
สู่โลกกว้างหลังพ้นชายคา7สี กับ“เชียร์”ฑิฆัมพร
พูดคุย "เชียร์” ฑิฆัมพร ฤทธิ์ธาอภินันท์ ในวันที่ไร้สังกัด
กำลังสนุกสนานและเข้มข้นอย่างมาก สำหรับละครเรื่อง เดอะคิวปิดส์ บริษัทรักอุตลุด ตอน ซ่อนรักกามเทพ สำหรับการแสดงครั้งใหม่ ในฐานะของการเป็นนักแสดงอิสระของ “เชียร์” ฑิฆัมพร ฤทธิ์ธาอภินันท์ ที่เปิดตัวได้อย่างสวยงาม “สกู๊ปวันเสาร์” มีโอกาสได้พูดคุยกัับสาวคนนี้อีกครั้ง เพื่อเจาะลึกเรื่องราวชีวิตและการทำงานในวันที่่ไร้สังกัด
@@อัพเดทผลงานล่าสุด
@ พูดถึงเดอะคิวปิดส์ บริษัทรักอุตลุด ตอนซ่อนรักกามเทพ
เป็นอีกตอนที่เรื่องราวความสนุกสนาน จะเกิดขึ้นตลอดทั้งเรื่องเลยนะ สำหรับตอนนี้กำแพงในเรื่องของความรักเป็นเรื่องที่ใหญ่มาก ในเรื่องเราจะออกตัวเลยว่า ตั้งแต่ที่บอส (“เคน” ธีรเดช) มอบภารกิจให้คุณต้องหาแฟนให้ได้แล้วคุณจะได้เงิน 1 ล้านบาท เราเป็นคนที่คิดเลยว่าเป็นไปไม่ได้แน่นอน มันเป็นเรื่องที่ยากมาก ด้วยความที่ตัวละครที่ชื่อ “ออย” หรือ นันทิสา ที่เชียร์รับแสดง ในบทจะเป็นเด็กผู้หญิงที่ถูกเลี้ยงดูด้วยยายกับแม่ ซึ่งทั้งคู่ผิดหวังจากความรัก ดังนั้นการที่เราจะมีความรักจึงเป็นเรื่องมหาโหดมาก เพราะยายกับแม่ตั้งกำแพงอย่างหนัก เนื่องจากเขามีบทเรียนที่เจ็บปวดมาจากผู้ชาย สิ่งที่เราถูกปลูกฝังมาตลอดคือผู้ชายมันอันตราย ถูกฝังหัว เราก็จะมองว่า ผู้ชายคือโซนอันตรายไว้ก่อนเลย เราถึงกล้าพูดว่า เป็นไปไม่ได้แน่นอน
@@ ถามถึงคาแรกเตอร์มีความใกล้เคียงกับตัวตนของเรามากน้อยขนาดไหน
อาจจะเหมือนตรงตัวละครตัวนี้ทำทุกอย่างๆ เต็มที่ ทำให้ที่บ้านแล้วสบาย และไม่ขัดใจที่บ้าน
@@ กับ “เต้ย” พงศกร เมตตาริกานนท์ ล่ะ การร่วมงานกันเป็นอย่างไรบ้าง
สนุกดีนะ (ยิ้ม) คือมันเป็นเหมือนความแปลกใหม่ ที่เชียร์มองว่าเป็นความแปลกใหม่ที่สนุก กับเต้ยเอง เขาเป็นคนที่มีความตั้งใจ และตัวเขาเองไม่เคยเล่นคอมเมดี้มาก่อน และเรื่องนี้เป็นคอมเมดี้ครั้งแรกของเขา หนักไปกว่านั้น เราสองคนมาเจอกันครั้งแรก ซึ่งจังหวะในการเล่นที่เข้าขากัน มันเป็นเรื่องที่เซอร์ไพรส์มากสำหรับเชียร์เลยนะ และเรื่องนี้เป็นเรื่องที่เซอร์ไพรส์ได้ดีมากๆ สำหรับการทำงานของเชียร์เลยนะ ในเรืื่องตัวละครที่เชียร์แสดง คือมองเต้ยว่าเป็นคนโรคจิต เนื่องจากว่าเขามีกิจกรรมยามว่างในการวาดภาพนู้ด พอเราได้ผ่านอะไรมาด้วยกัน เรืื่องนี้มีเหตุการณ์หลักๆ มาก ต้องฝ่าฟันต้องแก้ไขปัญหา เพื่อให้ผ่านไปด้วยกัน จนทำให้เราเห็นด้านดีของผู้ชายคนนี้ ทำให้เรารู้สึกว่า เรามีความรักกับผู้ชายคนนี้ที่ทลายกำแพงทุกอย่างลงหมดเลย
@@ มีซีนซึ้งๆ ที่เชียร์รู้สึกประทับใจบ้างไหม
สำหรับเชียร์ เชียร์ชอบอยู่ 2 ซีนใหญ่ๆ นะ ซีนแรกคือซีนที่เรารักกันแล้ว มีความน่ารักกุ๊กกิ๊ก รักหวานอย่างซึ้ง เชียร์รู้สึกว่ามันคือความรักจริงๆ คือตอนที่เชียร์เล่นเชียร์มีความสุขมาก ในการเป็นตัวละครในซีนนั้นเลย เนื่องจากว่าตัวละครตัวนี้ไม่เคยมีความรักมาก่อน พอมีความรัก ก็ทำให้ทุกสิ่งทุกอย่างดูสวยงามขึ้นมา ซีนนั้นทำให้เรารู้สึกมีความรู้สึกที่ดีนะ อีกซีนหนึ่งเหมือนว่าทุกอย่างไม่มีอะไร รักกัน ทุกอย่างดีหมด กำแพงทุกอย่างมันทลายออกมาหมดแล้ว ดัันเป็นว่าต้องเจอกำแพงที่ใหญ่กว่าอีก ที่เราลืิมไปก็คือเรื่องของแม่เรา แม่เราประกาศเด็ดขาดเลยว่า ถ้าจะรักกับผู้ชายคนนี้ ก็ตัดขาดกันเลย แล้วเป็นฉากที่พระเอกตัดสินใจไปจากเรา โอ้ย...ยซีนนั้นเป็นซีนที่เชียร์ชอบมากเลยนะ คือตลอดทั้งเรื่องเราเล่นเป็นคอมเมดี้ตลอด ทุกอย่างใช้พละกำลังล้นเหลือเลยนะ แต่ซีนนั้นเป็นซีนที่ใช้อารมณ์ใหญ่มาก แล้วเชียร์ประทับใจในตัวเต้ยมากเ เขายิ่งเล่นยิ่งส่งอารมณ์ทั้งซีนเป็นซีนที่ถ่ายทอดอารมณ์ไว้แน่นมาก นอกจากนี้ซีนนั้น ยังมีตัวของแม่ก็คือพี่เจี๊ยบ (ปวีณา ชารีฟสกุล) เข้าฉากด้วย เป็นซีนของพวกเรา 3 คนเลย เชียร์รู้สึกว่าเป็นซีนที่ปลดปล่อย และไม่คิดเลยว่าเรื่องนี้จะมีความดราม่าพุ่งไปถึงขนาดนี้
@@ ถามถึงการร่วมงานกับ “ปุ๊ก” พันธุ์ธัมม์ ทองสังข์ ผู้กำกับเป็นอย่างไร
ต้องบอกว่าพี่ปุ๊กเป็นคนที่ละเอียดมาก ด้วยความที่เขาอาจจะมาจากการกำกับหนังด้วย มีการขยี้อารมณ์ บางทีเรามีซีนที่สนุก เป็นคอมเมดี้ แต่ว่าพี่ปุ๊กก็จะคอยเติมอารมณ์เข้าไปนะ เขาจะเป็นคนที่ค่อนข้างละเอียดมากในทุกซีนๆ เขาจะใส่ใจหมด
@@ ความคาดหวังกับการแสดงในเรื่อง “เดอะคิวปิดส์ บริษัทรักอุตลุด ตอน ซ่อนรักกามเทพ” อย่างไรบ้าง
กับเชียร์ เชียร์รู้สึกว่าตัวเองไม่ได้คาดหวังอะไรนะ เพราะว่าเราเชื่อว่าทุกคนที่ได้ชมเรื่องนี้ จะมีความสุข ที่จริงในแต่ละตอนมีเสน่ห์เป็นของตัวเอง ในมุมมองความรักที่แตกต่าง แต่ละครที่มาเล่นมีความลงตัวมาก แล้วเนื้อเรื่องก็คืออยู่บนพื้นฐานของความรักที่น่ารัก มีความรู้สึกดี แฮปปี้ ตอนที่เราเล่นเรื่องของเราเอง หรือเราจะไปเล่นในเรื่องของคนอื่น เรามีความสุขอย่างบอกไม่ถูก เมื่อทุกอย่างน่ารัก ดี แล้วทำให้รู้สึกว่าไม่กดดัน เชียร์เชื่อว่าทุกคนต้องฟีลกู๊ดมากๆ หากได้ชม แบบเหมือนว่าจะอยู่ในใจของคนดูได้อย่างไม่น่าเชื่อ ถึงแม้ว่าเรื่องแต่ละเรื่องจะออกอากาศเพียงแค่แป๊บเดียวก็จริง แต่ว่าทุกเรื่องเป็นความรู้สึกที่เราสัมผัสได้จริงๆ มันเป็นสิ่งที่เกิดขึ้นและสร้างความสุข
@ อัพเดทชีวิตความเป็นนักแสดงอิสระ
@@ ทิ้งช่วงนานไหมจากการหมดสัญญาช่อง 7 แล้วมาแสดงละครที่ช่อง 3
จริงๆ ไม่นานเลยนะ เมื่อเราได้ก้าวมาเป็นอิสระ พี่หน่อง (อรุโณชา ภาณุพันธุ์) ชวนมาเล่น เป็นช่วงที่พอดีจริงๆ สำหรับเรื่องสุดท้ายที่เชียร์เล่นให้ช่อง 7 ก็เรื่อง “ปลาหลงฟ้า” ประมาณ 2 ปีที่แล้ว เป็นจังหวะที่ดีมากจริงๆ เมื่อเราหมดสัญญาปุ๊บ เราได้คุยกับพี่หน่องปั๊บเลย
@@ ช่วงที่ออกมาเป็นอิสระถูกกระแสดราม่ามากมายเลย ตอนนั้นรู้สึกอย่างไรบ้าง
ตอนนั้นใจเชียร์เป็นปกติมากเลยนะ เนื่องจากเรามีทิศทางที่ีชัดเจน แล้วเราเองก็เติบโตพอ จนเรารู้สึกว่าการที่เราตัดสินใจทำอะไร เรามีเป้าหมายของเราเอง ฉะนั้นแล้วเชียร์ไม่เคยลืมเลยว่าตัวเองเกิดจากที่ไหน เราเกิดมาจากอะไร แต่เมื่อวันหนึ่งที่เรามีเป้าหมายเราจะต้องเดินไปอย่างไร ก็เลยไม่รู้สึกว่าการที่มีคนมองหรือวิพากษ์วิจารณ์ ไม่ว่าจะด้านดีหรือไม่ดี คือเชียร์ไม่รู้สึกจริงๆ กับเรื่องเหล่านั้นจริงๆ นะ มองว่าทุกคนมีสิทธิ์จะคิด แม้กระทั่งเราเองก็มีสิทธิ์ และการที่เขาจะคิดหรือตัดสินเรา ก็เป็นสิทธิิ์ของเขา ทีี่เราบอกเฉยๆ ไม่ใช่ว่าเราไม่สนใจนะ แต่เรารู้สึกว่าเราเข้าใจ
@@ ย้อนถามกลับไปในวันที่ไม่ต่อสัญญาบ้านหลังเดิม เชียร์คิดและทบทวนนานไหม
ไม่นานเลยนะ เหมือนมาถึงจุดจุดหนึ่งเราก็จะรู้สึกได้เอง ถ้าถามถึงจุดเปลี่ยนที่ตัดสินใจ มีหลายๆ อย่างประกอบกันนะ ไม่ใช่แค่ว่าเป็นทิศทางการแสดงอย่างเดียว แต่ว่าเรามีเรื่องของธุรกิจด้วย เรารู้สึกว่าการแบ่งเวลาต้องมีมากขึ้น หริือแม้กระทั่งเวลาของการเป็นนักแสดงก็ถูกจำกัดไว้เช่นกัน เราคงไม่สามารถที่จะเป็นนักแสดงได้ตลอด เรารู้สึกว่าระยะเวลาที่เราวางไว้คร่าวๆ ในใจอีกสัก 3-5 ปี เราจะทำอะไรให้มันสนุกที่สุด มีความแบบว่าฟินที่สุดในชีวิตการแสดง มีโลกกว้างที่เราต้องออกไปเรียนรู้อีกมากมาย เราก็ตัดสินใจเดินออกมาเพื่อเจอสิ่งเหล่านั้น ตลอดเวลาที่เชียร์อยู่ช่อง 7 เชียร์รักที่นี่ ความจริงเชียร์มีความทรงจำเกี่ยวกับช่องเยอะมากเลยนะ เราได้ทุกสิ่งทุกอย่างมาจากช่อง 7 ที่ผ่านมาเชียร์อยู่บนพื้นฐานของความตั้งใจ เหมือนว่าเราไม่ได้รู้สึกเสียดายหรือรู้สึกผิดอะไร กับช่อง 7 เรามีความผูกพัน มีความเป็นครอบครัวกับทุกๆ คนเลยนะ เชียร์ว่าสิิ่งเหล่านี้ยังคงอยู่ ทุกอย่างเราไม่เคยลืม ทุกสิ่งทุกอย่างหล่อหลอมให้เป็นเราในวันนี้
@@ กับการเป็นนักแสดงอิสระ ชีวิิตเปลี่ยนไปจากเดิมมากน้อยขนาดไหน
เป็นอย่างที่เราคิดเลยนะ เราอยากสนุก เราก็ได้สนุก อย่างง่ายๆ ในการทำงานเรื่องนี้ ทุกคนเป็นทีมงานที่เราไม่เคยเจอมาก่อน มีความตื่นตาตื่นใจมีความแปลกใหม่ เหมือนกับว่าเราได้เจอคนใหม่ๆ มีอะไรบางอย่างที่เราต้องเรียนรู้ใหม่ กับเต้ยเองเราก็ไม่เคยร่วมงานกัน เต้ยเล่นแบบนี้ เต้ยทำแบบนี้ มีอะไรใหม่ๆ เกิดขึ้น เชียร์มองว่านี่เป็นช่วงเวลาที่เชียร์ต้องเก็บเกี่ยวในความรู้สึกที่เรายังอยากทำอาชีพนักแสดงอยู่
@@ แปลว่ามีเป้าหมายที่ไม่ได้คิดว่าจะทำอาชีพนักแสดงตลอดไป
ใช่นะ เชียร์มีเป้าหมายในเรื่องของการทำธุรกิจ แต่ถ้าถามว่าเมื่อไหร่จะออกไปทำจริงๆ คือยังเป็นเรื่องคร่าวๆ อยู่เลย เราอยู่ในวงการมาตั้งแต่ตัวเองอายุ 15 ปี แต่จะบอกว่าขอกัดฟันหันหลังให้วงการมันก็พูดไม่ได้เต็มปาก เพราะว่าวงการนี้เรารักมาก แต่ถ้าจะอยู่ในตำแหน่งในวงการจากนี้ ก็น่าจะอีกสัก 5 ปีโดยประมาณ แล้วอาจจะเฟดไปในเรื่องของธุรกิจด้วย การเป็นนักแสดงไม่ใช่แค่ว่าเราอยู่ในวงการแล้วเราจบนะ แต่เราต้องเวิร์กช็อป และทุ่มเททุกอย่างเพื่อการเรียนรู้ ใช้เวลาที่นอกเหนือกับการอยู่ในกองละครอีกนะ แล้วเชียร์รู้สึกว่าเวลาผ่านไปเร็วมาก เราจะตั้งตัวทำอะไรสักอย่างที่เป็นอีกด้าน ต้องใช้เวลาอย่างมากด้วย ถ้าเราไม่รีบแบ่งเวลา หรือเซตเวลาตรงนี้ เอาง่ายๆ นะ ขนาดเชียร์ทำงานในวงการแป๊บเดียวก็ผ่านไป 10 ปีแล้ว เชียร์ถึงบอกว่าเร็วมาก รวมไปถึงในเรื่องของครอบครัวด้วยนะ 7 วันอยู่แต่กองถ่าย เชียร์ไม่มีเวลาอยู่กับครอบครัวเลย เพราะยิ่งเวลาผ่านไป พ่อแม่เราก็แก่ขึ้นเช่นกัน ทุกอย่างมันเร็วและต้องจัดสรร
@@ เมื่อก้าวมาเป็นนักแสดงอิสระแล้ว มองในเรื่องของความต่อเนื่องของงานมากน้อยขนาดไหน
ไม่เลยนะ นอกเหนือจากความเป็นเรา ความตั้งใจ นอกเหนือจากที่เราสร้างทุกอย่างมาแล้ว เหนืิอสิ่งอื่นใด เชียร์มองในเรื่องของโอกาส และพรหมลิขิตด้วยนะ เราจะไปลงตัวที่ไหน แล้วเชียร์เชื่อในความตั้งใจดีของตัวเอง แต่ผลจะออกมาอย่างไร เป็นการตัดสินจากอีกฝั่งหนึ่งด้วย เรารู้สึกว่าจากตัวเรา เราทำทุกอย่างเต็มที่แล้ว เพราะฉะนั้นเชียร์ไม่ได้กังวลในเรื่องพวกนี้ เชียร์มองว่ามันจะมีทางของมันเอง ทุกวันนี้เชียร์อยากเรียนรู้ในความหลากหลายของตัวแสดง มากกว่าที่จะต้องเป็นข่าวเปรี้ยง ข่าวปัง หรือข่าวหน้า 1 นะ เชียร์ไม่ได้หวังความดังจากชื่อเสียง เชียร์มองเป็นเรื่องของศิลปะแล้วล่ะ
@ ขออัพเดทเรื่องความรักหน่อย
@@ ความรักของเชียร์เป็นอย่างไร
ความรักตอนนี้ไม่มีเลย ต้องบอกว่าเชียร์ให้ความสำคัญกับความรักอย่างมากเลย การที่เราจะเลือกให้ใจใครสักคน มันมีคุณค่ามาก เพราะฉะนั้นบางคนก็จะยอมแพ้ไปก่อน บางคนเรารู้สึกไม่พอดีกัน เราก็จะไม่คุยกับเขาเพื่อฆ่าเวลา คิือเรามองว่าความรักเป็นเรื่องของพรหมลิขิตกับเราจริงๆ นะ
---------------
เธอคือคนนี้ชื่อ...ฑิฆัมพร ฤทธิ์ธาอภินันท์
ชื่อเล่น เชียร์
เกิิดเมื่อวันที่ วันพุธที่ 12 สิงหาคม 2530
จบการศึกษา ระดับประถมศึกษา ที่โรงเรียนวัดประยุรวงศาวาส (ส.ว.ย.) ระดับมัธยมศึกษา ที่โรงเรียนศึกษานารี ระดับปริญญาตรีที่คณะสังคมสงเคราะห์ศาสตร์ มหาวิทยาลัยธรรมศาสตร์
ผลงานสร้างชื่อ รับตำแหน่งชนะเลิศ จากเวทีประกวดมิสทีนไทยแลนด์ ปี 2002 (พ.ศ. 2545)
ผลงานการแสดง เบญจา คีตา ความรัก, รักได้ไหม...ถ้าหัวใจไม่เพี้ยน, อุ่นไอรัก, คมแฝก, วิมานมะพร้าว ฯลฯ
ผลงานปัจจุบัน เดอะคิวปิดส์ บริษัทรักอุตลุด ตอนซ่อนรักกามเทพ
ผลงานต่อไปจากนี้ 7 วันจองเวร ภาค 2 ภาค 3 และสูตรรักเสน่ห์ร้าย
เรื่อง ภัทรวรรณ สุนทรธนานุกูล
ภาพ วริศรา วุฒิกุล