บันเทิง

ค้นชีวิตไม่ยึดติดคำว่า ‘พระเอก’  ของ ‘ป๋อ’ ณัฐวุฒิ 

ค้นชีวิตไม่ยึดติดคำว่า ‘พระเอก’ ของ ‘ป๋อ’ ณัฐวุฒิ 

01 เม.ย. 2560

ใช้อยู่อย่างแข็งแกร่ง ในยุคโซเชียล! ค้นชีวิตไม่ยึดติดคำว่า "พระเอก" ของ "ป๋อ" ณัฐวุฒิ สกิดใจ

         ผ่านมาแล้วเกือบทุกบทบาทในวงการบันเทิง สำหรับพระเอกมากความสามารถ “ป๋อ” ณัฐวุฒิ สกิดใจ เรื่องฝีมือคงไม่ต้องการันตีคุณภาพ แต่ชีวิตส่วนตัวของผู้ชายคนนี้ กำลังรับบทบาทหน้าที่สำคัญของการเป็น “พ่อลูกสอง" วันนี้ “บันเทิง คม ชัด ลึก” จะพาไปพูดคุยในทุกแง่มุม ทั้งเรื่องงาน และเรื่องราวในชีวิตของ “ผู้ชายธรรมดา” ที่ “ไม่ธรรมดา” คนนี้

         @บทบาทพระเอก

         เล่นเรื่อง ตะวันยอแสง เป็นอย่างไรบ้าง

         ในเรื่องนี้ผมรับบทเป็นคุณเล็ก เรื่องทั้งหมดของตะวันยอแสง จะเกี่ยวข้องกับเด็กผู้หญิงคนหนึ่งที่ชีวิตต้องทนทุกข์ทรมานกับเรื่องราวในชีวิต ตั้งแต่เกิดมาถูกคนทำร้ายในการสลับสับเปลี่ยนตัว จากที่เขาเกิดในชาติตระกูลดี แต่คนที่เป็นผู้ใหญ่ในบ้านมีความอิจฉาริษยาจนต้องมีการสลับตัวลูกกันเกิดขึ้น นั่นคือจุดเริ่มต้นที่ตัว “ตะวัน” (“น้ำตาล” พิจักขณา วงศารัตนศิลป์) ซึ่งเป็นนางเอก จนถึงตอนที่เขาโต ถึงได้มาเจอกับคุณเล็กที่เป็นเหมือนทุกสิ่งทุกอย่างของเขา เป็นทั้งความสุข และน้ำที่ชโลมจิตใจ ให้ชีวิตที่ผ่านมาของเขา เป็นคนที่่เขาอยากจะอยู่ด้วย ถึงแม้จะมีอายุต่างกัน ต้องบอกว่าบทประพันธ์ในสมัยก่อนจะมีลักษณะนี้ เป็นเรื่องของความรักต่างวัย

 

ค้นชีวิตไม่ยึดติดคำว่า ‘พระเอก’  ของ ‘ป๋อ’ ณัฐวุฒิ 

 

         เรื่องนี้เป็นละครพล็อตไทยที่ “ป๋อ” เล่นมาเยอะมาก มีความยากอย่างไรในการตีความ

         ยากตรงที่ละครเรื่องนี้ทำมาหลายเวอร์ชั่นแล้ว ผมพยายามจะหาอะไรใหม่ๆ ให้บทนี้มากขึ้น เพราะต้องเข้าใจว่าบทประพันธ์เก่า ไม่ใช่ว่าเราจะทำลาย แต่เราต้องตีความให้ดูทันสมัยมากขึ้น อย่างเช่นเวลาที่คุณเล็กเกิดความรู้สึกชอบนางเอกในตอนที่เป็นผู้ชาย ซึ่งในยุคนี้อาจจะต้องมีการเคลียร์ความรู้สึกตัวเองก่อนว่าเป็น “ชายรักชาย” หรือเปล่า สรุปไม่ใช่ แค่เราชอบคุยกับเด็กคนนี้ แต่ไม่ใช่ฉันชู้สาว แต่มีความรู้สึกเกินคำว่าเอ็นดูไปนิดหนึ่งด้วยซ้ำ เขาแค่รู้สึกว่า อยู่กับคนนี้แล้วมีความสุข อยากคุยกับใครสักคนที่รู้ใจ แต่พอนางเอกเปิดเผยว่าเป็นผู้หญิง ตัวเราช็อกไปเหมือนกัน ซึ่งไม่ได้ช็อกที่เขาเป็นผู้หญิง แต่ช็อกที่ว่าทำไมเขาถึงโกหกเรา

         เล่นกับ น้ำตาล เป็นอย่างไรบ้าง

         น้องเก่งขึ้นมาก เรื่องนี้เป็นครั้งที่ 2 แล้วที่เล่นกับน้ำตาล เรื่องแรกคือ “สายลับสามมิติ” แต่เรื่องนั้นไม่ได้มีดราม่าอะไรมากมาย เป็นละครแอ็กชั่นคอมเมดี้ แต่เรื่องนี้เราเห็นเลยว่า น้ำตาลเก่งขึ้น มีความหลาหลายมากขึ้น ไม่น่าเชื่อว่าเด็กที่เล่นละครมาไม่มีกี่ปี แต่เทคนิคในการเล่นดี มีความครบเครื่อง เป็นคนสวยแบบไทยๆ ผมคิดว่าเขามีเสน่ห์มากในเรื่องนี้ เคมีไม่ต้องจูนเยอะ

         @ยุคโซเชียลฝึกความแข็งแกร่ง

         ช่วงที่ผ่านมาละครแต่ละเรื่องที่ “ป๋อ” เล่นผ่านมาทุกกระแสแล้ว เรื่องนี้เตรียมตั้งรับไว้แบบไหน

         ผมคิดว่าดีนะ เหมือนเป็นการฝึกเราด้วย กระแสสังคมในยุคนี้ ต้องบอกว่าการวิจารณ์มันง่ายมาก แต่การทำมันยากกว่า เพราะการทำละคร 1 เรื่องใช้เวลา 8 เดือน บางเรื่อง 1 ปี เมื่อก่อนการวิจารณ์อาจจะทำให้นักแสดงคิดมาก แต่พอวันเวลาผ่านไป เราเริ่มรู้แล้วว่า การวิจารณ์อย่างไหนมีคุณภาพ และการวิจารณ์แบบไหนที่เราควรจะแค่ฟัง แต่ไม่ต้องคิดมาก คำวิจารณ์มีหลายแบบ การติเพื่อก่อ เราขอน้อมรับไว้ แต่ถ้าวิจารณ์เพราะเกิดจากการพยายามเอาชนะกัน เรื่องนี้ไม่มีประโยชน์อะไร เพราะเจตนาของการทำละครเพื่อให้คนดูมีความสุข เราไม่ได้ทำเพื่อต้องการเอาชนะใคร

         การเป็นนักแสดงในยุคนี้ ต้องแข็งแรงกว่ายุคที่ ป๋อ เริ่มต้นมามากขนาดไหน

         ต้องแข็งแกร่งกว่ามาก โลกเปลี่ยนไป อินเทอร์เน็ตเข้ามามีบทบาทมากขึ้น ทำให้ทุกคนเป็นกูรูทางด้านละครกันหมด มีคำวิจารณ์ที่บางอันเละเทะไป บางครั้งคนทำละครมีเหตุผลและปัจจัยอื่นมากกว่าที่เห็น เพราะฉะนั้นยุคนี้ยากจริงๆ ในการทำละครหนึ่งเรื่อง แต่ในเมื่อเราเลือกแล้วที่จะอยู่ในธุรกิจนี้ เราต้องปรับตัวให้ได้

         ป๋อ ผ่านกระบวนการปรับตัวมาเหมือนกัน

         ใช่ เมื่อก่อนผมเป็นคนคิดมาก ผมเชื่อเลยว่านักแสดงทุกคน ต่อให้จะดังหรือไม่ดัง ทุกคนมีความรู้สึกอ่อนไหวหมด เราเสียใจนะ เพราะเราอยู่กับความรักระหว่างแฟนๆ ที่รักเรา และความรักของเราที่มีต่องาน อยากทำให้แฟนๆ มีความสุขเหมือนกัน แต่ความรักเหล่านี้เวลาที่มีความเกลียดเข้ามาเจือปน มีความไม่ชอบ มีเสียงตำหนิ วิจารณ์เต็มไปหมดและไม่ได้มีเจตนาที่ดีจริงๆ ทำให้น่าเสียใจ และน่าผิดหวังมากกว่า ต้องบอกว่านักแสดงใหม่ๆ จะฝึกเรื่องความแข็งแรงในจิตใจในเรื่องนี้ เก่งกว่านักแสดงเก่าๆ นะ เพราะเขาโตมากับโซเชียล เขาอยู่กับตรงนี้มานาน แต่คนสมัยก่อนเราไม่ได้อยู่กับเรื่องแบบนี้ กว่าที่เราจะวิจารณ์ใครสักคน เราคิดแล้วคิดอีก ต้องดูว่าเหมาะสมหรือไม่

 

ค้นชีวิตไม่ยึดติดคำว่า ‘พระเอก’  ของ ‘ป๋อ’ ณัฐวุฒิ 

 

         @วิธีอยู่ให้เป็นพระเอกระดับตำนาน

         การผ่านช่วงเวลาในวงการบันเทิงมายาวนานของ ป๋อ อะไรเป็นสิ่งที่ยากที่สุดกว่าจะมีวันนี้

         การยืนระยะเป็นสิ่งที่ยาก ในยุคนี้จะเห็นชัดมากว่า เจเนอเรชั่นของนักแสดงขยับเร็วมาก การเวลาผ่านไปเร็ว น้องใหม่ที่เข้ามาอย่าง ณเดชน์ (ณเดชน์ คูกิมิยะ) ญาญ่า (อุรัสยา เสปอร์บันด์) เมื่อก่อนเราเห็นเขาเป็นน้องๆ วัยรุ่น แต่เดี๋ยวนี้เขาจะกลายเป็นนักแสดงรุ่นใหญ่ในช่องแล้ว และน้องๆ เขาทำหน้าที่ที่ดีมากเลย แต่อายุของเขายังน้อย ด้วยความที่โลกเปลี่ยนไปหมด มีนักแสดงเด็กๆ รุ่นหลังจากน้องณเดชน์ ญาญ่า ขึ้นมาใหม่ตั้งหลายรุ่น ที่รอจะเกิด ต้องบอกว่านักแสดงเหล่านี้ต่างหากที่มีการแข่งขันสูง แต่เด็กๆ ทุกคนถูกฝึกมาให้เอื้อเฟื้อเผื่อแผ่ซึ่งกันและกัน เป็นข้อดีในวงการ

         ในมุมมองของผม เราไม่ได้อยู่ในเจเนอเรชั่นนี้ เราจะเป็นรุ่นถัดไปอีกช่วงอายุ ที่การแข่งขันน้อยกว่า เพราะนักแสดงกลุ่มนี้ไม่ได้มีมากเท่า สังเกตดูนักแสดงอายุประมาณ 25-45 มีไม่มาก ตัวเลือกน้อย เพราะบางคนมีครอบครัวต้องไปดูแล เพราะฉะนั้นการยืนระยะเป็นเรื่องสำคัญ 1.คือต้องมีวินัย 2. คืองานต้องพัฒนาขึ้น 3.สุขภาพร่างกายต้องดูแลให้เหมือนเดิม หรือทำให้ดีที่สุดเท่าที่จะทำได้

         ความเก๋าของนักแสดงรุ่น ป๋อ คืออะไร

         ทุกคนมีลายเซ็นของตัวเอง คือความเก๋าของทุกคน ไม่ว่าจะเป็น ชาคริต แย้มนาม เขาจะมีลายเซ็นของเขา แอนดริว เกร้กสัน “ติ๊ก” เจษฎาภรณ์ ผลดี “เคน” ธีรเดช วงศ์พัวพันธ์ ทุกคนมีเทคนิค และทางของตัวเอง และผู้จัดจะรู้ว่าคนนี้เหมาะกับบทแบบนี้ ลายเซ็นเป็นเรื่องสำคัญมาก และต้องเป็นลายเซ็นที่บอกชัดถึงตัวตนของเราด้าน

         การอยู่เป็น “พระเอก” ในช่วงวัยนี้คือเป็นความยาก

         ยากนะ ต้องบอกแบบนี้ว่า ตัวผมไม่ได้ยึดติดกับคำว่า “พระเอก” มานานแล้วแต่ “ช่อง 3” มีเจตนาอันดีกับนักแสดงทุกคนที่จะให้โอกาสเล่นบทอะไรก็ได้ที่เหมาะสม สมมุติว่าบทคุณเล็ก กับยอแสง คือบทเหมาะสม เพราะอายุและช่วงวัย ผมไม่ได้ยึดติดกับบทพระเอกเลย อย่างหนังเรื่อง “พุ่มพวง” ผมเล่นเป็นบทนักแสดงสมทบด้วยซ้ำ วันหนึ่งผมอาจจะเล่นเป็นตัวร้ายก็ได้ ผมมาถึงจุดที่เปลี่ยนแปลงอะไรได้หมด เราไม่กลัวอะไรแล้ว ไม่ได้กลัวว่าจะไม่ได้เป็นพระเอกแล้ว แต่สำหรับเด็กใหม่ๆ อาจจะต้องการคำว่า “พระเอก” แต่พอคุณเป็นไปสักระยะหนึ่ง คุณจะรักงานแสดงจนอยากเป็น “นักแสดง” มากกว่า และจะถูกสอนอีกแบบหนึ่งว่า จะให้เป็น “นก” เราต้องเล่นให้ได้ ให้เป็น “ท้องฟ้า” หรือ “ต้นไม้” เราต้องไปศึกษามา เพราะฉะนั้นจะไม่มีคำว่า “พระเอก” หรือ “นางเอก” มีแค่คำว่า “นักแสดง”

 

ค้นชีวิตไม่ยึดติดคำว่า ‘พระเอก’  ของ ‘ป๋อ’ ณัฐวุฒิ 

 

         @ชีวิตครอบครัว

         ชีวิตครอบครัวเป็นอย่างไรบ้าง

         ดีนะ มีดีบ้าง ร้ายบ้าง ผสมกันไป อย่างน้องเภา (ด.ช.ภูมิธนินท์ สกิดใจ) (ลูกชายคนเล็ก) ตอนนี้น่ารัก เป็นเด็กขายของ เหมือนจะครบเครื่องนะ คิ้ว ตา จมูก เป็นเด็กยิ้มแย้ม แต่น้องภูดิศ (ด.ช.ภูดิศ สกิดใจ) เป็นเด็กที่ต้องเข้าใจ เขาจะติสต์ๆ หน่อย แต่ผมไม่เคยรู้สึกสงสัยในความเป็นตัวของตัวเองกับลูกนะ เพราะเราก็เป็น เขาจะเป็นเด็กนอกกรอบ มีความดื้อ เป็นสมองที่เขาพัฒนาไป ซึ่งเวลาที่เราคุยกับครู จะบอกว่าเป็นสิ่งที่ดีมากนะ คุณอยากให้ลูกของคุณ ทำตามหนังสือทุกอย่างเหรอ

         ลูกเราไม่ใช่หุ่นยนต์นะ อย่างเรื่องที่เราไม่คิดว่าเด็กในวัยเขาจะคิดได้ อย่างเวลาที่ผมพูดกับลูกเป็นภาษาอังกฤษว่า “ภูดิศ ต้องตั้งใจเรียนว่ายน้ำนะ ทำไมไม่ตั้งใจเลย” ภูดิศตอบกลับมาว่า “I'm working on it” เหมือนบอกว่า “เขากำลังทำงานอยู่กับมันนะ แต่เขายังว่ายน้ำไม่ได้ไง” คือภาษาที่เขาพูดไม่ใช่ศัพท์สูงมาก แต่มันเป็นศัพท์ที่ผู้ใหญ่ใช้มากกว่า เราไม่คิดว่าภูดิศจะพูด เขาพัฒนาไปในมุมของเขา เพราะเขาชอบเรื่องภาษา ชอบพูด แต่เขาอาจจะไม่ชอบเตะบอลก็ได้

         ถือว่าชีวิตครอบครัวของ ป๋อ เดินมาอยู่ในจุดไหน

         เกือบครบแล้วนะ อาจจะไม่ไดสมบูรณ์แบบ แต่อะไรที่เราอยากได้ เรามีหมดแล้ว เราอยากได้ลูก เรามีแล้ว เราอยากได้บ้านที่ลูกใช้ชีวิตแฮปปี้ เราได้แล้ว เราอยากได้ชีวิตมั่นคง ไม่มีหนี้สิน เราได้แล้ว และเราต้องอยู่อย่างมีความสุข อาจจะมีช่วงหนึ่งที่เรารู้สึกเครียด แต่ยังได้สติขึ้นมากันเองว่าชีวิตเราดีอยู่แล้วนะ บางทีเอ๋ (พรทิพย์ สกิดใจ) ยังพูดกับเราว่า ไม่ควรเครียดขนาดนั้น เป็นช่วงที่ชีวิตมีความสุขมากกว่าความทุกข์ และแฮปปี้

         ความคาดหวังในตัวลูก

         เมื่อก่อนคาดหวังเยอะนะ แต่เดี๋ยวนี้เรียนรู้แล้วว่า เราไม่ควรคาดหวัง บางทีเห็นลูกคนโน้นทำอย่างนี้ได้ ลูกคนนี้เก่งอันนี้ แต่ลูกเราไม่ทำ แต่พอผ่านไป 1-2 เดือน ลูกเราก็ทำได้ เด็กทุกคนปลายทางเหมือนกัน เพียงแต่ระหว่างทาง อาจจะทำได้เร็ว หรือช้ากว่า แต่ลูกเราอาจจะเร็วกว่าคนอื่น ในสิ่งอื่นก็ได้ ลูกเราอาจจะวิ่งเร็วสุดในชั้นเรียน โดยที่เราไม่เห็นเลย พูดภาษาอังกฤษได้เร็วกว่าเพื่อน แต่ไม่เตะบอล ไม่ร้องเพลง เรียกว่ามีอะไรที่เก่ง และไม่เก่ง ต้องพัฒนาไปแต่ละอย่าง

         คนแซวลูกชายคนเล็ก “น้องเภา” ว่าเป็นว่าที่พระเอก เหมือน ป๋อ

         ก็เป็นไปได้ หรืออาจจะเป็นพิธีกร ดารา ถ้าถามในมุมของผมนะ แต่น้องภู อาจจะเป็นนักดนตรี แต่สุดท้ายคือแล้วแต่เขานะ เพราะเราไม่ได้คาดหวังว่าลูกจะต้องอยู่ในวงการ เราเป็นพ่อแม่ทำงานอยู่ตรงนี้ คงอยากเห็นลูกอยู่ตรงนี้แหละ แต่ของอย่างนี้บังคับกันไม่ได้ เป็นเรื่องของโชคชะตาจริงๆ"

เรื่อง : เบญจภรณ์ อำไพรัตนพล

ภาพ : รชานนท์ อินทรักษา

 

ล้อมกรอบ

ชื่อ : ณัฐวุฒิ สกิดใจ

ชื่อเล่น : ป๋อ

เกิด : 2 ธันวาคม พ.ศ. 2517

การศึกษา ระดับปริญญาโท สาขา MBA (Management) มหาวิทยาลัยเซาธ์อีสเทิร์น

ผลงานที่ผ่านมา : นางทาส, วนาลี, หงส์สะบัดลาย

ผลงานปัจจุบัน : ตะวันยอแสง