
โอกาสมาต้องคว้าไว้จุดพลิกผัน"บอย"ปกรณ์
ผันตัวเองจากอาชีพเภสัชกรหันหน้าเข้าสู่วงการบันเทิง ผ่านงานโฆษณา มิวสิกวิดีโอ ภาพยนตร์ แถมพ่วงดีกรีหนุ่มคลีโอมาอีกต่างหาก ล่าสุดมารับบท "แก้ว" พระเอกในละครเรื่อง "ไฟรักอสูร" หนุ่ม "บอย" ปกรณ์ ฉัตรบริรักษ์ ก็ทำเอาสาวๆ ใจละลาย กลายเป็นพระเอกน้องใหม่ที่ส่อแวว
วันนี้ "คม ชัด ลึก" เลยไม่รอช้าคว้าตัวมาพูดคุยในทุกเรื่องราว
งานที่กำลังรุ่ง
เล่นละครเรื่องแรกก็ได้รับบทพระเอกเลย
ตอนแรกตื่นเต้น เป็นละครเรื่องแรกก็มีเกร็งๆ บ้าง แต่ได้ไปเวิร์กช็อปก่อน 2 เดือน ทำให้คุ้นเคยมากขึ้น พอถ่ายทำจริงถึงบทจะหนักหน่อย แต่ก็สนุกเพราะบรรยากาศในกองเฮฮา เหมือนเราได้ไปเวิร์กช็อปด้วยกันมาแล้ว
การตอบรับเป็นอย่างไร ดูเหมือนจะรุ่งซะด้วย
โอเค...คนที่เจอเขาก็บอกว่าละครสนุกดี ไปไหนมาไหน ก็มีคนเข้ามาเรียกแก้วบ้าง บอกว่าน่าสงสารบ้าง เพราะตอนนี้ยังไม่ถึงบทโหด คนรอบข้างหลายๆ คนก็พูด ว่าผมทำได้ดีกว่าที่คิด เหมือนตอนแรกผมเป็นคนนิ่ง และเงียบ แต่ต้องรับบทหนัก โหด แถมดราม่าด้วย ก็เกรงว่าจะทำได้หรือเปล่า จะออกมาอย่างไร พองานออกมาหลายคนก็บอกว่าเกินคาด
กดดันไหมมารับบทที่เมื่อก่อนเคยดังสุดๆ
กดดันมาก ยิ่งพอรู้ว่า อาเปี๊ยก (พิศาล อัครเศรณี) อ๊อฟ (พงศ์พัฒน์ วชิรบรรจง) แสดงมาก่อน ยิ่งกดดัน เพราะทั้งคู่เรียกได้เลยว่าเป็นตัวพ่อของวงการ สำหรับผม ผมใหม่มากๆ ในช่วงเวิร์กช็อปกดดันจนท้อไปเลยก็มี คือมันยาก ทำไม่ได้ ร้องไห้ก็ไม่เคยร้องมาก่อน ได้ทีมงาน และอาเปี๊ยก (พิศาล ผู้กำกับ)ให้กำลังใจ หนักเลยกว่าจะทำออกมาได้แบบนี้
ทำงานกับผู้กำกับฯ ที่ชื่อ พิศาล เป็นอย่างไร
สนุกดี จริงๆ แล้วอาเปี๊ยก บุคลิก หน้าตา ขัดกับนิสัยเลย ความจริงอาเปี๊ยกเป็นคนสนุกสนาน เฮฮา ชอบอำ มีดุบ้าง เพราะเป็นคนจริงจัง อยากให้งานออกมาดี
ผู้กำกับฯ โหดไหม
โหดไหม ไม่นะ แต่ผมก็มีโดนเหมือนกัน เป็นฉากที่ต้องร้องไห้ ผมร้องไม่ออก ก็เลยโดนตบหน้า แต่ผมไม่โกรธนะ เพราะอาเขาเข้ามาพูดดีๆ อธิบายเรื่องราวในบท การตบก็เพื่อเรียกอารมณ์ เหมือนเป็นวิธีการกระตุ้นของอา ในกองก็จะรู้ว่าจริงๆ แล้วอาเป็นคนใจดี เพียงแค่ปากไว โผงผาง ผมก็เคยถามอานะ ว่าผมเล่นเป็นยังไง ก็ได้คำตอบว่าใช้ได้ในระดับหนึ่ง แต่ยังต้องแก้ไขบางจุด เช่น แววตา
แล้วกับนางเอกอย่าง วิกกี้ (สุนิสา เจทท์) ล่ะ
ก็ดี พี่วิกกี้เล่นละครมาเยอะ เป็นมืออาชีพ เล่นเก่งมาก วันแรกผมเกร็งๆ เหมือนกัน เพราะเคยเห็นพี่เขาแต่ในทีวี วันหนึ่งต้องมาทำงาน เจอวันแรกผิดคาด พี่วิกกี้เป็นกันเองมาก ทำให้ความกดดันลดไปเยอะ คอยพูด คอยบอกผมว่าไม่ต้องเกรงใจ แล้วก็ช่วยแนะนำเทคนิคต่างๆ
ละครกับหนังที่เล่นมาแตกต่างกันไหม
แตกต่างมาก อย่างเรื่องบท หนังไม่ค่อยมีอะไรมาก พอมาเรื่องนี้ มีทุกรส บู๊ โหด ร้องไห้ หนักมากสำหรับผม เรียกว่าสุดยอด ส่วนเรื่องการถ่ายทำคล้ายกัน ละครจะง่ายกว่า เพราะหนังจะต้องถ่ายหลายครั้ง หลายมุมกล้องในแต่ละฉาก เราต้องเก็บอารมณ์ไว้ให้อยู่ ไม่เหมือนละครเล่นครั้งเดียวจบ ถามว่าชอบอะไรมากกว่า ตอนนี้ผมเอนไปทางละครนะ ชอบการถ่ายทำที่ค่อนข้างต่อเนื่อง
ถ้าให้คะแนนตัวเองกับการเล่นละครเรื่องแรก
คงให้ไม่ได้ ต้องให้คนอื่นเป็นคนให้ แต่ถามว่าพอใจไหม ผมก็รู้สึกว่าได้พัฒนามาอีกระดับหนึ่ง แต่ยังต้องมีจุดที่แก้ไขอีกเยอะ เช่น ความเนียน ความเป็นธรรมชาติที่เกิดขึ้นกับตัวละคร
ชีวิตที่พลิกฝัน
จากเภสัชกรมาทำงานในวงการบันเทิงได้อย่างไร
ผมทำงานตรงนี้มาตั้งแต่เรียนปี 1-2 มาถึงวันนี้ก็อยู่วงการมา 5-6 ปีแล้ว เริ่มจากถ่ายแบบ ถ่ายโฆษณา เล่นเอ็มวี จากการชักชวนเหมือนคนทั่วไป ตอนแรกก็ไม่คิดว่าจะมาเอาดีตรงนี้ คิดว่าทำงานหาเงินค่าขนม อย่างงานโฆษณาตอนนั้นได้เงิน 1-2 หมื่นก็เยอะแล้วสำหรับเด็กที่ยังเรียนอยู่ จากนั้นพอจบก็มีงานเข้ามามากขึ้น ผมมีโอกาสได้ไปเล่นหนัง ตอนนั้นหางานอยู่พอดี ยังไม่ได้ทำอะไรเป็นหลักเป็นแหล่งด้วย มีโอกาสก็เลยเข้ามาลองทำดูก่อน
แล้วงานด้านเภสัชกรรมล่ะ
ผมยังไม่ทิ้ง ผมเคยฝึกงาน อยู่ร้านยามาบ้าง สนุกดี ยังเป็นงานที่ผมชอบ แต่ผมอยากรอให้งานในวงการอยู่ตัวก่อน ผมอยากทำควบคู่กันไป อยากเปิดร้านขายยา เพราะผมมองว่าเป็นอาชีพที่มั่นคง และติดตัวเราไปจนตาย
แต่ดูเหมือนจะแตกต่างกันมากนะ
โชคดีผมมีพื้นฐานมาตั้งแต่เรียน ม.ปลาย มีโอกาสทำกิจกรรมบ่อยๆ คือถ้าในโรงเรียนหรือมหาวิทยาลัยมีละคร หรือกิจกรรมอะไรก็มักจะเอาผมไปเล่น
คุณพ่อ คุณแม่ ว่าอย่างไร
ความจริงที่บ้านไม่ค่อยสนับสนุนให้มาทำงานในวงการเท่าไหร่ แม่วางแผนไว้แล้ว ว่าถ้าเรียนจบ อยากให้ผมทำธุรกิจส่วนตัวที่บ้าน หรือไม่ก็อยากให้ไปทำอะไรที่เกี่ยวกับการขายยา ถึงไม่สนับสนุนแต่ก็ไม่ว่า เพราะแม่จะสอนเสมอ ว่าทำอะไรแล้วก็ให้ตั้งใจ ทำไปให้เต็มที่ ทำให้สุด อย่ากั๊ก ที่ผ่านมาแม่ผมเป็นคนไม่ค่อยพูด หรือชมอะไรอยู่แล้ว แต่เขาก็จะคอยติดตาม ส่วนพ่อของผมเสียชีวิตไปประมาณ 4-5 ปีแล้ว
มีพี่-น้องไหม
ผมมีน้องชาย 2 คน ผมเป็นพี่คนโต เราห่างกัน 3 ปี น้องคนกลางอายุ 22 ปี ส่วนคนเล็ก 19 ปี คนกลางตอนนี้ก็เริ่มมีงานโฆษณา งานเอ็มวีเข้ามาบ้างแล้ว ตอนเด็กพวกเราก็จะซนกันตามประสาผู้ชาย
เห็นว่าก่อนหน้านี้เป็นคนขี้อายมาก
ตอนนี้ก็ยังเป็น ผมเป็นคนนิ่งๆ ไม่กล้าพูดกับใครก่อน ถ้าคนมองหน้า ผมก็จะไม่กล้าสบตา แต่ถ้ารู้จักจริงๆ ผมจะเป็นคนเฮฮาค่อนข้างมาก ในกลุ่มเพื่อนจะเป็นหัวโจกเลย คือผมจะไม่ใช่คนชอบเรียนมาก แต่รู้สึกว่าต้องรับผิดชอบให้ดีที่สุด
วันนี้คิดว่าตัวเองดังหรือยัง
ไม่ดังหรอก ไม่ถึงขนาดนั้น เพียงแค่เริ่มมีคนรู้จักมากขึ้น เข้ามาทักมากขึ้นแค่นั้น ถามว่าชีวิตเปลี่ยนไหม คงไม่เปลี่ยน ผมตั้งใจไว้แล้ว ว่าการที่มาทำงานตรงนี้แม้จะต้องมีการวางตัวบ้าง แต่ผมไม่อยากให้กระทบชีวิตเรา ผมอยากทำอะไรทุกอย่างเหมือนเดิม ยังกินข้าวที่ไหนก็ยังกินเหมือนเดิม ไม่อายใคร ทุกวันนี้ผมยังขับมอเตอร์ไซค์ในซอย กินข้าวข้างถนนอยู่เลย อาจจะแปลกๆ ตรงที่มีคนมอง แต่ไม่รู้จะเปลี่ยนทำไม เพราะชีวิตเราเป็นแบบนี้มาตั้งแต่เด็ก
เตรียมตัวตั้งรับไว้บ้างหรือยัง ความดังมักมาคู่กับข่าวไม่ค่อยดี
ไม่ได้เตรียมตัวอะไรมาก เวลานักข่าวถามอะไร ผมจะถือคติความจริงคือความจริง ถ้าไม่จริงก็คือไม่จริง
กลัวไหมว่าจะโดนขุดคุ้ยเรื่องในอดีต หรือโดยแชะภาพจากปาปาราซซี
ไม่กลัว อย่างที่บอกทุกวันนี้ผมก็ยังใช้ชีวิตปกติเดิมๆ ไม่ได้สนใจอะไร และคงไม่มีอะไรให้ขุดคุ้ย ผมเป็นคนเรียบๆ ง่ายๆ สบายๆ อยู่แล้ว
ต้องระวังตัวมากขึ้นหรือเปล่า
มีบ้าง นิดหน่อย อย่างเวลาไปกินข้าวข้างนอกจะกินอุบาทว์เหมือนเดิมคงไม่ได้ ออกไปไหนผมก็จะพยายามไม่แต่งตัวให้โทรมมาก เมื่อก่อนไปห้างแถวบ้าน ผมจะใส่กางเกงขาสั้น เสื้อบอล เดี๋ยวนี้ก็คงไม่ได้ หรือเวลาเล่นกับน้องเมื่อก่อนอยู่นอกบ้านจะเล่นอุบาทว์ เดี๋ยวนี้ไม่กล้า ก็จะนิดหน่อย แต่ไม่ถึงกับรู้สึกอึดอัดอะไร
วางอนาคตการทำงานตรงนี้ไว้อย่างไร
วางแค่ให้งานตรงนี้อยู่ตัว แล้วก็ทำงานเภสัชกรควบคู่กันไป กับงานตรงนี้ ผมไม่ได้คิดว่าจะต้องไปอยู่ถึงจุดไหน เอาแค่เท่าที่เราไปได้ ตอนนี้ก็ถ่ายทำละครเรื่อง "หัวใจสองภาค" ของพี่อ๊อฟ (พงษ์พัฒน์) อยู่ แล้วก็มีโปรเจกท์หนังที่อยู่ระหว่างพูดคุยอีกหนึ่งเรื่อง
เรื่องของหัวใจ
มีใครมาดูแลหัวใจหรือยัง
ตอนนี้เรื่อยๆ ไม่ได้ปิดโอกาส ยังไม่มีอะไรชัดเจน คุยๆ ศึกษากันไป ไม่ได้อะไร ผมยังวุ่นกับการทำงานด้วย
แสดงว่ามีคนดูๆ คุยๆ อยู่
มีคุยบ้าง แต่ยังไม่มีอะไรชัดเจน เลยไม่กล้าพูดอะไรมาก คุยมาสักพักหนึ่ง ไม่ถึงปี เป็นคนนอกวงการ ผมเลยไม่อยากพูดอะไรเท่าไหร่ ไม่อยากใหเขาเสียหาย
เพราะเป็นดาราแล้วเลยไม่กล้าเปิดเผยหรือเปล่า
ไม่ๆๆ ผมไม่ค่อยสนใจตรงนั้นเท่าไหร่ ถ้าชัดเจนก็กล้าพูด เพียงแต่อยู่ระหว่างศึกษา ไม่ชัดเจน อนาคตมันไม่แน่นอน ผมกลัวเขาเสียหาย
แต่ที่ผ่านมา ก็มีข่าวกับหลายคนนะ อย่าง "ตาล" กัญญา "รัน" ณัทธมนกาญจน์
เฉยๆ ข่าวก็เป็นข่าว มันไม่เป็นความจริง ผมก็มองว่าเป็นเรื่องธรรมดา
สาวในสเปกของบอยต้องเป็นอย่างไร
ไม่ค่อยวางไว้เท่าไหร่ ก่อนหน้านี้ชอบผู้หญิงตาโต แต่เอาเข้าจริง ก็ดูที่คุยรู้เรื่อง ดูที่นิสัยส่วนตัวมากกว่า
มุมมองความรักล่ะ
เป็นอะไรที่มาเติมเต็มให้ยืนได้ ไม่ใช่สิ่งแน่นอน ไม่ใช่ทั้งหมดของชีวิต ชีวิตยังมีอย่างอื่นให้คิด ให้ทำ ไม่ว่าจะเป็น แม่ หรือ เพื่อน
...นี่แหละตัวตนชีวิตจริงของหนุ่มหน้ามน ไอ้แก้ว แห่งเกาะปั้นดาว...
ชื่อจริง ปกรณ์ ฉัตรบริรักษ์
ชื่อเล่น บอย
อายุ 25 ปี
วันเกิด 20 สิงหาคม 2527
การศึกษา ปริญญาตรีเภสัชศาสตร์ จุฬาฯ
ส่วนสูง 180 ซม.
น้ำหนัก 65 กก.
ผลงานที่ผ่านมา โฆษณา มิวสิกวิดีโอ หนุ่มคลีโอปี 2551 ภาพยนตร์ ฝัน-หวาน-อาย-จูบ
ผลงานล่าสุด ละครไฟรักอสูร
เรื่อ... "สิริรัตน์ แซ่เบ๊"
ภาพ... "ปวุธ บำรุงพืช"