
เปิดมุมมอง 'โทนี่ จา' ในวงการฮอลลีวู้ด
เป็นนักแสดงชื่อดังที่ได้ไปโกอินเตอร์ไกล โด่งดังถึงฮอลลีวู้ด สำหรับ โทนี่ จา
จาพนม ยีรัมย์ ก่อนหน้านี้มีผลงาน “ฟาสต์ แอนด์ ฟิวเรียส : เร็ว แรงทะลุนรก 7” มาแล้ว ล่าสุดกับภาพยนตร์ฟอร์มยักษ์ อย่าง “xXx : Return of Xander Cage (ทริปเปิ้ลเอ็กซ์ : ทลายแผนยึดโลก)” ที่จารับบทเป็น “ทาลอน” ผู้สื่อข่าวได้มีโอกาสพูดคุยกับเขากับบทบาทใหม่
ในเรื่อง “ทริปเปิ้ลเอ็กซ์” เป็นอย่างไรบ้าง
ภาคแรกเขาทำไว้ได้ดีเลย มันรวมสปอร์ตของกีฬาเอ็กซ์ตรีม แต่มาในภาคนี้เปลี่ยนไป มันรวมกับนักแสดงเอเชีย ซึ่งมีผมด้วย มันเป็นแบบใหม่ ที่รวบรวมสิ่งที่ดีๆ เรื่องนี้สนุกดี เป็นสิ่งที่น่าภาคภูมิใจมากกว่าที่เราเป็นคนไทยได้มีโอกาสร่วมเล่นหนังฟอร์มใหญ่ขนาดนี้ ที่สำคัญที่สุดได้นำศิลปะแม่ไม้มวยไทยไปเผยแพร่ตรงนั้น กับวิน ดีเซล และดอนนี่ เยน เราได้แลกเปลี่ยนทางมุมมองของภาพยนตร์ ทำยังไงจะพัฒนาหนังแอ็กชั่นให้กับคนดูที่ตั้งตารอ มีสิ่งใหม่ๆ ความบันเทิงต่างๆ ที่เราใส่เข้าไปในภาพยนตร์ ถือว่าเป็นประสบการณ์ที่ดีได้ไปร่วมเล่นกับดาราคุณภาพหลายๆ ท่าน ไม่ว่าจะเป็น วิน ดีเซล, ดอนนี่ เยน, ดีพิกา, คริส วู, รูบี้ โรส ฯลฯ
ได้ออกแบบท่าทางเองด้วยเป็นอย่างไรบ้าง
คือเขามีในหัวอยู่แล้ว มีให้เราไปเวิร์กช็อป แต่หลังจากนั้นเราไปดูว่า เราจะเพิ่มเติมอะไร ทีมงานเขาค่อนข้างที่จะเปิดให้เรา เขาอยากให้เราคงรักษาไว้ อะไรที่เป็นหมัดเท้าข้อศอกของเรา มวยไทย เราก็ได้ร่วมดีไซน์ท่า เอาเป็นว่าท่าเข่าลอย เขาเซตฉากอลังการเพื่อให้เราไปอยู่ในฉากนั้นคิดดูสิ เราก็จัดท่าอะไรที่เป็นเอกลักษณ์ ที่คนจดจำ มันจะเป็นภาพจำ ผมได้มีโอกาสได้ใช้แม่ไม้มวยไทยเต็มที่
มีวิธีการฟิตแอนด์เฟิร์มของจา
มีไปเข้าคอร์สกับเพื่อน เข้ายิม อย่างเช่นการจะใช้กล้ามเนื้อในการกระโดด เขาให้ผมกระโดดสูงมาก โดยไม่ต้องใช้สลิง ไม่ใช้ซีจี เพราะเขาเห็นผมใน “องค์บาก” เขาเลยอยากได้แบบนั้น เราเลยจัดให้ แต่สถานที่ถ่ายทำ คือที่ โตรอนโต แคนาดา อากาศเปลี่ยน ทุกสิ่งทุกอย่างมันกดดันเรา อากาศติดลบ 22 องศา เราต้องคอยอบอุ่นร่างกาย ไม่อย่างนั้นกล้ามเนื้อเรามันไม่ได้ เพราะกล้ามเนื้อเราหดตัว เวลาที่อากาศหนาว ถามว่ามีอุบัติเหตุในกองบ้างไหม ไม่มี แต่ว่ากล้ามเนื้อมี เพราะว่าเราเจอสภาพอากาศแบบนั้น พอกระโดดแรง กระชาก กล้ามเนื้อก็ฉีก แต่พอดีว่าผมมีเพื่อนที่อยู่ที่นั่นเขาก็พาแนะนำไปหาหมอ และต้องดูเรื่องการกินอาหาร
ประทับใจซีนไหนเป็นพิเศษ
ที่จริงแล้วทุกซีน เพราะว่าทุกซีนที่เขาเซตขึ้นมา มันเม็ดเงินทั้งนั้น ใช้เงินมหาศาล ถ่ายทำทั้งหมด 8 เดือน ของผมไปถ่ายอยู่ 4 เดือน ถามว่าในเรื่องต้องสู้กับใครบ้าง อันนี้ต้องเก็บ (ยิ้ม)
ทำไมถึงได้รับฉายา “Rooster ไก่”
มันมีความปราดเปรียว แล้วมันจิก แสบๆ กวนๆ และด้วยชุดคอสตูมของเรา คาแรกเตอร์ของเราที่มีเต้น เพราะผมได้ไปเต้นให้เขาดู ไปรำ ไปเซิ้ง เราดีไซน์ให้เขาดู บอกเขาว่า นี่คือท่าไก่ของเมืองไทยนะ ท่าตบหมัดผ่า กระพือปีก แล้วใช้ศอก เขาเลยตั้งฉายาให้ แล้วเครื่องแต่งกายคอสตูมเราสีแดง มีหงอนอีก มันก็แปลก เขาสร้างคาแรกเตอร์ให้เรา ทำให้มันมีอะไรที่มันน่าสนใจ
มีชวนนักแสดงในเรื่อง อย่าง “วิน ดีเซล” มาเที่ยวเมืองไทยบ้างไหม
มีชวนนะ เขาบอกว่าชอบอาหารไทย อยากมาเที่ยวเมืองไทยนะ ถ้าเขามีโอกาสมาทางเอเชีย เขาก็อยากจะมาเที่ยว
ต้องมีไปร่วมโปรโมทอย่างไรบ้าง
ผมมีไปวันที่ 9 มกราคมนี้ มีไปที่ลอนดอน ประเทศอังกฤษ และมีรอบพรีเมียร์ที่เปิดตัววันที่ 19 มกราคม ผมจะไปที่ฮอลลีวู้ด
มีแลกเปลี่ยนศิลปะการต่อสู้ กับ “ดอนนี่ เยน” บ้างไหม
มีไปดูหนังด้วยกัน เขาเรียกว่าไปดูมุมมองของการทำหนังแอ็กชั่น อย่างเช่นว่า อันนี้มันยังไม่ใหม่นะ ต้องมีอะไรใหม่ๆ ให้คนดู เหมือนกับ องค์บาก ที่มันใหม่ หนัง กังฟู ที่มันใหม่ ยิปมัน มันก็เป็นสไตล์ของ ดอนนี่ เยน มันต้องหาอะไรใหม่ๆ ที่เหมือนเราได้ดูไปด้วย ได้เสพไปด้วย คนดูดูแล้วก็น่าจะสนใจไปกับเรา
ได้มีการคุยถึงโปรเจกท์หนังเอเชียกันบ้างไหม
มีคุยนะ หลายๆ เรื่อง เขาเรียกว่าเป็นมุมมองของการทำหนังแอ็กชั่น เผื่อได้มีโอกาส อาจจะมีบทสักบท หรือสักเรื่องอะไรอย่างนี้ที่มันมีแลกเปลี่ยนทางวัฒนธรรมกัน เป็นศิลปะมวยไทย มวยจีนอะไรพวกนี้ คือมีแนวทางที่เป็นไปได้
มองบทบาทในฮอลลีวู้ดอย่างไรบ้าง
มันเป็นการก้าวขึ้นไปทีละสเต็ป เราต้องค่อยๆ เดินต่อไป อย่างเช่นเราไปในวันนี้ มันก็เป็นการสร้างกระแส เป็นผลพวงให้คนเจเนอเรชั่นใหม่มองเห็นว่าสามารถไปได้นะ สามารถไปอยู่ตรงนั้นได้ ถ้าเรามีความตั้งใจ ถ้าเรากล้าที่จะไปทำในสิ่งที่เราทำ ที่เราฝัน
โปรเจกท์ต่อจากนี้
ปีหน้าเดี๋ยวมี แต่ตอนนี้ทางโปรดิวเซอร์ให้บอกได้แค่ว่า เราโอเค แต่ยังไม่ได้ตกลงกัน ตอนนี้ผมดูทางเรื่องบทอะไรด้วย คือเรามีคนดูบทให้ว่ามันตรงกับคาแรกเตอร์เราไหม เราชอบไหมในส่วนนี้ มันเป็นระบบ ผู้จัดการจะช่วยดู ทางบริษัทเอเย่นต์ช่วยดู
เรื่องภาษาอังกฤษตอนนี้แม่น เป๊ะหรือยัง
มันต้องเรื่อยๆ เพราะเราก็ต้องพูด ถ้าเกิดว่าเราไม่พูดบางทีมันก็ลืม บางทีมันไม่ได้เหมือนกับ “ภาษาบ้านเฮา” (ยิ้ม) พอไปอยู่ที่โน่นเราก็ต้องเรียนรู้ อยู่ที่โน่นก็พูดภาษาอังกฤษ
พอใจกับก้าวที่ไปในวงการฮอลลีวู้มากน้อยแค่ไหน
ภูมิใจ เพราะก้าวไปถึงจุดนั้นมันเวิลด์ไวด์ คนดูกันทั่วโลก คนได้รู้ว่าเรามาจากไหน เรามาจากประเทศไทยนี่แหละที่สำคัญที่สุด เรากินอาหารไทย เราได้การติดต่อกับเพื่อนว่า มาถ่ายหนังที่เมืองไทยหน่อย เป็นทูตไปในตัว อย่าง ดอนนี่ เยน เขาชอบเมืองไทย เขาชอบคนไทย เพราะว่าเขามาแล้วเขารู้สึกอบอุ่น เหมือนกับเป็นเพื่อนเป็นครอบครัวเราก็ไปให้ความรู้สึกกับเขาแบบนั้น ทั้งวิน ดีเซล ทั้ง ดีพิกา เป็นเพื่อน เป็นครอบครัว หลายคนเคยมาไทย ถ้ามีโอกาสเขาบอกว่าเดี๋ยวมาเที่ยวอีก มีการแลกเปลี่ยนร้องเพลงกัน คริส วู ก็ร้องเพลง ผมก็ร้องเพลง “ไสว่าสิบ่ถิ่มกัน”
รู้สึกว่าตัวเราเองเปลี่ยนไปไหม
ผมคงได้ไปมองเห็นอะไรมาเยอะ ไปเห็นวัฒนธรรม วิธีการคิดของเขา และได้แลกเปลี่ยนการพูดคุย การสนทนากับเพื่อนๆ เราก็ได้รับคำแนะนำจากเพื่อนๆ เราก็ได้แนะนำ ว่าภาษาเราเป็นอย่างนี้นะ ธรรมเนียมเราเป็นอย่างนี้นะ แลกเปลี่ยนทางมุมมองกัน เพราะเราก็รักหนังเหมือนกัน เรารักหนังแอ็กชั่น เรามองว่าเราควรทำอะไรให้กับคนดูที่ชอบเรา และใส่อะไรเข้าไปว่าเราแอ็กชั่นไปเพื่ออะไร
เมื่อไหร่จะกลับมาเล่นหนังไทย
เมื่อเขาติดต่อผมมา ถามว่าอยากเล่นไหม คือ ตอนนี้มันก็อยู่ที่เรื่องของเวลาที่เราจัดสรร ทางโน้นเขาจะม่ีเวลาไทม์ไลน์ของเรา ว่าเราจะมีกี่เรื่อง แต่แน่นอนว่า หนังไทยเป็นสิ่งที่เราต้องการที่จะอยากทำ ผมก็อยากที่จะพัฒนาหนังไทย ถามว่าอยากจะทำหนังเองไหม มันไม่ใช่ว่าผมจะกำกับก็ได้ แต่มันอยู่ที่ทุกสิ่งทุกอย่างพร้อม ใจเราคือ ทุกฝ่ายมาคุยกัน ระดับผู้บริหาร หรือว่ารัฐบาล ผู้ที่สนับสนุนมาคุยกัน
ผมก็อยากฝากถึงแฟนๆ ชาวไทย อาราธนา ปีใหม่ ปีไก่นี้ สิ่งศักดิ์สิทธิ์ ทั่วฟ้าเมืองไทย ทั่วสากลในโลกนี้ จงยึดมั่นในความดี และตามรอยของในหลวงรัชกาลที่ 9 เพราะท่านทำไว้หมดแล้ว ผมว่านี่คือพรปีใหม่อันศักดิ์สิทธิ์ ท่านได้วางรากฐานตรงนี้ไว้หมดแล้ว ขอให้แฟนๆ หนังทุกคนมีความสุขกับปีใหม่ และชื่นชอบหนัง ไม่ว่าจะหนังอะไร ขอให้มีความสุขกับการได้รับชมตรงนั้น ในส่วนของผม ผมก็แสดงหนังและถ่ายทอดในสิ่งที่ผมมีอยู่ก็คือแม่ไม้มวยไทยนี่แหละ อยากให้เชียร์กัน อยากให้สนันสนุนกัน ก็ถ้าเกิดว่ามี “ทาลอน” ออกมาฉากไหน อยากให้ส่งเสียงเชียร์กัน ร้องเป็นไก่กระต๊ากกันในโรงเลย
ติดตามผลงานของเขาได้ 19 มกราคมนี้ ในโรงภาพยนตร์