ตัวจริงหล่อไปอีก!‘ไมค์กี้’ลูกชาย ‘กันตา ดานาว ’อดีตนางเอกดัง | คมชัดลึก

         ก่อนหน้านี้ “บันเทิง คมชัดลึก” เคยกล่าวถึงอดีตนางเอกชื่อดัง “วิกกี้” กันตา ดานาว ไปแล้ว หลังห่างหายจากงานละครไปนาน เพราะไปใช้ชีวิตครอบครัว และมีลูกชายสุดหล่อถึง 2 คน คือ “นิกกี้” ภูรินทร์ ลูกชายคนโต กับ “ไมค์กี้” คณิณ ลูกชายคนเล็ก ก่อนจะเริ่มกลับมารับเล่นละครถี่มากขึ้น นับจากเรื่อง บ้านศิลาแดง , ดอกหญ้าในพายุ กระทั่งล่าสุดได้เจออดีตนางเอกชื่อดังในงานบวงสรวงละครเรื่อง “ชาติ ลำชี” ณ บริษัท โคลีเซี่ยม อินเตอร์ กรุ๊ป ที่สำคัญงานนี้ เธอมาพร้อมกับลูกชายคนเล็กอย่าง “ไมค์กี้” นายตำรวจหนุ่มนัยตาสวย ที่เพิ่งเริ่มรับราชการยศนายสิบ และกำลังจะสอบเป็นนายร้อย จึงได้มีโอกาสพูดคุยกับสองแม่ลูก ถึงชีวิตในช่วงที่ผ่านมา และความฮอตของลูกชายสุดหล่อ

 

ไมค์กี้ คณิณ 

 

         "คนนี้คือลูกชายคนเล็ก ไมค์กี้ อายุ 23 ปี ส่วนคนโต นิกกี้ อายุ 24 ลูกชายคนโต เพิ่งเรียนจบ กำลังจะไปสมัครงานเป็นนักบิน ช่วงที่ผ่านมาเราทำงานประจำอยู่ที่คิงเพาเวอร์ และช่วงหลังถึงกลับมารับละคร จากเมื่อประมาณ 3 ปีที่แล้วคือเรื่อง "บ้านศิลาแดง" และช่วงนี้มีเรื่อง "ดอกหญ้าในพายุ" ของช่อง 7 และเรื่อง "ชาติ ลำชี" เดี๋ยวอาทิตย์หน้าจะมีเปิดกล้องเรื่อง "ไฟหิมะ" ของ "โพลีพลัส" และ "ราชนาวีที่รัก" พอกลับมารับเล่น งานก็มาติดๆ กันเลย ตอนนี้รับละครเป็นเรื่องที่ 5 แล้ว หลังจากกลับมาเล่น

         ถามว่าพอผู้จัดติดต่อมา ตัดสินใจนานมั้ย ไม่นานเลย คือช่วงแรกผู้จัดอาจจะคิดว่าเราทำงานประจำอยู่ ไม่น่าจะมีเวลา และคิดว่าเราไม่น่าจะกลับมารับเล่นละครแล้ว เราเลยแจ้งกลับไปว่า คิดถึงนะ ยังรับเล่นอยู่ ตอนนี้จัดแจงเวลาของตัวเองได้แล้ว สำหรับงานประจำ เราเป็นหัวหน้างานแล้ว ไม่จำเป็นต้องเข้าออฟฟิศทุกวัน ตอนนี้เราทำงานเป็นผู้จัดการแผนกต้อนรับที่ “คิงเพาเวอร์” และส่วนใหญ่จะเป็นลูกค้าต่างชาติ เราจะคอยดูแลลูกค้าตรงนี้ หรือทำงานในส่วนดูแลคนที่นักแปลภาษา เอาไว้รับลูกค้าชาวต่างชาติ 

 

         บรรยากาศเก่าๆ ในการทำงานกลับมาไหม

         กลับมานะ คือจะทำให้เรานึกถึงบรรยากาศเก่าๆ แต่ตอนนี้เปลี่ยนแปลงไปเยอะ สมัยก่อนเวลาที่เรามาทำงาน เรารู้จักทุกคนในกอง แต่ตอนนี้เหมือนเราเป็นนักแสดงหน้าใหม่มา (ยิ้ม) เราจะรู้จักแค่คนที่อยู่รุ่นเดียวกับเรา เวลามีนักแสดงเด็กๆ มา ซึ่งเป็นรุ่นหลานหมดเลย (หัวเราะ) เราจะไม่รู้จัก บทที่รับตอนนี้ก็เป็นบมคุณแม่เหมือนชีวิตจริง เราชอบด้วย น่าจะสะดวกสำหรับตัวกี้เองด้วย เพราะเราทำงานประจำอยู่ และใช้เวลาถ่ายทำไม่ค่อยเยอะมาก เลยคิดว่าลงตัวแล้ว

         พอกลับมาทำงานจริงๆ มันสนุก เหมือนเรากลับมาชาร์จแบตให้ตัวเอง พอเราลองไปทำหลายๆ อย่าง ทำให้เรารู้แล้วว่า สิ่งที่เรารักจริงๆ คืองานตรงนี้ 

 

วิกกี้ - กันตา 

 

         ย้อนกลับไปช่วงที่ วิกกี้ เป็นนางเอก ชีวิตช่วงนั้นเป็นยังไง

         จะพูดยังไงดี ตอนนี้เรารู้สึกว่าเราโตแล้ว แต่ในตอนนั้นเราสนุกกับงานมากๆ อาจจะเป็นเพราะเรายังไม่ต้องมีความรับผิดชอบอะไรมากมาย เรายังเป็นเด็กอยู่บ้านกับคุณพ่อ คุณแม่ ไม่มีภาระหนี้สินอะไร มาทำงานเราก็สนุกกับเพื่อนร่วมงาน และรู้สึกว่าทุกคนอบอุ่น เหมือนเป็นครอบครัว เมื่อก่อนนักแสดงน้อย เราเลยสนิทกับทุกคนในกอง และทำงานกัน 7 วัน เพราะสมัยก่อน เล่นละครเกือบทุกเรื่อง จนแทบจะไม่มีเวลาส่วนตัวเลย

 

วิกกี้ - กันตา 

 

         ลูกๆ โตแล้ว อยากให้พูดถึงลูกชายหน่อย

         จริงๆ ลูกทั้งสองคนไปเรียนโรงเรียนตำรวจทั้งคู่เลย แต่ว่าคนพี่เรียนการบินไปด้วย และคนน้องเป็นตำรวจอยู่ ตอนนี้เขาจบปริญญาโทแล้ว จากเด็กๆ ที่ไม่ชอบเรียนหนังสือ อยู่ดีๆ เขาก็กลับมาตั้งใจเรียน จนตอนนี้เขาอยากจะเรียนไปเรื่อยๆ 

         ไมค์กี้ จบปริญญาโทด้านอะไร

         ไมค์กี้ : ผมจบโทคณะศิลปศาสตร์ มหาวิทยาลัยรัตนบัณฑิต ตอนที่ผมเรียนจบปริญญาตรีก็ไปสอบตำรวจ และตอนที่ใกล้จะสอบตำรวจเสร็จ ก็ไปลงเรียนโทเอาไว้ก่อนเลย ตอนนี้ผมยังเป็นตำรวจชั้นประทวนอยู่เลย 

         วิกกี้ : ตอนที่เขาไปสมัครสอบ ยังเป็นการไปสมัครวุฒิ ม.6 อยู่เลย ก็ต้องรอให้เปิดสอบ เพื่อสอบเป็นนายร้อย 

 

 

         ทำไมถึงอยากเป็นตำรวจ 

         ไมค์กี้ : ผมก็ไม่รู้เหมือนกัน  (หัวเราะ) แต่อาจจะเป็นเพราะผมเห็นมาตั้งแต่เด็กๆ แล้ว

         วิกกี้ : คือเขาเห็นมาตั้งแต่เด็กๆ ที่บ้านญาติๆ ทางคุณลุงก็เป็นตำรวจ เลยอาจจะได้รับการซึมซับมา 

         ไมด์กี้ : ประมาณนั้นเลย

         มีลูกชายหล่อขนาดนี้ ตัวลูกๆ อยากทำงานในวงการบันเทิงเหมือนแม่หรือเปล่า 

         วิกกี้ : คือนิสัยคนพี่กับคนน้องไม่เหมือนกัน อย่างคนน้องจะมีลักษณะของน้อง จะยิ้มแย้มแจ่มใส มีมมุษยสัมพันธ์มากกว่า จะชอบคุยและขี้เล่น แต่คนพี่จะนิ่งๆ ขรึมๆ แต่ถ้าถามว่าเขาอยากไหม คือตอนช่วงที่กี้หายไปจากวงการ เป็นช่วงที่เขากำลังโต ตัวเขาเลยไม่ได้สัมผัสกับตรงนี้ กี้เคยเอาเขาไปลองเล่นละคร คือไมค์กี้นี่แหละ แต่กลายเป็นว่าตอนที่คุยเล่นกันแบบนี้คุยได้ แต่พอเจอกล้องด้วยความที่ไม่เคยชิน เขาจะเขิน คือถ้าเขาได้มาอยู่กองถ่ายตั้งแต่เด็ก เขาอาจจะชิน แต่พอเขามาทำตอนโต เลยกลายเป็นว่าเขาเขิน

 

 

         ตอนที่ ไมค์กี้ ลองเล่นละครคือเรื่องอะไร

         ไมค์กี้ : เรื่อง “เพื่อนซ่าเทวดาจิ๋ว” เป็นละครตอนเย็น ที่คุณแม่เล่นด้วย ตอนนั้นผมอยู่ ม.4 เอง อายุประมาณ 15-16 พอได้ไปลองเล่นคืออายเลย มันเกร็งขึ้นมาเฉยๆ พูดไม่ถูกเลย พอนับ 5-4-3-2 ปุ๊บ ผมยืนแข็งเลย (หัวเราะ) ด้วยความที่ตอนนั้นผมอาจจะยังเด็ก เลยขี้อายด้วย ถามว่ามีปรึกษาคุณแม่เรื่องการแสดงหรือเปล่า มีนะ ในวันนั้นเลย พอถ่ายเสร็จก็คุยกับคุณแม่ 

         วิกกี้ : ตอนที่ซ้อมเขาทำได้เลยนะ พูดคล่องเลย แต่พอ 5-4-3-2 เท่านั้นแหละ เขาเขินเลย คือเขาไม่ได้อยู่กับตรงนี้มาก่อน เราก็คิดว่า ถ้าเขามีโอกาสได้อยู่ตรงนี้มาก่อน ได้มาสัมผัสบ้าง คงไม่น่าจะลำบากหรอก แต่บังเอิญว่า พอเขาไปสอบด้านตำรวจได้แล้ว เลยไปทางราการเลย  

         ใจจริงไมค์กี้อยากทำงานด้านการแสดง เหมือนคุณแม่ไหม 

         ไมค์กี้ : ถ้ามีโอกาสได้ลองดู ผมก็อยากลองนะ (ยิ้ม) 

         มีผู้จัดมาทาบทามตัวลูกๆ ไหม

         วิกกี้ : ยังไม่มี เพราะก่อนหน้านี้คนอาจจะคิดว่า กี้อาจจะไม่สะดวกเพราะเราทำงานประจำ ทุกคนคิดว่ากี้ทำงานประจำ คงไม่น่าจะสนใจกลับมาเล่นละครแล้ว มีช่วงหลังๆ นี่แหละที่เราเริ่มกลับมารับละคร แต่ก่อนหน้านี้ตัวลูกชายต้องไปเรียนที่ จ.โคราช เหมือนจังหวะไม่ค่อยดีเท่าไหร่ เพิ่งมามีตอนนี้ที่เขาเริ่มสะดวกแล้ว เพราะเขาเรียนจบหมดทุกอย่างแล้ว 

 

นิกกี้ ภูรินทร์ - วิกกี้  กันตา

 

         ส่วน นิกกี้ ลูกชายคนโต จะเป็นนักบิน

         วิกกี้ : ใช่ ตอนนี้เขากำลังสมัครงานที่สายการบินอยู่ เขาอยากเป็นนักบิน น่าจะไปทางนั้น ส่วนไมค์กี้ก็แล้วแต่จังหวะและโอกาสของเขา คือตัวแฟนกี้กับตัวกี้ก็คิดว่า การที่น้องสอบได้ราชการ จริงๆ มันยากมากนะ แล้วก่อนหน้านี้คือตัวเขาเอง อาจจะยังไม่รู้ตัวว่าอยากจะทำอะไร เราเลยปูทางให้เขาทำราชการไปก่อน ส่วนงานในวงการตรงนี้ ถ้าเขาได้ลองทำ แล้วเขาชอบ ก็อยู่ต่อไป แต่ถ้าไม่ชอบแค่เลิกไปเท่านั้นเอง เพราะมีหลายคนที่อยากเข้ามาลองทำนะ 

         ส่วนงานราชการเขาสอบได้แล้ว อย่างน้อยเขามีอาชีพ เขามีเงินเดือน และถ้าถึงจุดหนึ่ง เขาจะค้นพบตัวเองว่า เขาชอบด้านไหนกันแน่ ซึ่งเราแล้วแต่เขาเลย เรามีโอกาสได้คุยกับเขาแล้ว และให้เขาไปลองสอบโน่น สอบนี่ดู การที่เขาได้ทำงานมันก็ดีกว่า เพราะตอนนี้่งานหายากมาก บางคนเรียนจบยังหางานทำไม่ได้ จนไปเรียนต่อปริญญาโท แต่พอเรียนจบโทมา กลับกลายเป็นว่าไม่รับวุฒิปริญญาโท มันลำบากเหมือนกัน เราเลยมีความรู้สึกว่า การเป็นข้าราชการในระยะยาว มันน่าจะดีกว่า

         ตั้งแต่เด็กๆ ไมค์กี้ เห็นคุณแม่ทำงาน รู้ใช่มั้ยว่าคุณแม่เคยเป็นนางเอก

         ไมค์กี้ : รู้นะ ผมเคยได้ดูวีดีโอตอนเด็กๆ พอได้ดูแล้ว เราก็รู้สึกว่า แม่เด็กกว่าตอนนี้เยอะเลย (หัวเราะ)

         ได้เห็นข่าวบ้างไหม ที่เขียนว่าคุณแม่ มีลูกชายหล่อ

         ไมค์กี้ : เห็นนะ เลยทำให้มีคนแอดเฟซบุ๊กผมเข้ามาเต็มเลย มีคนเข้ามาขอถ่ายรูป ตอนที่เขาเข้ามาขอถ่ายรูป เขาจะบอกว่าเห็นข่าวพอดีเลย แล้วหันจอโทรศัพท์ให้ดู (ยิ้ม) เขาก็จำได้ 

         ความภูมิใจที่มีต่อแม่

         ไมค์กี้ : จะพูดยังไงดี รู้สึกภูมิใจนะ ผมมีคุณแม่สวย (หัวเราะ) เรียกว่าเวลา ไปไหน มาไหน ถ้าคนรู้ว่าเราเป็นลูกคุณแม่ เขาก็รู้จักเราหมดแล้ว

         หล่อ น่ารัก เหมือนลูกไม้หล่นใต้ต้นแม่จริงๆ จ้า