
รู้ทันกฎหมาย - คนมีภาษี
การเสียภาษีอย่าได้มีอิดเอื้อน เป็นหน้าที่พลเมืองดีที่ต้องช่วยชาติจัดสรรเงินที่เราทำมาหาได้แบ่งให้รัฐเอาไปสร้างความเจริญให้แก่ประเทศของเรา และต้องรู้ว่าบทบาทตรงนี้มีคุณมีโทษแค่ไหน หากบกพร่องต่อหน้าที่โดยไม่ได้เสียภาษี
เรื่องนี้อย่าได้นอนใจ อย่าคิดจะถ่วงเวลาเหมือนที่ทำกับเจ้าหนี้ทั่วไปได้ อย่าคิดว่าถ่วงเวลาออกไป กว่าสรรพากรจะฟ้องศาลบังคับให้ชำระหนี้ กว่าจะมีคำพิพากษาถึงที่สุดให้จ่ายก็ต้องว่ากล่าวกันไปถึงสามศาลตามที่หลายคนเข้าใจ
การค้างชำระภาษี ไม่มีขั้นตอนให้ศาลออกหมายยึดทรัพย์หรือสั่งการ หรือไปดำเนินคดีต่อศาลเสียก่อน
กฎหมายให้อำนาจอธิบดีสั่งยึดหรืออายัดทรัพย์สิน และนำทรัพย์สินออกขายทอดตลาดได้เลย เพียงแต่วิธีการยึดทรัพย์หรือขายทอดตลาดก็ให้ใช้วิธีการทางกฎหมายว่าด้วยการบังคับคดีเท่านั้นเอง
หนี้ภาษีอากรถือเป็นหนี้บุริมสิทธิอันดับแรก ไม่ว่าคุณจะมีหนี้สินอื่นใด และไม่ว่าหนี้นั้นจะได้ก่อขึ้นมาก่อนหนี้ภาษีนานแค่ไหน ก็ไม่อาจจะถือดีเรียกบังคับชำระหนี้ได้ก่อนหนี้ภาษีอากร
ต่อให้เป็นหนี้จำนองที่กฎหมายท่านให้เป็นหนี้บุริมสิทธิ คือมีสิทธิดีกว่าหนี้สามัญทั่วไป ก็ยังไม่อาจแซงล้ำหนี้ภาษีอากรไปได้อยู่ดี
ถ้าไม่มีปัญญาจ่าย สรรพากรเขาก็ไม่ได้ใจไม้ไส้ระกำ ยังอาจขอผ่อนปรนได้ แต่ต้องเข้าใจประเภทของเงินได้ที่ไม่สามารถชำระให้ในกำหนดเวลาด้วย
หากเป็นบรรดาเงินเดือนทั้งหลาย ค่านายหน้าหรือว่าเงินปันผลซึ่งมีกำหนดต้องจ่ายภายในเดือนมีนาคม และไม่อาจขอแบ่งจ่ายได้ หากจ่ายล่าช้าก็จะมีเงินเพิ่มจ่ายให้รัฐเพิ่มเติมอีกจำนวนหนึ่ง
แต่ถ้าเป็นภาษีเงินได้ประเภทอื่น เช่น ค่าเช่า ค่ารับจ้างเหมาอะไรประมาณนี้ รัฐก็ยังมีความยินดีที่จะให้โอกาสผ่อนชำระได้ โดยแบ่งจ่ายเป็นสามงวด
ภาษีพวกนี้ต้องยื่นแบบและส่งเงินค่าภาษีภายในเดือนกันยายน ดังนั้น การจ่ายภาษีแบบผ่อนส่งจึงต้องเริ่มต้นตั้งแต่เดือนกันยายนเป็นต้นไป และมีเงื่อนไขว่ายอดภาษีที่จะจ่ายต้องมากกว่า 3,000 บาทขึ้นไปด้วย หากครบสามงวดสามเดือนแล้วยังจ่ายไม่หมดก็ต้องถูกเงินเพิ่มกันไปไม่น้อยหน้าภาษีเงินได้ที่ไม่ได้รับการผ่อนจ่ายเหมือนกัน
ทีนี้ก็มาดูที่หน้าที่เสียภาษีของเรา ซึ่งแน่นนอนที่ว่า ใครมีเงินได้ก็ต้องจ่ายภาษีเป็นธรรมดา แต่ว่าในหลายกรณีที่มีการผลักภาระให้คนจ่ายกลายเป็นผู้รับผิดชอบภาษีไป ซึ่งจะทำได้แค่ไหนก็ต้องดูว่าเป็นภาษีอะไรด้วยเหมือนกัน
อย่างการให้เช่าบ้านหรือคอนโด ก็จะให้คนเช่าจ่ายค่าภาษีโรงเรือนให้ แบบนี้ก็เป็นเรื่องของภาษีที่จะผลักภาระตกลงระหว่างคู่สัญญากันไป ฝ่ายรัฐไม่ได้สนใจว่าจะตกลงแบบไหน แต่หน้าที่ของคนเป็นเจ้าของโรงเรือนจะต้องเป็นคนจ่าย ถ้าไม่จ่ายเมื่อไหร่ก็ต้องถูกจัดการตามกฎหมาย จะเรียกผู้เช่าเข้ามาเกี่ยวข้องไม่ได้ ผู้ให้เช่าเมื่อจ่ายภาษีไปก็ค่อยไปไล่เบี้ยบังคับเรียกร้องเอาจากผู้เช่าตามสัญญาเป็นการส่วนตัว
เช่นเดียวกับสามีภรรยาที่กฎหมายกำหนดว่าเงินได้ของภรรยาถือเป็นเงินได้ของสามีคือเป็นหน้าที่ที่สามีจะต้องเสียภาษี ซึ่งได้เคยเล่าสู่กันฟังเฉพาะเรื่องไปแล้ว
เป็นหนี้ใครจะมีเทคนิคแค่ไหน ก็เป็นความสามารถเฉพาะตัว แต่อย่ามั่วเรื่องภาษีกับรัฐเพราะอาจหมดตัวได้ เนื่องจากดอกเบี้ยหรือเงินเพิ่มที่ต้องจ่ายไปแพงกว่าดอกเบี้ยที่จะได้หากนำเงินไปฝากธนาคารเสียอีก
"ศรัณยา ไชยสุต"