
"ครูชินกร ไกรลาศ"
ชื่อและเส้นทางกว่าจะได้เป็น 'ครูชินกร ไกรลาศ'
ในที่สุดวันแห่งวาระสุดท้ายของชีวิตศิลปินแห่งชาติ สาขาศิลปะการแสดง ปี 2542 ชินกร ไกรลาศ ก็มาถึง ราว 10.40 น. ของวันที่ 18 พฤษภาคม 2560 ณ ห้องอยู่วิทยา ตึกอัษฎางค์ ชั้น 6 โรงพยาบาลศิริราช ทีมข่าวบันเทิง “คม ชัด ลึก” ขอแสดงความเสียใจพร้อมรวบรวมข้อมูลเกร็ดชีวิตของ ชินกร ไกรลาศ มาให้ได้อ่านกัน
“ชิน ฝ้ายเทศ” คือ ชื่อ-นามสกุลจริง เกิด วันที่ 1 เมษายน 2489 ที่ต.ไกรนอก อ.กงไกรลาศ จ.สุโขทัย เป็นน้องคนสุดท้องในบรรดาพี่น้อง 8 คนของพ่อชื่อ ฉาย แม่ชื่อ แตงไทย ซึ่งมีฐานะยากจน เมื่อจบป.4 ได้บวชเป็นสามเณรอยู่ที่วัดปรักรัก 1 พรรษา จนสอบได้นักธรรมชั้นตรี
ด้วยพรสวรรค์ด้านการร้องเพลงที่ติดตัวมาแต่เกิด ชินกรได้ตระเวนไปกับกองเชียร์รำวง “คณะสีไพร” ได้เงินคืนละ 15-20 บาท กระทั่งวงดนตรีของ “พยงค์ มุกดา” มาเปิดแสดงที่ “วิกเจริญผล” ในพิษณุโลก ชินกรพร้อมเพื่อนรัก ชื่อ “ประคอง สินจันทร์” ที่นั่งดูวงครูพยงค์อยู่จึงพากันไปสมัครเป็นนักร้อง แต่โชควาสนายังมาไม่ถึง ครูพยงค์รับประคองไว้เพียงคนเดียวและพาเข้ามากรุงเทพฯ ตั้งชื่อให้ประคองเสียใหม่ว่า “ทิว สุโขทัย”
“ ทิว” ได้บันทึกเสียงมีเพลงดังหลายเพลง เช่น เพื่อนใจนักเพลง, ง้อเพาะรัก, คิดถึงพี่ไหม, ดาวเหนือ, ดาวตลุง ฯลฯ พอมีชื่อเสียงทิวก็ไม่ละความพยายามที่จะช่วยเพื่อนให้ได้เป็นนักร้องเหมือนกับตัวเอง จึงพูดกับครูพยงค์ให้รับชินกรเข้ามาเป็นนักร้องในวง จนครูพยงค์รับชินกรเข้ามาเป็นนักร้องประจำวง เมื่อวันที่ 15 พฤษภาคม 2506 ชินกรทำหน้าที่ทุกอย่างในวง ปี 2507 ชินกรก็ได้บันทึกแผ่นเสียงเพลงแรก “ลูกทุ่งรำลึก” เป็นเพลงแนวสากลปนลิเก ซึ่งเขียนโดย สมคิด อัศวราช โดยครูพยงค์ มุกดา และครูประดิษฐ์ อุตตะมัง ได้ตั้งชื่อให้ว่า “ชินกร ไกรลาศ” ต่อมาก็ได้บันทึกเสียงเพลง “ทุ่งร้างนางลืม” แต่งโดย ชัยชนะ บุญนะโชติ และฉลอง การะเกด
ปี 2509 พี่ชายคนโตของชินกร “โฉม” นำเงินส่วนตัวสมทบกับเงินของชินกร ไปซื้อเพลง “น้ำตาใจ” จากครูประดิษฐ์ อุตตะมัง มาร้องบันทึกเสียง 1 ในนั้นมีเพลง “อาบน้ำตา” โดยให้ “ผ่องศรี วรนุช” ร้องแก้ ชื่อของ “ชินกร ไกรลาศ” จึงเริ่มเป็นที่รู้จักและได้บันทึกเพลงของครูประดิษฐ์อีก 2 เพลง คือ “เพชฌฆาตใจ” และให้ผ่องศรี วรนุช ร้องแก้ในเพลง "ใจเพชฌฆาต“ ปรากฏว่าเพลง "เพชฌฆาตใจ" ดังมาก มีเพลงออกมาสม่ำเสมอ เช่น คนใจน้อย, สั่งน้อง, สั่งรักสุโขทัย รวมถึงเพลงของ “สรบุศย์ สมพันธ์” หรือ “ดอย อินทนนท์” ที่เข้ามาเป็นนักแต่งเพลงหน้าใหม่ประจำวงดนตรีของครูพยงค์ เช่น พอทีนครสวรรค์, หนุ่มอีสาน, กระท่อมสาวเมิน, เสน่ห์สาวชล
ชินกร ไกรลาศ โด่งดังสุดๆ ในปี 2511 กับเพลง “ยอยศพระลอ” ซึ่งเป็นการแต่งร่วมกันระหว่างครูพยงค์ มุกดา และไถง สุวรรณทัต เป็นเพลงประกอบภาพยนตร์เรื่อง “พระลอ” ที่จริงแล้วเพลงนี้ ครูพยงค์ตั้งใจจะให้ ทิว สุโขทัย เป็นผู้ร้อง แต่ไถง สุวรรณทัต ในฐานะเจ้าของภาพยนตร์ บอกว่าต้องการให้ ชินกร ไกรลาศ ร้องเพราะถือเป็นทางของชินกร ครูพยงค์จึงยอม ส่วนเพลงอื่นๆ ที่ครูพยงค์ มุกดา แต่งให้ชินกร ไกรลาศ ร้อง มี ลูกทุ่งเสี่ยงเทียน, วอนสวาท, น้ำตาคนจน, ชีวิตนาวี, บ้านในฝัน
ชินกรอยู่กับวงครูพยงค์ มุกดา ได้ 5 ปีก็ลาออกไปอยู่วงดนตรีของ “บรรจบ เจริญพร” หลังจากเพลง “ยอยศพระลอ” ดัง ต่อมาได้ร้องเพลงของครูไพบูลย์ บุตรขัน อีกหลายเพลง เช่น “เพชรร่วงในสลัม” เพลง “บ้านไร่น่ารัก” ฯลฯ
นอกเหนือจากเพลงลูกทุ่งแล้ว ชินกร ไกรลาศ ได้ก้าวเข้ามาเป็นนักแสดงและร้องเพลงประกอบภาพยนตร์หลายเรื่อง เช่น “พระลอ" ของ ไถง สุวรรณทัต นำแสดงโดย มิตร-เพชรา ปี 2511 “ชาติลำชี” ของ รังสี ทัศนพยัคฆ์ นำแสดงโดยมิตร-เพชรา ปี 2512 “กิ่งแก้ว” ของ ชาลี อินทรวิจิตร นำแสดงโดย มิตร-สุทิศา พัฒนุช ปี 2513 “ไอ้ทุย” ของ ดอกดิน กัญญามาลย์ นำแสดงโดย สมบัติ-เพชรา ปี 2514
ก่อนจะมาตั้งวงดนตรีลูกทุ่งมาตรฐานเป็นของตัวเอง แฟนเพลงต่างให้การต้อนรับทุกสถานที่ที่ไปทำการแสดง เกียรติยศอันสูงยิ่งที่เจ้าตัวปลื้มใจตลอดชีวิตการเป็นนักร้อง คือ การชนะเลิศการประชันวงดนตรีลูกทุ่ง ในงาน “วชิราวุธานุสรณ์” ที่วังสราญรมย์ เมื่อปี 2513
ประมาณปี 2514 ละออ สิทธิประภา ได้ติดต่อ ชินกร ไปทำขวัญนาคบุตรชาย ชื่อ ร.ต.สุกิจ สิทธิประภา ที่จ.พิษณุโลก และแสดงดนตรีฉลองตอนกลางคืนด้วย และ ณ ที่นั้นเอง ชินกรได้พบรักกับบุตรสาวของเจ้าของงาน ชื่อ “สุชาดา (แดง) สิทธิประภา” จนนำไปสู่การหมั้นหมายเมื่อวันที่ 9 มกราคม 2516 โดย ครูพยงค์ มุกดา เป็นผู้ใหญ่ฝ่ายเจ้าบ่าว และเยียน โพธิสุวรรณ เป็นผู้ใหญ่ฝ่ายเจ้าสาว จากนั้นทั้ง 2 ก็ได้เข้าสู่ประตูวิวาห์อย่างสมเกียรติ เมื่อวันที่ 15 มีนาคม 2516 ท่ามกลางผู้หลักผู้ใหญ่และเพื่อนฝูงในวงการเพลงคับคั่ง ทั้งสองครองรักกันมาจนวาระสุดท้ายของชีวิต มีบุตร-ธิดาด้วยกัน 3 คน (ชาย 1 หญิง 2) คือ ขจร ฝ้ายเทศ สุมาลี ฝ้ายเทศ และ รุ่งรัศมี ฝ้ายเทศ
นอกจากความสามารถในด้านการร้องเพลงลูกทุ่งแล้ว ชินกร ยังมีความสามารถร้องเพลงพื้นบ้านได้หลายแนว ทั้งเพลงฉ่อย เพลงเรือ เพลงอีแซว ลำตัด และทำขวัญนาคได้ด้วย จากความสามารถของเขา ทำให้ได้รับรางวัลมากมายและเหลือไว้เพียงเสียงเพลงและคุณงามความดีที่มีให้แฟนเพลงและวงการลูกทุ่งตลอดมา
ล้อมกรอบ
รางวัลเกียรติยศที่เคยได้รับ
-ชนะเลิศการประกวดดนตรีลูกทุ่งในงานวชิราวุธานุสรณ์ เมื่อปี 2513
-ได้รับรางวัลแผ่นเสียงพระราชทานจากการขับร้องในเพลง ยอยศพระลอ เมื่อปี 2514
-ได้รับโล่รางวัลนักร้องลูกทุ่งดีเด่น งานกึ่งศตวรรษเพลงลูกทุ่งไทย ครั้งที่ 1 ปี 2532 จำนวน 2 รางวัล จากเพลง “บ้านไร่น่ารัก” และ “เพชรร่วงในสลัม” ผลงานของ ครูไพบูลย์ บุตรขัน
-ได้รับโล่รางวัลนักร้องลูกทุ่งดีเด่น งานกึ่งศตวรรษเพลงลูกทุ่งไทย ครั้งที่ 2 ปี 2534 จากเพลง “ยอยศพระลอ” ผลงาน พยงค์ มุกดา-ไถง สุวรรณทัต
-ได้รับรางวัลพระราชทานนักร้องเพลงไทยผู้ออกเสียงภาษาไทยถูกต้อง จาก ม.มหิดล
-ได้รับการยกย่องเชิดชูเกียรติเป็นผู้มีผลงานดีเด่นทางด้านวัฒนธรรมฯ ปี 2537
-ได้เป็นศิลปินแห่งชาติ สาขาศิลปะการแสดง (นักร้องเพลงลูกทุ่ง) ในปี 2542
-ปริญญาบัณฑิตกิตติมศักดิ์ สาขาศิลปศาสตร์ สถาบันราชภัฏธนบุรี
-รางวัลครอบครัวประชาธิปไตยตัวอย่าง ปี 2544 โดยคณะอนุกรรมการส่งเสริมการพัฒนาประชาธิปไตย ในคณะกรรมการเอกลักษณ์ของชาติ สำนักนายกรัฐมนตรี
-ปริญญาศิลปศาสตรมหาบัณฑิตกิตติมศักดิ์ สาขาวิชาภาษาไทย คณะมนุษยศาสตร์ มหาวิทยาลัยรามคำแหง เมื่อวันที่ 7 มกราคม 2545