
ก่อนหน้านี้ทำไมหันหลังให้วงการ‘โมทย์’มีคำตอบ
“โมทย์”ปราโมทย์ แสงศร เคลียร์หมดเปลือก เหตุใดหันหลังวงการบันเทิง
จากภาพยนตร์เรื่องแรก "กลิ้งไว้ก่อน พ่อสอนไว้" ทำให้ชื่อของ “โมทย์”ปราโมทย์ กลายเป็นที่รู้จักของวัยรุ่น ในยุค 90 หลังจากนั้น เขามีผลงานสร้างชื่ิอมาก ไม่ว่าจะเป็น สะแด่วแห้ว สติแตกสุดขั้วโลก โลกทั้งใบให้นายคนเดียว แถมยังได้เป็นนักร้องในยุคที่เพลงเฟื่องฟูอีกด้วย เส้นทางชีวิตไปได้สวย แต่แล้วเขากลับหัันหลังให้วงการ เดินหน้าทำงานเบื้องหลัง ตลอดเวลา 15 ปี จนกระทั่งโมทย์กลับมารับแสดงละครอีกครั้งในเรื่อง “ตี๋ใหญ่ 2 ดับเครื่องชน” กับทาง โมโน 29 มีโอกาสคงต้องพูดคุยกันซะหน่อย
เพราะว่าผมอยากทำในสิ่งที่เราชอบ ผมอยากทำงานกำกับ ก็เป็นงานที่ส่วนใหญ่เรียกว่าเป็นงานอินดี้ ถามว่าตัดสินใจนานไหม ผมต้องบอกก่อนว่า มันเริ่มมาจากการทำหนังสั้น ผมถูกใจกับงานการทำงานเบื้องหลัง ตอนนั้นผมยังแยกวิธีคิดไม่ได้นะ ผมเลยตัดสินใจไปเรียนรู้ชีวิตอีกแบบหนึ่ง เหมือนที่หายไป เราก็ไปเจอกลุ่มคนอีกแบบ ได้เรียนรู้ชีวิตอีกแบบหนึ่ง ทำให้เราได้สร้างงานอีกแบบหนึ่ง
*** การตัดสินใจที่ออกไป หนทางมันดีเหมือนที่คิดไหม
ดีนะ ในเรื่องของเดินทาง ทำหนัง ได้เจอผู้คน เจอคนที่เก่งและได้ทำงานด้วยกัน แต่ช่วงเวลานั้น ผมก็ยังคงเล่นละครเวทีอยู่ตลอด เราก็ได้เจอคน หนังเข้าส่งประกวด และได้ฟีดแบค ได้รับรางวัลมาบ้างนะ ผมชอบการเดินทางออกทัวร์ไปทุกที่ที่มีเทศกาล
***ถามถึงการใช้ชีวิตหลังจากที่ไม่เป็นนักแสดงแล้ว
สำหรับผม ผมว่ามันไม่แตกต่างนะ ผมพยายามมองให้ทุกๆอย่าง มันเหมือนกันนะ แต่จริงๆแล้ว มันก็ไม่เหมือนกันหรอก เวลาอย่างงานให้บริการ กับเวลาที่เราไม่ได้ให้ความสุขทางหน้าจอแล้ว ซึ่งก็เป็นผลที่ผมยอมรับได้ เพราะว่าผมเองก็ไม่ได้ให้ความสุขเขาแล้ว มันเป็นเรื่องที่เข้าใจได้ แต่ช่วงแรกๆ ก็มีบ้างนะ เพราะว่าตอนที่เราทำงานในวงการ เราก็เจออะไรมาบ้าง เราว่ามันเป็นสิ่งที่ดีนะ ให้เราเรียนรู้ทุกอย่าง เนื่องจากทุกอย่างก็เป็นครู สำหรัับตอนนี้ ผมปกติมากเลยนะ
***ทุกวันนี้ไปไหมมาไหนคนยังจำได้และทักทายอยู่บ้างไหม
มีนะ ถ้าตัดผม จะมีคนเข้ามาทักนะ ตอนผมยาวคนจะจำไม่ได้ ส่วนใหญ่จะพูดว่าใช่หรือเปล่าว้า (หัวเราะ) มีพี่ๆ น้า ๆหลายคนนะ พอมาเจอหน้า ก็จะถามว่าเมื่อไหร่จะกลับมาเล่น รองานเราอยู่นะ
*** เวลาออกไปไหนมาไหนแล้วคนจำไม่ได้มีเสียเซลฟ์ไหม
ไม่ถึงขนาดนั้นนะ ผมไม่ยืดติดอะไรแบบนี้อยู่แล้ว
***แล้วสาเหตุที่ยอมกลับมารับแสดงละครเรื่อง “ตี๋ใหญ่ 2 ดับเครื่องชน”
ผมเคยทำงานกับเตอร์ (ปีเตอร์ นพชัย ชัยนาม) ผมกำกับการแสดง แล้วเขาไปเล่นให้ เป็นซีรีส์สัั้นของบันทึกกรรม ผมเคยไปทำอยู่ตอนหนึ่ง แล้วมีอยู่วันหนึ่งเขาโทรมาหาผม เขาเอาบทมาให้ เล่าเรื่องให้ฟังคุยกันอยู่นานนะ ผมได้อ่านบทและได้คุยกันหลายรอบมาก จึงตกลง ผมว่ามันเป็นจังหวะมากกว่า ตัวบทก็เป็นบทในฝันเราตอนที่เราเด็กๆ ที่ผมหายหน้าไปก็มีคนติดต่อผมมาตลอดนะ มีทั้งละครและหนัง แต่ตอนนั้นผมยังไม่ทำนะ ผมว่ามันยังไม่ใช่จังหวะด้วย แล้วก็ไม่ได้ว่างด้วย