
'เอกชัย' ปั้นลิเก'สุดที่รัก' เล่นกระชับผสมละครเวที
เอกชัย ศรีวิชัย ปั้นลิเก “เทพบุตร สุดที่รัก” เอาใจวัยรุ่น ดึงรูปแบบละครเวที เสริมความกระชับอลังการด้วยฉากเน้นเสียงไพเราะ รำสวย ฟุ้งเป็นลิเกยุค 4 จี
บุญรอบ ศรีวิชัย หรือ เอกชัย ศรีวิชัย ใหัสัมภาษณ์ทีมข่าวบันเทิง "คม ชัด ลึก” ระหว่างการแสดงเปิดตัวลิเก “เทพบุตร สุดที่รัก” บริเวณลานวัดไร่ขิง จ.นครปฐมว่า
“พี่เอกมาเปิดตัวลิเกคณะใหม่ซึ่งเป็นหลานพี่เอง พ่อของเขาเป็นเพื่อนกับพี่ตั้งแต่สมัยที่พี่เข้ามากรุงเทพฯ ใหม่ๆ เราร้องเพลงที่ห้องอาหารด้วยกัน พ่อเขาเป็นลิเกเก่า ตอนนั้นเขาดูแลพี่ วันนี้พี่เลยตั้งใจสร้างคณะลิเกให้เขา ซึ่งการทำครั้งนี้พี่เอกเน้นมากคือน้องเทพบุตรเขาเป็นลิเกอยู่แล้ว แต่พี่บอกว่าถ้าจะสร้างคณะลิเกให้ไม่เหมือนใครต้องเน้นที่ตัวเราก่อน พี่ก็หาครูสอนที่เก่งๆ มาสอนเขา ครูคนไหนรำเก่งพี่จ้างมาสอนเลย ครูคนไหนร้องเก่งพี่จ้างมาสอน ตอนนี้เทพบุตรร้องและรำได้ทุกหน้าของลิเก"
ผู้สื่อข่าวถามต่อว่าลิเกก็เหมือนกันทุกคณะ คณะนี้จะมีจุดที่แตกต่างจากลิเกคณะอื่นตรงไหนบ้าง ขุนพลเพลงปักษ์ใต้เล่าถึงรูปแบบที่เขาวางไว้ให้ลิเกคณะนี้ให้ฟังว่า
“สิ่งหนึ่งที่เรามักได้ยินเด็กๆ พูดเสมอว่าไม่อยากดูลิเกเพราะเชื่องช้าบ้าง ไม่ทันใจ ยืดยาดบ้าง พี่เอกก็เลยเอารูปแบบการบล็อกกิ้ง หรือการจัดวางตำแหน่งที่ละครเวทีใช้กันมาประยุกต์กับลิเกคณะนี้ ฉะนั้นลิเกคณะ "เทพบุตร สุดที่รัก” จะแตกต่างจากลิเกคณะอื่นตรงจุดนี้ ซึ่งจะทำให้การแสดงรวดเร็วสวยงามทะมัดทะแมง เด็กวัยรุ่นจะได้ลบภาพตรงนั้นออกไป บวกกับความอลังการของฉากซึ่งพี่เอกการันตีได้เลยว่าสวยงามมากๆ แสง สี เสียงยิ่งใหญ่ และที่สำคัญราคาไม่สูง ลิเกทุกคนผ่านการคัดสรรฝึกฝนมาอย่างดี”
สุดท้ายเอกชัยยังบอกถึงการจะให้ลูกหลานไทยสานต่องานด้านศิลปวัฒนธรรมในทุกแขนงอย่างน่าคิดว่า
“พี่เอกว่าประเทศไทยมีศิลปวัฒนธรรมมากที่สุดประเทศหนึ่งในโลกที่ควรจะให้เด็กรุ่นหลังๆ ได้สานต่อ แต่วิธีการที่เห็นๆ ไม่มีแรงจูงใจพอที่จะให้เด็กสำนึกหรือเห็นคุณค่าของวัฒนธรรมเหล่านั้นเลย อย่างแรกเราต้องปรับรุปแบบวัฒนธรรมเหล่านั้นเป็นยุคเดียวกับพวกเขาก่อน เป็นวัฒนธรรมประยุกต์ เด็กๆ จะได้รู้สึกว่านี่เป็นสมบัติของชาติที่เขาควรจะสืบและสานต่อ เช่นลิเกที่พี่สร้างขึ้นจะเป็นลิเกสมัยใหม่จริงๆ แต่รูปแบบเอกลักษณ์ของความเป็นลิเกยังคงอยู่”