่างมีความสุข คนทั่วไป มองตำรา ที่อาเขียน เป็นเพียงการยกย่องผู้ชาย มีหลายคนสงสัยจุดประสงค์ของข้า”
“จุดประสงค์คืออะไร”
“ในสมัยก่อน สาเหตุที่ไทเฮาทรงสร้างโรงเรียน เป็นเพราะเหล่าองค์หญิงในวัง และผู้หญิงชั้นสูง มีนิสัยที่หยิ่งผยอง ไม่ไว้หน้าใคร แต่งงานมีครอบครัวไปแล้ว ก็ยังไม่เปลี่ยนนิสัย เมื่อก่อนองค์หญิงหยางก็เคยก่อเรื่อง เฆี่ยนตีน้องสามี ดังนั้น อาจึงเขียนตำรานี้ขึ้นมา เพื่อจะสอนให้พวกนางรู้ว่าควรจะปฏิบัติอย่างไร ลองอ่านสิ สามีภรรยารักกัน ก็จะไม่มีวันจากลา ผู้ชายต้องแข็งแกร่ง ผู้หญิงต่ำจึงจะงาม อาแค่อยากจะสอนให้พวกผู้หญิงชั้นสูง อย่าดูถูกหรือรังแกสามี และพอแต่งงาน ไปอยู่บ้านสามีแล้ว ควรจะปฏบัติตัวอย่างไร”
“ทำไมเป็นแบบนี้ แต่เนื้อหาบอกว่า เรื่องคุณธรรม ผู้ชายสูงส่ง ผู้หญิงต่ำต้อยนิคะ”
“มันน่าแปลกตรงไหนล่ะ ในโลกนี้ คนที่อยากมีลูกผู้ชายไม่ได้น้อยกว่าคนที่อยากมีลูกผู้หญิงสักหน่อย ในฐานะที่เราผู้หญิง ก็ควรจะขัดเกลานิสัยที่ไม่ดี นี่นะปันซู เจ้าอย่าเป็นเหมือนคนทั่วไปที่ดูเพียงแต่ในตำราสิ เจ้าควรที่จะตั้งใจ เสาะหาความหมายที่แท้จริง ตั้งแต่ราชวงศ์โจวมา ผู้ปกครองแคว้นก็มีแต่ผู้ชาย มาตลอด ซึ่งถ้าหากอยากมีชีวิตที่ดี จะต้องรู้จักปรับตัว เข้มแข็งเข้าไว้ อย่าอ่อนแอ ตำราเล่มนี้ เนื้อหาก็เพื่อให้พวกนางเรียนรู้ที่จะอยู่ร่วมกับสามีอย่างมีความสุข เรื่องคุณธรรมของภรรยา ไม่จำเป็น ที่ต้องมีความรู้แตกฉาน ความหมายของมันก็คือ ยกตัวอย่างเช่น อาจารย์เหยาที่เป็นหนอนหนังสือ บางทีนางก็ควร จัดการกับฮั่วเหิงอย่างจริงจังเสียบ้าง เขาถึงจะยอม ทำตามที่สั่ง”
“อ้อ แบบนี้นี่เอง ท่านอา ข้าเข้าใจแล้ว ในเนื้อหา ภรรยาไม่ควรพูดจารุนแรง ก็คือตอนที่ทะเลาะกับสามี ไม่ควรพูดจาทำร้ายจิตใจเขา เรื่องรูปลักษณ์ ไม่ควรห่วงสวยเกินไป หมายความว่า วันๆ อย่ามัวแต่แต่งหน้า ควรหาเวลาไปทำอย่างอื่นบ้าง”
“ฮึ่ เรียนรู้ได้เร็วมาก ถูกต้องทุกอย่าง อาไม่ใช่คนหัวโบราณนะ เจ้าลองดูในเนื้อหาตำรา มีประโยคไหนบ้าง พอปฏิบัติจริง เป็นการเหยียดหยามผู้หญิง มันเป็นเพียง...เขียนให้ผู้ชายรู้สึกดีก็เท่านั้น จริงๆ แล้วสามารถประยุกต์ใช้ได้ อาเป็นคนสอนไทเฮามากับมือ ตอนนี้นางปกครองแคว้นต้าฮั่นเพียงผู้เดียวได้ แล้วแบบนี้ จะว่านางอ่อนแอหรือ”
“ฮ่ะ ข้าเข้าใจแล้ว ท่านอา เนื้อหาพวกนี้ ข้าเอาไปสอนให้บัณฑิตหญิงในโรงเรียนได้ไหม”
“อ้อ พวกนางหนะหรือ เฮ่อะ นิสัยเย่อหยิ่งแบบนั้น แค่ให้หยุดรังแกคนอื่นก็พอแล้ว แต่ว่าเจ้า ในเมื่อเข้าใจแล้วว่าควรเป็นอย่างไร ควรจะคิดคำพูดดีๆ ไปขอโทษเว่ยอิงซะนะ”
“แต่ท่านอาคะ เรื่องนี้เขาไม่มีเหตุผลเองนะ”
“คนสองคนอยู่ร่วมกัน ไม่มีใครผิดใครถูกหรอก ผู้ชายต่อให้อายุเยอะเท่าไรเขาก็ยังเหมือนเด็ก เจ้าต้องอดทน และให้อภัย”
ปันซูกลับไป สาวใช้ก็รายงานว่าเว่ยอิงมารอนานแล้ว เธอรีบไปหา
“เพิ่งจะหายดี เดินไปโน่นเดินไปนี่ คงเหนื่อยแย่” ปันซูทัก
“อาซู ข้าคิดดูแล้ว เรื่องของวันนี้ ข้าผิดเอง ข้าใจร้อนเกินไป แต่พวกบัณฑิต อาจารย์เหลียง อีกทั้งอาจารย์เหยา ต่างก็เตือนข้า ข้าไม่ควรวู่วาม ไปทำลายสิ่งที่เจ้าสร้างมา”
“เอาน่า เราอยู่ที่บ้าน ไม่พูดเรื่องงานนะ ยังจำได้มั้ย ตั้งแต่เราคบกันมา ทะเลาะกัน เป็นครั้งที่เท่าไร”
เว่ยอิงว่า “ครั้งที่ 2”
“ผิด ครั้งที่ 3 ตั้งแต่เราคบกันมา เป็นเวลา 2เดือนแล้ว แต่กลับทะเลาะกันถึง 3ครั้ง เว่ยอิง ข้ารู้สึกเหนื่อยนะ”
“คือว่า... อาซู เจ้าคิดมากไปมั้ย คนอยู่ด้วยกัน จะไม่ทะเลาะกันคงไม่ใช่”
“คนอื่นจะเป็นยังไงข้าไม่สน แต่ว่า ข้าไม่ชอบทะเลาะกับใคร ข้าเป็นคนหัวรั้น ข้าว่า ท่านก็พอๆ กัน ชอบทำให้ข้าโมโห ฮ่ะ” ปันซูถอนหายใจ “เมื่อเช้าที่ข้าบอกกับเจ้าว่า ไม่ว่าข้าจะเปลี่ยนยังไง ก็สู้อาเซียนไม่ได้ ที่จริง ข้าก็ไม่ได้พูดเพราะอารมณ์หรอกนะ แต่บางทีเจ้าก็ชอบทำให้รู้สึกแบบนี้ อย่าพึ่งใจร้อน ข้าไม่ได้จะมาบอกเลิกเจ้า ข้าเพียงแค่ อยากจะบอกความรู้สึก ให้เจ้าฟัง”
“ได้ พูดมาเลย”
“วันนี้ท่านอาเตือนข้า คนเราอยู่ร่วมกัน ต้องรู้จักให้อภัย โดยเฉพาะตอนทะเลาะกัน ต้องรู้จักรักษาหน้า ดังตำราข้อควรสตรี ที่กล่าวไว้ว่า ต้องขัดเกลานิสัย รู้จักให้เกียรติ และเคารพสามี แต่ว่า ข้ารับปากไม่ได้หรอกนะ เว่ยอิง เราทั้งคู่ ไม่ใช่เทพเซียน เราไม่สามารถรับประกันได้ว่าเรื่องที่ทำ ถูกทั้งหมด ดั้งนั้นวันหลัง หากข้าทำอะไรผิด บอกข้ามาได้เลย แต่อย่าใช้อารมณ์ อย่างที่เคยทำได้มั้ย ถ้าหากว่าท่านทำไม่ได้ ข้าคงไม่อาจทนท่านได้ทุกเรื่อง ข้าอยากจะพูดกับท่าน คอยเตือนเจ้า เราสองคน มีเรื่องอะไร ก็ต้องปรึกษากัน ที่จริง ทุกครั้งที่ท่านต่อว่าข้า ข้าเสียใจมาก ตั้งแต่เล็กมา ข้าไม่ค่อยได้ร้องไห้ ตั้งแต่ข้ามาอยู่ในที่นี่ ท่านทำให้ข้าร้องไห้ มากกว่าที่ข้าอยู่ที่บ้านมาเป็นสิบปี”
“ข้าเข้าใจแล้ว เรื่องทั้งหมด ข้าไม่ดีเอง อย่าโกรธเลยนะ”
“เมื่อตอนเช้า ข้าอยากจะบอกท่านว่า ต่อให้ข้าจะชอบท่าน แต่ไม่ได้คิดไปเองฝ่ายเดียว ถ้าหากว่าเราสองคน ไม่ได้อยู่ในสถานะนี้ เจ้ายังจะต่อว่าข้าอยู่มั้ย ต่อให้เป็นโค่วหลันจือ เจ้าก็คงไว้หน้านางใช่ไหม”
“คือข้า”
“ข้าเป็นชาวฮั่น และมีเชื้อชนกลุ่มน้อย พูดมาตรงๆ คำพูดในวันนี้ ในเมื่อได้พูดหมดแล้ว จะไม่เก็บมาใส่ใจอีก เจ้ามาขอโทษข้าแล้วจะยอมสนับสนุน โครงการที่ข้าทำในโรงเรียน ข้าดีใจมาก ดังนั้น ต่อจากนี้เราก็คืนดีกัน แต่ว่าต่อจากนี้ไปข้าไม่อยากเรียนแบบพี่เซียนอีกแล้ว ข้าอยากเป็นตัวเอง ใช้วิธีการของข้าเอง อยู่กับท่าน”
เว่ยอิงตะลึง “หา”
“ทำไม ไม่ยอมหรือ”
“ฮึ่ ไม่ใช่ไม่ยอม ข้าดีใจต่างหาก”
“เรื่องคืนดีก็ส่วนคืนดี แต่ท่านต้องจำไว้นะว่า หากวันหลัง เจ้ายังต่อว่าข้าอีก จะกลับหมู่บ้านจริงๆ ด้วย”
เว่ยอิงสวน “ไม่ได้ เจ้าจะต้องอยู่กับข้า ไม่ว่าจะเรื่องอะไรข้าก็จะยอมเจ้า แต่เจ้าต้องรับปากข้าข้อหนึ่ง อย่าพูดถึงผู้ชายอื่น โดยเฉพาะเจ้าเติ้งจื้อ”
“ฮ่ะ ให้ข้าตั้งใจอ่านตำรา ก็อ่านแล้ว แม้มีประโยคนึงเขียนว่า สามีมีภรรยาใหม่ได้ แต่ภรรยามีใหม่ไม่ดี ถ้าหากเจ้าดีกับข้า ชาตินี้ ก็จะรักเจ้าคนเดียว”
“ฮึ่ แน่นอนอยู่แล้ว” ทั้งสองนั่งที่ชิงช้าอิงกันสุขใจ
จบตอนที่ 32