
เป็นคุ้งเป็นแคว อาทิตย์ที่ 11 มิ.ย. 60
เพลงอมตะรังสรรค์ กับ รางวัล “คม ชัด ลึก อวอร์ด” ครั้งที่ 14
โดย เคน สองแคว
รางวัล “คม ชัด ลึก อวอร์ด” ครั้งที่ 14 ที่แฟนเพลงและพี่น้องในวงการรอคอยจะประกาศผลผู้ชนะเลิศใน วันที่ 14 มิถุนายนนี้ ที่หอประชุมใหญ่ศูนย์วัฒนธรรมแห่งประเทศไทย
การประกาศรางวัลสาขาหนึ่งที่ได้รับความสนใจมากคือ รางวัล “เพลงอมตะรังสรรค์” ที่ตัดสินเพลงเก่าที่นำมาขับร้องเรียบเรียงใหม่อย่างสร้างสรรค์ซึ่ง ผู้ที่ตั้งชื่อรางวัลนี้ คือ วัฒน์ วรรลยางกูร นักเขียนชื่อดัง เจ้าของบทประพันธ์หนังสือที่ถูกนำมาทำเป็นภาพยนตร์เรื่องเยี่ยม “มนต์รักทรานซิสเตอร์”
ในช่วงหลายปีที่ผ่านมา บทเพลงเก่าถูกนำมาขับร้องใหม่ ค่อนข้างมีปัญหาเรื่องลิขสิทธิ์ทับซ้อนมากมาย จึงทำให้เพลงดีๆมากมายถูกละเลยไปอย่างน่าเสียดาย แต่ก็ยังมีคนที่รักในบทเพลงเหล่านั้นนำมารังสรรค์กันใหม่ และมีครบตามจำนวนผู้เข้ารอบ 5 เพลงทั้งชายและหญิง
สาขาเพลงอมตะรังสรรค์ชายยอดเยี่ยม มีเพลงที่เข้ารอบ ได้แก่ เพลง “ภัตตาคารลมโชย” ของครูสุรินทร์ ภาคศิริ ต้นฉบับโดย รุ่ง โพธาราม นำมาร้องใหม่โดย เจี๊ยบ พุฒิเศรษฐ์ หรือ เจี๊ยบ ไมค์ทองคำ ซึ่งเพิ่มเสียงโห่เข้าไปในเพลงอย่างเก๋ไก๋ ขึ้นต้นว่า “พวกเราชาวนาเหลาบาร์ไม่เคยพะวง ค่ำมาตั้งวงนั่งก้งเหล้าโรงกลั้วคอ...” เพลงต่อมาที่เข้ารอบคือ “สบตาพาฝัน” คำร้อง-ทำนองโดย รุ่งทิพย์ ธารทอง นักร้องต้นฉบับคือ แทน นครปฐม ศิษย์วงดนตรีสุรพล สมบัติเจริญ โดย ทิวา ดวงไสว นำมาขับร้องใหม่ ขึ้นต้นเพลงว่า “สบตาอุราพี่หวั่นไหว รู้ไหมว่าพี่รักเธอ...”
เพลงถัดมาคุ้นหูกันดีคือเพลง “กัมพูชาที่รัก” ของครูฉลอง ภู่สว่าง นักร้องต้นฉบับคือ ภูษิต ภู่สว่าง ฉบับล่าสุดได้ ยิ่งยง ยอดบัวงาม นำมาร้องใหม่อย่างเข้าปากเพราะเขาเป็นหนุ่มที่พูดขะแมร์ได้คล่องปร๋อ “บ่องสรันโอนแม่คุณ เหมือนมีบุญที่พี่มาเห็น...” และเพลงต่อมาที่ได้เข้าชิงก็เคยมีเนื้อเพลงเป็นฉบับเขมร นั่นคือ “ดวงจันทร์ไม่มี” ของ ระพี เรือนเพชร ที่พุ่มพวง ดวงจันทร์ ร้องไว้ ที่ขึ้นต้นว่า “เดือนโด่งหมู่ดาวสกาวสวยเด่น...” นำมาขับร้องใหม่โดย “น้องบี” ชยานันท์ พุทธา เพลงสุดท้ายที่เข้ารอบมาคือ “ความรักเจ้าขา” คำร้อง-ทำนอง โดยสมโภชน์ ล้ำพงษ์ ต้นฉบับโดย รุ่งเพชร แหลมสิงห์ นำมาร้องใหม่โดย พิพรรธน์ ชูแสง หรือ ฟอร์ม มาสเตอร์คีย์ ซึ่งเพลงนี้เคยนำมาประกอบภาพยนตร์เรื่อง “ลูกทุ่งซิกเนเจอร์” เมื่อไม่นาน แต่ฉบับภาพยนตร์เป็นเสียงของนนท์ เดอะวอยซ์ ที่ขึ้นต้นมาก็แทบใจละลายว่า “คนงามทรามวัยโถไม่เคลียคลอ...”
ส่วนฝ่ายหญิงเพลงที่เข้ารอบ มีดังนี้ "สายเปลสายใจ" ของครูจิ๋ว พิจิตร ที่ศิลปินแห่งชาติ ไวพจน์ เพชรสุพรรณ ร้องไว้ แต่มาสลับขั้ว จอมขวัญ กัลยา นำมาร้องใหม่ในอีกลีลาหนึ่งในแนวแบบแหล่ “นี่ก็ดึกแล้วคนดี ยังหนุนตักพี่ไม่ยอมหลับนอน ...” ร้องโดยไม่แปลงเนื้อเพลง เช่นเดียวกับเพลง "ให้ฉันตายก่อนที่รัก" ที่ จิตรกร บัวเนียม แต่งให้ สันติ ดวงสว่าง ร้อง ถูกนำมาร้องใหม่โดยนักร้องชื่อแปลกๆ นิดนึง พรพรรณ พรสุภา ขึ้นต้นว่า "ให้ฉันตายก่อนได้ไหม ก่อนคุณเปลี่ยนใจไปรักคนอื่น...”
เพลงต่อมาทำนองเพลงเดียวกับเพลง "ดวงจันทร์ไม่มี” นั่นคือเพลง "คิดฮอดจังเลย" คำร้องโดย แผน พันธ์สาลี นักร้องต้นฉบับคือ แจ่มจันทร์ กำไรทอง นำมาร้องใหม่โดย อรัญญา บุตรศรีภูมิ เพลงนี้ขึ้นต้นว่า “คืนหนึ่งดวงจันทร์ตระการแสงจ้า เฮาสองสัญญาต่อกันฮักมั่นบ่คลาย....”
อีกสองเพลงที่น่าสนใจคือ เป็นเพลงเก่าที่ละอองดาว โสธรบุญ ศิษย์สุรพล สมบัติเจริญ ขับร้องไว้เป็นต้นฉบับทั้งคู่ ได้แก่เพลง "สาวกัมพูชา" คำร้องทำนองโดย คม ประจันตคาม นำมาขับร้องใหม่โดย สาลี่ ขนิษฐา แสงระวี ซึ่งเป็นเพลงไพเราะที่ไม่คุ้นหูกันมากนัก ขึ้นต้นเป็นภาษาขะแมร์ว่า “โมปีนา พี่เอ่ยวาจาถามน้อง ...” อีกเพลงคือ “สาวนครชัยศรี" ที่พนมไพร ลูกเพชร แต่ง นำมาขับร้องใหม่โดยคัฑลียา มารศรี เพลงมีคำขึ้นต้นเพลงว่า “เสียงครวญเพลงบรรเลงร้องร่ำ พี่เอ่ยปากชมสามพรานว่าเป็นเมืองแคว้นแดนสุขี...” ซึ่งเป็นหนึ่งในเพลงเกี่ยวกับสามพราน นครชัยศรี ที่มีหลายบทเพลงที่ชายหญิงร้องแก้กันและไพเราะทุกเพลง
บ่ายวันที่ 14 มิถุนายนนี้ มาลุ้นกันว่าคู่ชายหญิงคู่ไหนและเพลงใดจะได้รับรางวัล “อมตะรังสรรค์” ยอดเยี่ยมไปครอง ซึ่งทั้ง 10 เพลงคะแนนสูสีกันมาก เพราะต่างเป็นบทเพลงอมตะที่ครูเพลงรุ่นเก่าบรรจงแต่งไว้อย่างไพเราะทั้งสิ้น