บันเทิง

เปิดมุมมองของหนุ่มฮอต ‘เจเจ’  กับความดังที่ฉุดไม่อยู่

เปิดมุมมองของหนุ่มฮอต ‘เจเจ’ กับความดังที่ฉุดไม่อยู่

24 ม.ค. 2560

ปีที่ผ่านมา บอกเลยว่าชื่อของ 'เจเจ' กฤษณภูมิ พิบูลสงคราม เป็นหนุ่มสุดฮอต

    ช่วงปีที่ผ่านมา ต้องบอกเลยว่าชื่อของ “เจเจ” กฤษณภูมิ พิบูลสงคราม เป็นหนุ่มสุดฮอต ที่หลายคนพูดถึงกัน ด้วยผลงานที่ออกมาทั้งภาพยนตร์ “20 ใหม่ฯ, ไดอารี่ ตุ๊ดซี่, ไอ เฮท ยูฯ” และล่าสุดกับซีรีส์เรื่อง “ภูมิแพ้กรุงเทพ ไตรภาค ตอน Lost In คีรีวง” ของค่าย GMM Bravo ทางช่อง GMM 25 ที่แสดงคู่กับ “แพทตี้” อังศุมาลิน สิรภัทรศักดิ์เมธา ซึ่งได้รับกระแสตอบรับที่ดี และจะจบในวันที่ 25 มกราคม “บันเทิง คม ชัด ลึก” ได้มีโอกาสพูดคุยแบบเอ็กซ์คลูซีฟกับหนุ่มฮอตคนนี้ ถึงชีวิตดาวรุ่งพุ่งแรงของเขาในวลานี้ 

 

 

เปิดมุมมองของหนุ่มฮอต ‘เจเจ’  กับความดังที่ฉุดไม่อยู่

 


    @ ซีรีส์ “ภูมิแพ้กรุงเทพฯ” 
    เพลง “ภูมิแพ้กรุงเทพ” เป็นเพลงดัง และเอ็มวีก็ฮิตมาก  

    เราเคยดูเอ็มวีและฟังเพลงภูมิแพ้กรุงเทพฯ มาก่อน ซึ่งดูแล้วเรารู้สึกว่ามีความน่ารัก มีความบ้านๆ ในเพลง ผมรู้สึกว่าเพลงนี้ เป็นเพลงที่เพราะและมีเนื้อร้องที่จับใจคนฟัง อย่างเอ็มวีในตอนนั้นที่ออกมา ก็ได้รับการตอบรับดี เพราะว่าเอ็มวีีน่ารักมาก มีท่าเต้นด้วย พอเรามารู้ว่าเพลงนี้ ได้นำมาทำเป็นซีรีส์ แล้วเราได้เล่น ก็รู้สึกตื่นเต้น ในตอนแรกที่รู้ว่าเอามาทำซีรีส์ ในใจเราคิดว่าเราอยากเล่น เพราะเราเป็นหนึ่งคนที่ติดตามเพลงนี้มาอยู่แล้ว ส่วนตัวผมมีความอินกับเพลงนี้ เพราะผมเป็นคนเชียงใหม่ ก็ถือว่าเป็นคนบ้านนอก (หัวเราะ) เลยรู้ว่าวิถีชีวิตคนเชียงใหม่กับคนกรุงเทพฯ ต่างกัน อย่างตอนที่เราอยู่เชียงใหม่ เราสบายมาก พอมาอยู่กรุงเทพฯ ต้องดิ้นรนทุกอย่าง และพอได้รู้ว่าได้เล่นกับพี่แพทตี้ด้วย ทำให้เรารู้สึกว่า ได้เปิดประสบการณ์ทางการแสดง เพราะว่าเราไม่เคยร่วมงานกับเขา
    ในตัวซีรีส์ เนื้อหาแตกต่างจากเอ็มวียังไงบ้าง
    ตัวบทค่อนข้างฉีกไปจากเพลงนิดหนึ่ง ในเรื่อง ผมรับบทเป็นไม้ ในเรื่องไม้ จะเป็นมนุษย์ต่างดาว ที่ลงมาบนโลก และเกิดอุบัติเหตุ ทำให้ลืมไปว่าตัวเองมาทำอะไร ทำให้ไม้กลับไปเป็นเด็กอีกครั้ง มีความสงสัยในทุกอย่าง ว่านั่นคืออะไร นี่คืออะไร ซึ่งบทค่อนข้างยาก ผมต้องจินตนาการ ว่าตัวเองเป็นเด็กและสงสัยในทุกอย่าง และดีไซน์การเดินว่าต้องเดินกะเผลก เดินแบบไม่ได้จังหวะ เพราะผมคิดว่า ถ้ามนุษย์ต่างดาว ต้องมาอยู่บนโลกมาเดินอยู่บนโลก แรงโน้มถ่วง ก็อาจจะไม่เท่ากัน ทำให้เดินไม่เป็นปกติเหมือนคนทั่วไป
    ร่วมงานกับแพทตี้ เป็นยังไง
    พี่แพทตี้ เป็นคนที่เก่งมาก และพลังเยอะมาก เขาทำการบ้านเยอะมาก ก่อนที่จะมากอง และเขาดูเป็นคนที่มีพลังตลอดเวลา ก่อนหน้านี้ไม่เคยรู้จักกันเป็นการส่วนตัว เคยแค่เดินเฉี่ยวๆ กัน ตอนที่พี่แพตตี้อยู่กับทางนาดาว ตอนนั้นผมก็ยังไม่ได้เข้ามาอยู่ในสังกัดนี้ เลยไม่เคยคุยกัน หรือสนิทสนมกัน แต่ก็ได้ยินกิตติศัพท์ ว่าเขาเป็นคนน่ารัก เด็กๆ ผมเคยไปถามพวกพี่ๆ ในนาดาว ว่าพี่แพทตี้ เป็นคนแบบไหนพวกพี่เขา บอกว่าพี่แพทตี้เป็นคนน่ารัก โก๊ะๆ พอมาเจอ ตัวจริงเขาก็เป็นแบบนั้น
    ต้องทำความรู้จักทำยังไงเพราะไม่เคยร่วมงานกันมาก่อน แล้วยังต้องไปทำงานที่ต่างจังหวัดด้วยกันอีก
    ผมกับพี่แพทตี้ไม่ค่อยมีปัญหากันเท่าไหร่ เพราะว่าคนรอบตัวเราต่างรู้จักกัน ทำให้เราสามารถศึกษาจากคนรอบตัวเราว่า เขาเป็นยังไง ซึ่งจากที่ศึกษากับตัวเอง พี่แพทตี้เป็นคนง่ายๆ และในเรื่องของงาน เขาเป็นคนที่มีพื้นฐานการแสดง พี่เก่งอยู่แล้ว ทำให้การทำงานฉลุย
ความยากของบทไม้อยู่ที่ตรงไหน
    ในคาแรกเตอร์ ไม้จะมีความสามารถพิเศษ ในเรื่องของการเรียนรู้ อย่างเช่น การดูทีวี หรืออ่านหนังสือ เขาจะอ่านได้เร็ว และสามารถดูดข้อมูลมาได้ ทุกไดอะล็อก ที่เขาสงสัย รู้เรื่องของมนุษย์ ทำให้เขาพูดออกมาเป็นข้อมูล ซึ่งทําให้บทพูด จะยาวมาก แล้วจะไม่ใช่ภาษาที่พูดกันปกติ เช่น อัตราการเต้นของหัวใจ ต่อวินาที บลาๆๆๆ และด้วยความที่เป็นคำที่ไม่ได้เข้าปากเรา เราเลยต้องท่องจำให้ได้ ซึ่งทำให้เป็นเรื่องยากสำหรับบทนี้ เพราะว่าเราต้องพูดแบบนี้ทั้งเรื่อง

 

 

เปิดมุมมองของหนุ่มฮอต ‘เจเจ’  กับความดังที่ฉุดไม่อยู่

 

 


    ** เป็นปีรุ่งพุ่งแรง
    ปีที่ผ่านมาถือเป็นปีทองของเจเจก็ว่าได้

    สำหรับผมแล้ว รู้สึกว่าเรามา เพราะโชคช่วยมากกว่า แล้วก็ด้วยโอกาสที่ผู้ใหญ่หยิบยื่นให้ ผมว่าหลายๆ อย่างลงตัวมากขึ้น ในช่วงเมื่อปีที่แล้วทุกอย่างลงล็อก และอีกอย่างคือเราตั้งใจทำทุกอย่างที่ได้รับโอกาสมา ทำให้ทุกอย่างออกมาดีทั้งหมด คือไม่ใช่แค่ความตั้งใจของผมอย่างเดียว บวกกับโชคบวกกับโอกาส
    เข้ามาอยู่ในวงการบันเทิงเป็นยังไงบ้าง
    ถามว่าชีวิตเปลี่ยนไปจากเดิมเยอะไหม ก็เปลี่ยน แต่ก็ไม่ได้เยอะ เพราะด้วยพื้นฐานผมก็ทำงานมาตั้งแต่เด็กอยู่แล้ว และก็ย้ายมาอยู่กรุงเทพฯ คนเดียวมาเกือบ 2 ปีได้แล้ว ทำให้เราค่อนข้างแข็งแรงในการที่จะอยู่ในสังคมแบบนี้ ทั้งที่ปีแรกที่ย้ายมาอยู่กรุงเทพฯ คนเดียว ตอนนั้นผมดาวน์มาก โทรหาที่บ้านทุกวัน เพราะผมเหงา ตอนที่เข้ามาปีแรก ผมยังไม่ได้เข้านาดาว ผมไม่มีเพื่อนเลย มีเพื่อนแค่ที่มหาวิทยาลัย ตอนนั้นผมเรียนม.รังสิต แล้วคอนโดของผมอยู่แถวๆ จตุจักร ซึ่งพอเลิกเรียนปุ๊บ ผมก็กลับคอนโดเลย ทำให้ไม่มีเวลาได้อยู่กับเพื่อน ทำให้ผมเหงา
    ขอถามในเรื่องนามสกุล เพราะคนค่อนข้างจะจับจ้อง กับนามสกุลพิบูลสงคราม ของเจเจ
    มีคนมองเรื่องของนามสกุลผมเยอะเหมือนกัน แต่ถามว่า ผมกดดันไหม ก็ไม่นะ เรียกว่าไม่ค่อยก็ได้ แต่ยอมรับ ว่ามีคนถามเรื่องของนามสกุลผมเยอะมาก ผมก็บอกไปตามตรง ว่าผมเป็นเหลน
    เจเจมองว่านามสกุลเป็นเครื่องปูทางให้ได้รับความสนใจไหม
    ผมว่าก็อาจจะมีส่วน แต่คนไม่ได้จำนามสกุลผมได้มากกว่าชื่อของผมนะ คนจำตัวผมได้มากกว่านามสกุล คนไม่ได้โฟกัสว่านามสกุลผม คือนามสกุลอะไรในตอนนี้นะ แต่เมื่อก่อน ก็อาจจะมีบ้าง

 

 

เปิดมุมมองของหนุ่มฮอต ‘เจเจ’  กับความดังที่ฉุดไม่อยู่

 


    **ความรักของเจเจ
    ถามถึงเรื่องราวของความรักบ้าง

    ก็ดี (หัวเราะ) คบกันยังไม่ถึงปี ยอมรับว่าช่วงแรกๆ ที่คบกัน ก็มีข่าวต่างๆ นานาออกมา ซึ่งถ้าเอาจริงๆ นะ ตั้งแต่คบกันมา ก็เป็นช่วงที่แฮปปี้เกือบตลอด ก็ไม่มีที่ถึงขั้นจะเลิกกันไม่มีเลย
    แต่มีข่าวลือออกมาตลอดว่าคู่เจเจกับ “ต้าเหนิง” (กัญญาวีร์ สองเมือง) เลิกกัน
    ใช่ มีข่าวออกมาตลอด แต่ก็ไม่มี ที่เลิกกันจริงๆ ถามว่า ผมรับมือกับเรื่องนี้ยังไง ก็ไม่ได้รับมือยังไงนะ ก็ปล่อยไป ไม่ได้เอากลับมาคิด เอาจริงๆ นะ ผมเป็นคนแยกไม่ออกระหว่างเรื่องของการทำงาน กับเรื่องของความรัก ในบางทีผมก็เอาทั้งสองเรื่อง มาปนๆ กันบ้าง
    เวลามีข่าวในทางลบออกมา ใครเครียดมากกว่ากัน
    จริงๆ ไม่ค่อยคุยกันเรื่องข่าว อย่างเช่นมีข่าวว่าเลิกกัน ซึ่งเรายังคบกันอยู่ ก็เลยไม่รู้จะมาคุยกันยังไง แล้วอีกอย่าง เราต่างก็มีหน้าที่ความรับผิดชอบ ในเรื่องของงาน เรื่องของการเรียน ก็เลยไม่ค่อยมีเวลา ที่จะมานั่งติดตามข่าวสารอะไรอยู่แล้ว ส่วนใหญ่จะรู้ว่ามีข่าวอะไร ก็ตอนพี่ๆ สื่อมาสัมภาษณ์ หรือเป็นประเด็นในโลกโซเชียล แล้วแท็กมาหาเราเยอะๆ นั่นแหละถึงจะรู้ ซึ่งทุกครั้งที่มีข่าว เราก็จะตอบในความเป็นจริง ว่าเกิดอะไรขึ้นบ้าง
    นี่แหละหนุ่มฮอตที่ชื่อ “เจเจ”