'จุ๋ย' เขินโดนแซวใส่ชุดคู่ 'พุฒิ' ตะลุยเกาหลี | คมชัดลึก

         มีภาพออกมาให้แฟนๆ ได้จิ้นกันตลอดสำหรับคู่รักคู่เลิฟอย่าง “จุ๋ย” วรัทยา และ "พุฒ" พุฒิชัย ที่ล่าสุดชวนแก๊งเพื่อนไปตะลุยแดนกิมจิ แถมงานนี้ยังใส่เสื้อผ้าคล้ายกันเหมือนฝาแฝดตลอดทริป ได้สอบถามถึงทริปหวานเบาๆ ทริปนี้กับสาวจุ๋ยได้ความดังนี้

 

 

         "ไปเที่ยวเกาหลีมาก็สนุกดี แต่ก็ได้หวัดกลับมาด้วย ทริปนี้เป็นทริปที่ไปกับก๊วนเพื่อนๆ ที่เราจะไปเที่ยวไปกินข้าวและมีโปรเจกท์ ร่วมกันอยู่แล้ว ส่วนทริปนี้เป็นทริปที่ไปด้วยกันเต็มตัว ปีที่แล้วเราก็ไปเจอกันที่สวิส ส่วนปีนี้ก็เอาใกล้เพราะเวลาที่เรามีมันก็น้อยลง ไปกัน 7-8 วัน (มีใส่ชุดเหมือนกับพุฒ) มันเป็นสิ่งที่เพื่อนๆ ในทริปคิดว่าเราเจอซากุระต้องใส่เสื้อชมพู แต่ต้องบอกก่อนว่าที่เราแต่งกันเป็นกรุ๊ปแบบนี้ ไม่ได้ใช้เงินเปลืองเลยนะ เป็นราคาย่อมเยามากๆตัวละหลักร้อยแต่ถ่ายภาพออกมาแล้วดูดี (ภาพของเรากับพุฒเองก็หวานมาก) ใช่ มีหลายคนแซวเรื่องนี้ นักข่าวก็จะเอาไปทำข่าวว่าเป็นชุดคู่ แต่จริงๆแล้วมันเป็นชุดคี่นะ (หัวเราะ) เรียกว่าเป็นสีสันในการไปเที่ยวที่เราไม่ต้องเปลืองเงินมาก อีกอย่างมันก็เป็นปกติอยู่แล้วนะ ที่เวลาเราไปเที่ยว เราก็อาจจะแต่งชุดที่มันดูคล้ายๆ กัน ไปในธีมเดียวกัน เพราะมันจะได้ทำให้สนุกสนานในการไปเที่ยวมากขึ้น (เรียกว่าเป็นการพักผ่อนประจำปี) ใช่แล้ว อย่างจุ๋ยเองก็จะมีวันพักผ่อนแค่ช่วงปีใหม่กับสงกรานต์เท่านั้น ซึ่งเราก็อาจจะมีทริปพักผ่อนบ้าง อาจจะเป็นต่างประเทศหรือในเมืองไทย แต่ว่าก่อนหน้านี้จุ๋ยและก็พุฒเพิ่งจะเดินทางกลับบ้านที่ต่าจังหวัดมา ดังนั้นทริปนี้เราก็เลยตัดสินใจว่าไปเที่ยวเกาหลีดีกว่า" จุ๋ยกล่าว

 

 

         เมื่อถามต่อว่าช่วงสงกรานต์ที่ผ่านมา ได้มีโอกาส ไปรดน้ำดำหัวคุณพ่อคุณแม่บ้างไหม นักแสดงสาวกล่าวแจงว่า  

         "ไปนะ ไปก่อนหน้านี้ เอาจริงๆ นะจุ๋ยอยากจะบอกว่าการรดน้ำดำหัวคุณพ่อคุณแม่ไม่จำเป็น ว่าจะต้องไปรดน้ำดำหัวในช่วงเทศกาลสงกรานต์เราสามารถทำได้ทุกวัน และในวันเกิดปีนี้จุ๋ยก็ตั้งใจด้วยว่าก็จะกลับไปรดน้ำดำหัวพวกท่าน ถามว่าตั้งใจทำเป็นประจำทุกปีหรือเปล่า คือแพลนแต่ละปีมันจะไม่เหมือนกัน เราก็ต้องเอาวันที่เราสะดวกมากกว่า อย่างกรณีรดน้ำดำหัวนั้น ถ้าไม่ได้ทำให้วันสงกรานต์หรือครอบครัว จุ๋ยก็จะทำให้วันเกิดตัวเอง จริงๆ ทำวันไหนก็ได้นะที่เราสบายใจ จุ๋ยมองว่ามันเป็นประเพณีที่ดีมากๆ สำหรับการที่เรารดน้ำดำหัวคุณพ่อคุณแม่ หรือล้างเท้าคุณพ่อคุณแม่ เราก็ตั้งใจทำด้วยใจ มีทั้งผ้าขาว ทั้งขันใบใหญ่ให้ท่านใช้สำหรับล้างเท้า และก็ชุดธูปเทียนแพ รวมถึงพวกมาลัย ที่เราสั่งร้อยมาอย่างดี จากนั้นก็นำของเหล่านั้นเข้าไปขอขมาต่อพวกท่าน คือมันเป็นเหมือนการที่เราได้เปิดใจตัวเองทั้งหมด มันเหมือนเป็นการขอพร ขออโหสิกรรมคุณพ่อคุณแม่ที่ลูกอาจจะล่วงเกินคุณพ่อคุณแม่ เป็นพิธีที่ดีมากๆ จุ๋ยชอบมากๆ (จะไปด้วยกันไหม) ก็แบ่งๆ กันไป แต่ถ้าไม่สะดวกก็บ้านใครบ้านมัน (ยิ้ม)

 

 

         เมื่อถามต่อถึงเรื่องคดีความว่าดำเนินการถึงไหนแล้ว สาวจุ๋ยกล่าวแจงว่า “โชคดีที่มีผู้ใหญ่จากกระทรวงยุติธรรมเข้ามาช่วยในการดูแลคดีนี้ ช่วยให้คำปรึกษา จริงๆ แล้วทางคู่กรณีขอยอมความ เขามีติดต่อมาว่าอยากคุยกับเรา ตอนที่ศาลนัดเขาไม่ว่าง เขาก็ส่งทนายมา ซึ่งเราก็ไม่ได้เร่งรัด หรืออยากให้เป็นเรื่องเป็นราวอะไร ที่ทำไปก็ทำตามกระบวนการของสิ่งที่ถูกต้อง และเป็นการยืนยันข่าวที่ออกมามันปลอมแค่นั้นจริงๆ อย่างที่รู้กันว่าคดีแบบนี้มันยอมความกันได้ เพราะเราไม่ได้โกรธเคืองอะไร เราแค่อยากให้เป็นกรณีตัวอย่างให้กับทุกคนว่า ถ้ามันไม่จริงก็อย่าออกมาทำแบบนี้ เพราะมันทำให้เราเสียหายและเสียเวลา จริงๆจุ๋ยก็ไม่อยากทำอะไรแบบนั้น แต่เราก็ทำเพื่อปกป้องศักดิ์ศรีของเราด้วย เรื่องคดีถ้าไปถามพุฒบางทีพุฒอาจจะไม่รู้ เพราะผู้ใหญ่ที่ดูแลคดีท่านเป็นเพื่อนกับคุณอาจุ๋ย เวลามีเรื่องอะไรท่านก็แจ้งมาทางเรา เรื่องนี้รับรองว่าจบด้วยดีแน่นอนหากคู่กรณีเขารู้ว่าสิ่งที่เขาทำมันไม่ดี และยินดีขอโทษ เห็นหน้าค่าตากันแล้วจะไม่ทำกันอีก จุ๋ยมองว่าเราก็เป็นคนในวงการ ก็ต้องน้ำพึ่งเรือเสือพึ่งป่า ถ้ายอมความได้ก็อยากให้จบด้วยดี หลังจากนี้ก็ต้องไปปล่อยไปตามกฎหมายก่อน เดี๋ยวคงมีการนัดเจอคู่กรณี และยอมความกันจุ๋ยมั่นใจว่าเราจบกันด้วยดีแน่นอน ถือว่าเป็นเคสกรณีศึกษาก็แล้วกัน เราอยู่ในวงการเดียวกันเราโทรหาผู้จัดการกันได้นะ ไม่จำเป็นต้องมาทำร้ายทำลายชื่อเสียงกันก็น่าจะดีที่สุด” จุ๋ยกล่าวแจง