
‘ไทด์’ ฝากถึง ‘เมีย’ ไม่หย่าก็ได้แต่ไม่เหมือนเดิม!
“ไทด์” เอกพันธ์ ชี้ไม่ได้เกลียดกันกับภรรยา สถานะคือเพื่อน ช่วยกันเลี้ยงลูก ชี้หาก “ยุ้ย” คนึงนิตย์ ไม่ยอมหย่า ก็ไม่เป็นไร แต่ไม่เหมือนเดิม
หลังจากมีเรื่องคาราคาซังกันมานานระหว่าง “ไทด์” เอกพันธ์ บรรลือฤทธิ์ กับ “ยุ้ย” คนึงนิตย์ ศิริพงษ์ปรีดา ภรรยา ซึ่งก่อนหน้านี้มีเรื่องราวที่นักแสดงหนุ่มใหญ่ขอหย่ากับภรรยา เพราะปัญหาที่สะสมมานาน ล่าสุดไม่รู้ว่าได้รับการหย่าเรียบร้อยหรือยัง เจอตัวในงานบวงสรวงละครเรื่อง "ชาติ ลำชี" ณ บริษัท โคลีเซี่ยม อินเตอร์กรุ๊ป จำกัด ได้รับคำตอบดังนี้
“ครอบครัวสุขสบายดี ตอนนี้ต่างฝ่ายต่างดูแลลูก จะถามเรื่องหย่าเลยไหม(หัวเราะ) คือ ช่วงนี้หลังจากที่มีเรื่องมีราวกันมา คือเขายังไม่หย่าให้ ส่วนจะด้วยเหตุผลอะไรผมก็บอกไปแล้วว่า ถ้าผมขอร้อง ขอหย่าแล้วเขาไม่หย่าให้ก็ไม่เป็นไร แต่ต่างคนก็ต่างอยู่ไป เป็นเพื่อนกัน ช่วยกันดูแลลูก ส่วนผมตอนนี้ก็โสดไม่มีใคร ส่วนเขาจะมีใคร หรือ ไปเจอใคร และมาบอกผมว่าจะหย่า ผมก็จะรีบหย่าให้ทันที เพราะตอนนี้เราก็แยกบ้านกันอยู่เกือบ 2 ปีแล้ว แต่ที่ปีกว่านั้นคือ นอนบ้านเดียวกันแต่คนละห้อง”
ถามว่าแบ่งกันดูแลลูกยังไง วันศุกร์ เสาร์ อาทิตย์ จันทร์ อยู่กับผม อังคาร ถึงศุกร์เย็นอยู่กับเขา เราก็แฮปปี้กันดี และผมก็ยังเป็นคนดูแลทุกสิ่งทุกอย่างเหมือนเดิม (มีโอกาสจะไม่หย่าเลยไหม) อยู่ที่เขา ตัวผมยังไงก็ได้ เขาไม่หย่าก็ไม่เป็นไร แต่คงไม่มีโอกาสกลับไปอยู่ด้วยกันเหมือนเดิมแล้ว เป็นเพื่อนกันดีกว่า แต่สามารถช่วยเหลือซึ่งกันและกันได้ ดูแล เห็นใจกัน แต่คงไม่กลับมาเป็นสถานะเดิม"
การที่ภรรยายังไม่จดทะเบียนหย่า เป็นอุปสรรคกับการเริ่มต้นมีครอบครัวใหม่ไหม “มันก็เป็นอุปสรรค คือ สมมุติถ้าผมจะไปรักใครสักคนหนึ่ง คนใหม่ที่จะเข้ามาในชีวิต แน่นอนว่าเขาคงต้องการให้ผมเป็นอิสระ คือถ้าเขาไม่หย่าให้ผมก็คงไม่มีคนอื่น จะเป็นกิ๊กอะไร อันนั้นได้(หัวเราะ) แต่ถ้าอยู่แบบสามีภรรยาไม่ได้”
จะมีโอกาสเกิดการฟ้องหย่าไหม “ก็คิดอยู่เหมือนกัน ถ้านานไปแล้วเราเจอใครสักคนที่เราชอบ และอยากขอแต่งงาน แต่ถ้าเรายังไม่มีใบหย่าเราคงต้องปรึกษาทนาย แต่เห็นว่าถ้าถึง 3 ปีแล้ว ไม่ได้อยู่ด้วยกัน ก็สามารถจะฟ้องหย่ากันได้ ส่วนเหตุผลที่เขาไม่ยอมหย่า เขามีข้อเสนอ ซึ่งผมทำตามไม่ได้เกี่ยวกับเรื่องทรัพย์สิน คือ เขาเรียกร้องมาผมก็ไม่มีให้เขาอยู่แล้ว เขาไม่หย่าก็ไม่เป็นไร ผมอยู่แบบนี้ก็ได้สบาย”
ตอนนี้เรารับผิดชอบค่าใช้จ่ายทั้งหมดใช่ไหม “ใช่ ส่วนตัวเขาเอง ผมหยุดให้ค่าใช้จ่ายตั้งแต่ ม.ค. 60 ที่เรามีเรื่องหย่ากัน แต่ตอนนี้ผมเริ่มกลับมาให้เขา เพราะเขาต้องดูแลลูก แต่ไม่ได้ให้เท่าเดิม สมมุติว่าเมื่อก่อนให้เดือนละ 50,000 ก็ลดเหลือ 30,000 ตั้งแต่เดือน พ.ค. เพราะลูกมาบอกว่าแม่ต้องใช้เงินไปโน่นนี่ ซื้อของบ้าง เงินตรงนี้ไม่เกี่ยวกับที่ให้ลูก ก็คงต้องให้ต่อไปยาวๆ จนกว่าเขาจะหย่าให้”
กระแสที่โจมตีก่อนหน้านี้เป็นไงบ้าง “ผมไม่รู้สึกอะไรเลย ไม่ว่าคนจะด่าว่าผมเป็นผู้ชายเลว เพราะเขาไม่รู้ความจริงว่าอะไรเกิดขึ้นกับครอบครัวผม ไม่รู้หรอกว่าอะไรเกิดกับชีวิตผมบ้าง เขาอ่านแต่ข้อความของผู้หญิงที่ให้ข่าวว่าผมมีคนใหม่ ทิ้งเขา สังคมก็ประณามผม แต่ผมคิดว่าวันหนึ่งที่เหตุการณ์คลี่คลาย ผมมีโอกาสพูดบ้างว่า ทำไมผมขอเขาหย่าทุกคนคงได้เข้าใจ ส่วนทางครอบครัวที่เคยออกมาโจมตีผม พอได้ทราบความจริงทุกอย่างก็ดีขึ้น ตอนนี้ผมใช้ชีวิตปกติ ใครที่ด่าที่ว่าผมให้อภัย อโหสิกรรม ส่วนลูกตอนแรกผมสงสารเขา ทั้งเพื่อนๆ และครูต่างก็ถามถึงลูกหมดเลย เวลาครูให้เขียนสถานะครอบครัว เขาก็ยังติดๆ ขัดๆ ว่าจะเขียนยังไง ผมไม่รู้จะอธิบายกับลูกยังไง บางทีเขาก็ถามว่า พ่อจะมีโอกาสคืนดีกับคุณแม่ไหม ผมก็อธิบายให้ฟังว่า เราไม่ได้เกลียดกัน แต่เราขอเป็นเพื่อนกัน ยังสามารถไปไหนมาไหนด้วยกันได้ ลูกๆ ก็เริ่มโอเคขึ้น” ไทด์กล่าวสรุป