
จับตา "ละครดัง" ปีไก่ทอง ลองดูเรื่องไหนเข้าวินชิงเรตติ้ง!!
จับตาละครช่อง "3-7-ONE31" เรื่องไหน ปัง ดัง เปรี้ยง!! ใน "ปีไก่ทอง" !!!
คอละครเตรียมเฮ เพราะช่องดังหลากหลายต่างพากันขนละครแนวต่างๆมาเกทับบลั๊ฟแหลกกันอย่างดุเดือด หวังชิงเรตติ้ง งานนี้ “บันเทิง คมชัดลึก” ได้รวบรวมปังของช่องต่างมาให้ดูกันพอสังเขป
ประเดิมด้วยวิกหนองแขม ที่ประเดิมด้วยละครดราม่าสุดเข้มข้มเรื่อง “คลื่นชีวิต” ของ “ดา” หทัยรัตน์ อมตวณิชย์ ที่ได้พระเอกนางเอกแถวหน้า “หมาก” ปริญ สุภารัตน์ มาปะทะอารมณ์กับ “ญาญ่า” อุรัสยา เสปอร์บันด์ ซึ่งก่อนหน้านี้ทั้งคู่เคยร่วมงานกันจากละครเรื่อง “4หัวใจแห่งขุนเขา” เมื่อหลายปีก่อน
ละครเรื่อง “คลื่นชีวิต” จากบทประพันธ์ของกรุง ญ ฉัตร และถูกนำมาสร้างเป็นละครโทรทัศน์ออกอากาศทางสถานีโทรทัศน์ไทยทีวีสีช่อง 3 ถึงสามครั้ง ครั้งแรกในปี 2526 โดยใช้ชื่อเรื่องว่า "คลื่นเสน่หา" นำแสดงโดย “ตู่” นพพล โกมารชุน และ “ตั๊ก” มยุรา เศวตศิลา ครั้งที่สอง ในปี 2537 นำแสดงโดยจอนนี่ แอนโฟเน่ และ “นก” จริยา แอนโฟเน่ ส่วนครั้งล่าสุดนี้ ได้ “หมาก” ปริญ มารับบท สาธิต “ญาญ่า” อุรัสยา รับบทเป็น จีราวัจน์ (จี) กำกับการแสดงโดยผู้กำกับมากฝีมือ “แอ้ว” อำไพพร จิตติ์ไม่งง
ละครนี้ถือว่าเป็นการพลิกบทบาทการแสดงครั้งสำคัญ ของนางเอกสาวสายแบ๊ว “ญาญ่า” เพราะที่ผ่านมาสาวญาญ่ามักจะได้รับแสดงละครแนวสดใส มองโลกในแง่ดี หรือจะเป็นแนวพ่อแง่แม่งอน ดราม่าบ้างประปราย ทว่าใน “คลื่นชีวิต” สาว “ญาญ่า” แสดงเป็น จีราวัจน์ หรือ “จี” ดาราสาวที่เข้าวงการและมีชื่อเสียงด้วยฝีมือการแสดงและข่าวฉาวกับหนุ่มทั้งนอกและในวงการ รวมทั้งนิสัยพูดตรง ถ้าไม่ผิด ก็พร้อมกล้าท้าชนโดยไม่สนใจหน้าไหน จนโดนใครต่อใครตราหน้าว่าจีราวัจน์เป็นผู้หญิงแรง กร้านโลก และง่าย เพราะฉะนั้น “แอ้ว” ผู้กำกับจึงต้องปรับลุคของญาญ่าให้เซ็กซี่ ดุเด็ด และเร้าร้อนให้เพื่อเป็น “จีราวัจน์” ได้อย่างสมบูรณ์แบบ รวมไปถึงหมากพระเอกของเรื่องที่ต้องถ่ายทอดอารมณ์ต่างๆ ให้ออกมาสมจริงที่สุด เรื่องนี้นอกจากจะเป็นการวัดฝีมือของญาญ่า ว่าจะสามารถขึ้นมาผงาดกับบทสุดท้าทายนี้แล้ว ยังเป็นเรื่องที่จะพิสูจนฺ์ความสามารถของ หมาก อีกด้วย เนื่องเพราะเรื่องนี้บท “พระ” ก็มีความเข้มข้น ไม่ได้ด้อยน้อยไปกว่าบท “นาง” เลยแม้แต่น้อย
ต่อด้วยเรื่องที่ 2 ที่น่าจับตามองไม่แพ้กันเรื่อง “บุพเพสันนิวาส” ของค่ายบรอดคาซท์ไทยเทเลวิชั่น เรื่องนี้เป็นบทประพันธ์ของ “รอมแพง” และยังได้มือเขียนบทละครโทรทัศน์ขั้นเทพอย่าง “แดง” ศัลยา สุขะนิวัตติ์ กำกับการแสดงโดย “ใหม่” ภวัต พนังคศิริ พร้อมทั้งยังได้สาว “เบลล่า” ราณี แคมเปน มารับเป็น 2 ตัวละคร แม่หญิงการะเกด และ เกศสุรางค์ “โป๊ป” ธนวรรธน์ วรรธนะภูติ รับบทเป็นหมื่นสุนทรเทวา / ขุนศรีวิศาลวาจา (พ่อเดช)
ความน่าสนใจของละครเรื่องนี้ อยู่ตรงที่การดำเนินเรื่องต่างๆ ในรัชสมัยสมเด็จพระนารายณ์มหาราช แห่งกรุงศรีอยุธยา ซึ่งโดยส่วนใหญ่ไม่ค่อยม่ีละครที่นำเอานวนิยายที่พูดถึงความรุ่งเรืองในยุคสมัยนี้มาทำออกมาให้เห็นมากนัก บรรดาคอนวนิยายต่างลงความเห็นเป็นเสียงเดียวกันว่า เรื่อง “บุพเพสันนิวาส” เป็นนวนิยายที่น่าติดตามเรื่องหนึ่ง ดังนั้น ทางบรอดคาซท์ จะต้องเนรมิตเรื่องราวทางประวัติศาสตร์ที่มีความสำคัญในยุคนั้นออกมาให้ได้มากที่สุด
ความน่าสนใจของเรื่องนี้ ยังอยู่ในตัวของนางเอกของเรื่อง อย่าง “เบลล่า” ราณี ที่ต้องแสดงเป็นถึง 2 ตัวละคร และมีความแตกต่างกันอย่างสิ้นเชิง ทั้งในเรื่องของลักษณะนิสัย รวมไปถึงยุคสมัยอีกด้วย โดยละครตัวแรกที่เบลล่าแสดงคือ เกศสุรางค์ ตัวละครในยุคปัจจุบันที่ถูกสร้างให้เป็นสาวอ้วน แต่มองโลกในแง่ดี เพื่อให้ทุกอย่างสมจริงตามบทประพันธ์ ทางบรอดคาซท์ถึงหล่อหุ่นอ้วนให้เบลล่า เพื่อให้สมกับการเป็นเกศสุรางค์ อีกบทบาทที่เบลล่ารับก็คือ แม่หญิงการะเกด หญิงสาวที่เกิดในยุคพระนารายณ์ สาวสวยแต่จิตใจร้ายกาจถึงขั้นสั่งฆ่าคนที่ตัวเองไม่ปลื้มได้ เรียกว่าบทหนักตกเป็นของเบลล่าจริงๆ
มาถึงละครรีเมกแถมยังเป็นพีเรียด ที่หลายคนจับตามองไม่แพ้กัน นั่นก็คือเรื่อง “รากนครา” ของค่ายแอคอาร์ต เจเนเรชั่น ในเวอร์ชั่นนี้ ได้มืือเขียนบทอย่าง “ยุ่น” ยิ่งยศ ปัญญา ส่วนผู้กำกับตกเป็นของ “อ๊อฟ” พงษ์พัฒน์ วชิรบรรจง ผู้มีลายเซ็นว่ากำกับเรื่องไหน ดังระเบิดระเบ้อ บทพิสูจน์มาจากเรื่องนาคี ทองเนื้อเก้า เมื่อดอกรักบาน ฯลฯ ทั้งนี้ยังได้ 3 นักแสดงสุดปังอย่าง “หมาก” ปริญ รับบทเป็น เจ้าศุขวงศ์ “แต้ว” ณฐพร เตมีรักษ์ รับบทเป็น "เจ้าแม้นเมือง“ และ “มิว” นิษฐา จิรยั่งยืน รับบท ”เจ้ามิ่งหล้า"
จุดความน่าสนใจของเรื่อง “รากนครา” นอกจากความละเมียดละไม ในการทำงานของ “อ๊อฟ” แล้ว เรื่องภาพที่ผู้กำกับต้องถ่ายทอดออกมาให้ดูสมจริงมากที่สุด เนื่องจากเนื้อหาอิงประวัติศาสตร์ดินแดนล้านนาหัวเมืองเหนือของสยามในสมัยรัชกาลที่ 5 ดังนั้นเสื้่อผ้าหน้าผมของเหล่านักแสดงต้องอิงในยุคสมัยนั้น ความสวยงามจึงต้องเจิดจรัสอย่างมาก
รวมไปถึงการที่ละครเรืิืิ่องนี้ได้นำนักแสดงแม่เหล็ก อย่างหมาก แต้ว และมิวมาอยู่แสดงด้วยกัน ทุกตัวละครมีความสำคัญไม่ยิ่งหย่อนไปกว่ากัน โดยเฉพาะมิว ที่ต้องมาพลิกบทบาทการแสดงเป็นครั้งแรก ในบทของ “เจ้ามิ่งหล้า” หญิงสาวใจร้อน เอาแต่ใจ คิดเอาแต่ตัวเองเป็นใหญ่ ต้องเป็นที่หนึ่งเสมอ จนเกิดความเปลี่ยนแปลงครั้งใหญ่ในชีวิต นอกจากนี้ยังเป็นการเปิดตัว “นิว” ชัยพล พูพาร์ต นักแสดงอิสระหมาดๆ ฝีมือดี จากค่ายเอ็กแซ็กท์ ที่มาประเดิมการแสดงให้แก่ช่อง 3 ในบทของ “เจ้าอุปราชหน่อเมือง” พี่ชายของเจ้าหญิงแม้นเมือง
ขยับมาที่เรื่อง “ระเริงไฟ” ของทาง “หน่อย” บุษกร วงศ์พัวพันธ์ กำกับการแสดง “โอ๋” กฤษฎา เตชะนิโลบล ความน่าสนใจเรื่องนี้ ประเดิมมาตัั้งแต่ตัวของนางเอกของเรื่องเลยดีกว่า ที่ตอนแรกได้สาว “ชมพู่” อารยา เอ ฮาร์เก็ต รับบทญาดา กลับมาแสดงคู่กับพระเอกเบอร์หนึิ่งของค่าย “เคน” ธีรเดช รับบท ชาคริต และการที่ได้ “โอ๋” กฤษฎา มากำกับ ทำให้หลายคนจับตามองเรืื่องการทำงานด้านกำกับของโอ๋ท่ี่มีกระแสข่าวมากมายในเรื่องความใจร้อนที่นัักแสดงหลายคนหวาดหวั่น กระทั่งมีการเปลี่ยนตัวเนื่องจาก “ชมพู่” แคนเซิลละครกะทันหัน เนื่องจากตั้งท้อง ทว่าลูกหลุด
เมื่อการเปลี่ยนตัวนักแสดงปุ๊บ ละครเรื่อง “ระเริงไฟ” ยิ่งได้รับความสนใจมากขึ้นเป็นเงาตามตัว เพราะหน้าละครเปลี่ยนไปทันที เนื่องจากเป็นการทำงานร่วมกันครั้งแรกของ “เคน” และ “นุ่น” วรนุช ภิรมย์ภักดี เจ้าแม่ละครดราม่าตัวจริงแห่งวงการ จุดเด่นของละครเรื่องที่น่าจับตามอง คือการเชือดเฉือนอารมณ์รักและแค้นของพระเอกนางเอกในเรื่องนี้
มาถึงเรื่อง “เพลิงบุญ” ของ “จ๋า” ยศสินี ณ นคร ที่ขอปัดฝุ่นละครเก่าของ “จิ๋ม” มยุรฉัตร เหมือนประสิทธิเวช แม่ของตัวเองที่สร้างไว้เมื่อปี 2539 โดยในปีนี้ได้ “เบลล่า” ราณี มารับบทเป็น “พิมาลา” เจนี่ เทียนโพธิ์สุวรรณ์ รับบทเป็น “ใจเริง” และการคว้าตัวพระเอกแถวหน้าช่องวัน อย่าง “ป้อง” ณวัฒน์ กุลรัตนรักษ์ รับบท ฤกษ์
ความเข้มข้นเรื่องนี้ หนีไม่พ้นเรื่องราวรักสามเส้า ระหว่าง 2 สาวที่เป็นเพื่อนรักกันมาตั้งแต่เล็ก และอีกหนึ่งหนุ่มที่กลายเป็นตัวแปรของเรื่อง ส่วนความแซบที่ขนพริกมาทั้งสวน หนีไม่พ้นตัวละครอย่าง “ใจเริง” ที่ได้ เจนี่มาสวมบทบาท เชื่อมั่นว่านางเอกสาวจะสามารถถ่ายทอดบทสาวมั่นโลกตะลึงได้อย่างไร้ที่ติ คุ้มค่ากับการรอคอย
ย้ายมาส่องละครปังของช่องวันกันบ้าง ประเดิมด้วยเรื่อง “แต่ปางก่อน” นวนิยายไทยแนวย้อนยุค-ข้ามเวลา ที่สร้างจากบทประพันธ์ของแก้วเก้า มีการสร้างเป็นละครโทรทัศน์มาแล้วถึงสองครั้ง คือ ในปี 2530 และปี 2548 ออกอากาศทางช่อง 3 ในเวอร์ชั่นช่องวัน ได้ “สน” ยุกต์ ส่งไพศาล มารับบท หม่อมเจ้ารังสิธร / หม่อมหลวงจิราคม “วิว” วรรณรท สนธิไชย รับบท เจ้านางม่านแก้ว / ราชาวดี / อันตรา “บี” น้ำทิพย์ จงรัชตวิบูลย์ รับบทหม่อมเจ้าหญิงวิไลเลขา (ท่านหญิงแต้) กำกับการแสดงโดย สันต์ ศรีแก้วหล่อบทละครโทรทัศน์ “ยุ่น” ยิ่งยศ
ความกลมกล่อมของละครเรื่องนี้อยู่ตรงที่ได้สันต์มากำกับการแสดง เพราะสันต์ถือว่าเป็นผู้กำกับมือทองของทางช่องวัน ที่การันตีเลยว่ากำกับเรื่องไหน เรื่องนั้นปังหมด ไมว่าจะเป็นพิษสวาท อีสา ชิงชัง แก้วลืิมคอน ฯลฯ นอกจากนี้ยังเป็นการกลับมาเจอกันอีกครั้งของคู่จิ้นของทางเอ็กแซ็กท์ สนและวิวที่เจอกันครั้งล่าสุดคือเรื่อง “สาวน้อย” ทั้งนี้ยังจะได้เห็นการแสดงสุดท็อปฟอร์มของ “บี” น้ำทิพย์ ที่มีพัฒนาการตัวละครตั้งแต่สาวจนแก่อีกด้วย
มาถึงเรื่อง “ชีวิตเพื่อฆ่า หัวใจเพื่อเธอ” ละครดังในอดีตของเอ็กแซ็กท์ที่ขอปัดฝุ่นกลับมาสร้างใหม่ โดยให้ “โขม” ก้องเกีรยติ โขมศิริ ผู้กำกับแนวบู๊มือฉมัง สร้างตำนานรักบทใหม่ของ “เจษ” เจษฎ์พิพัฒ ติละพรพัฒน์ รับบท วายุมือปืน รับจ้างไร้สังกัด กับ “โม” มนชนก แสงฉายเพียงเพ็ญ ในบทของ ภาวรินทร์ อาร์ติสสาวลูกคุณหนู และยิ่งไปกว่านั้นเรื่องนี้เป็นการพลิกบทบาทการแสดงครั้งแรกในชีวิตของ วิลลี่ แมคอินทอช ที่ขอเป็นตัวร้ายเต็มพิกัด
ขยับมาที่เรื่อง “ราชีนีหมอลำ” ที่ “ป้อน” นิพนธ์ ผิวเณร บิ๊กบอสช่องวัน เอ่ยปากการันตีในความสามารถด้านการแสดงของ “หนูนา” หนึ่งธิดา โสภณ ในบทของคำนาง นางเอกของเรื่องสามารถ่ายทอดอารมณ์ด้านการแสดงได้ออกมาอย่างมีเสน่ห์ จนน่าทิึ่ง รวมไปถึงนักแสดงร่วมอย่าง “กวาง” กมลชนก เขมะโยธิน นางเอกรุ่นใหญ่ฝีมือดีที่สู้ทนและฝึกซ้อมตัวเองให้สมกับการที่มารับบทของ พิณ ศรีศิลา (ดาราราย ประกายเพชร) นักร้องหมอลำ เรื่องนี้ความสนใจอยู่ตรงความดราม่าของแม่อย่างพิณและคำนาง ซึ่งทั้งกวางและหนูนาถือว่าเป็นนักแสดงเจ้าน้ำตาคนหนึ่งของวงการก็ว่าได้
ข้ามฟากมากันที่วิกหมอชิต อย่างช่อง 7 ยกให้ละครเรื่อง “เพลิงพระนาง” จากค่าย “กันตนา” ที่ได้รวบรวมตัวแม่ของวิกอย่าง “อั้ม” พัชราภา ไชยเชื้อ รับบท เจ้านางอนัญทิพย์ มาเชือดเฉือนกับ “ยุ้ย” จีรนันท์ มะโนแจ่ม รับบท พระมหาเทวีเจ้าเศกขระเทวี และ เคลลี่ ธนะพัฒน์ รับบท เจ้าเมืองคุ้ม แถมยังได้ “เหมียว” ชไมพร จตุรภุช ที่เคยแสดงไว้ในบทเดียวกับอั้ม แต่ครั้งนี้มารับบทเป็น เจ้าสำเภางาม (พระพันปีหลวง) เรียกว่าขนทัพความแซบกันมาเต็มเหนี่ยว
หากวิเคราะห์ความปังของเรื่องนี้อยู่ที่ตัวของ “อั้ม” นางเอกตัวแม่ของวิกหมอชิต ที่มารับบทดุเด็ดเผ็ดอย่างเจ้านางอนัญทิพย์ ตัวละครที่หัวใจเต็มไปด้วยความพยาบาทและต้องการแก้แค้น ซึ่งหลายต่อหลายคน เชื่อว่าสาวอั้มจะสอบผ่านบทบาทนี้แน่นอน ด้าน “ยุ้ย” ในบทของ พระมหาเทวีเจ้าเศกขระเทวี เจ้านางที่่น่าชื่นอกตรม และน่าสงสารที่สุดของเรื่อง เชื่อขนมกินได้เลยว่าบทเจ้านางเจ้าน้่ำตาของยุ้ยต้องเป็นที่พูดถึง รวมไปถึงฉากใหญ่ที่หลายคนจับตามอง คือการแห่เสลี่ยงของเหล่าเจ้านางที่ยังอยู่ในความทรงจำของใครหลายๆ คน ตามมาด้วยความปังของเรื่องเสื้อผ้าหน้าผมแต่ละชุดของตัวละครเรื่องนี้ที่สวยงามจับตา ถือว่าเป็นการจัดหนักของค่ายกันตนาเลยทีเดียว
แวะมาที่ละครสุดเร่าร้อนและแหกกฎศีลข้อ 3 กาเมสุมิจฉาจารา เวรมณี อย่างเรื่อง “น้ำเซาะทราย” ของค่าย “ดาราวิดีโอ” กำกับการแสดง “หลุยส์” สยาม สังวรบุตร ที่ได้คู่ขวัญใจอดีตกลับมาเจอกันอีกครั้ง “หนุ่ม ”ศรราม เทพพิทักษ์ รับบท ภีม “กบ”สุวนันท์ คงยิ่ง รับบทเป็น วรรณนรี ส่วนเมียน้อยสุดแซบอย่าง พุดกรองตกเป็นของ “เจี๊ยบ” โสภิิตนภา
ความแซบของเรื่องนี้น่าจะอยู่ตรงที่เมื่อภีมและพุดกรองต้องมาเจอกันและถ่ายทอดความลุ่มหลงซึ่งกันและกัน นอกจากนี้เมื่อตัวของวรรณนรี ที่ต้องถ่ายทอดความรู้สึกเจ็บปวดเมื่อรู้ความจริงว่า สามีนอกใจให้กับเพื่อนของตัวเองมาดูสิว่า ทั้ง 3 นักแสดงนำจะถ่ายทอดอารมณ์ดังกล่าวได้กินใจขนาดไหน!!
มาถึงละครรีเมกเรื่อง “นายฮ้อยทมิฬ” ของค่าย “พอดีคำ” ที่ได้ “ไมค์” ภัทรเดช สงวนความดี รับบท นายฮ้อยเคน ส่วน “ปุ๊กลุก” ฝนทิพย์ วัชรตระกูล รับบท คำแก้ว กำกับการแสดงโดย ธงชัย ประสงค์สันติ เสน่ห์ชวนติดตามของเรื่องนี้ อยู่ตรงที่ทางพอดีคำ การที่นักแสดงต้องพูดภาษาอีสานโบราณให้เข้ากับบรรยากาศของเรื่อง เนื้อหาที่เข้มข้นของการสู้ชีวิตของนายฮ้อยคนที่เดินทางคุมขบวนวัวและควายจากอำเภอสว่างแดนดินจ.สกลนคร เพื่อลงไปขายยังเมืองล่าง (กรุงเทพมหานคร) ซึ่งต้องฝ่าฟันกับกลุ่มโจรหลายกลุ่มจนมาถึงจุดหมายปลายทางได้ นอกจากนี้ยังมีนักแสดงลูกทุ่งชื่อดัง อย่าง ไมค์ ภิรมย์พร, ปอยฝ้าย มาลัยพร, ไผ่ พงศธร ร่วมแสดงอีกด้วย
ปิดท้ายด้วยละครเรื่อง “มายา” ของค่าย “โพลีพลัส” บทประพันธ์ของ ว.วินิจฉัยกุล ถูกสร้างเป็นละครโทรทัศน์มาแล้ว 3 ครั้ง ครั้งแรกในปี 2524 ทางช่อง 9 นำแสดงโดย อัศวิน รัตนประชา เดือนเต็ม สาลิตุล นวลปรางค์ ตรีชิต และอีก 2 ครั้ง สร้างทางสถานีโทรทัศน์สีกองทัพบกช่อง 7 โดยครั้งที่ 2 ในปี 2531 นำแสดงโดย “ถา” สถาพร นาควิไลโรจน์ “นิด” อรพรรณ พานทอง “โอ๋” อาภาพร กรทิพย์ “เหมียว” ชไมพร จตุรภุช อภิชาติ หาลำเจียก และในปี 2544 นำแสดงโดย “ตุ้ย” ธีรภัทร์ สัจจกุล “พิม” ซอนย่า คูลลิ่ง “มะหมี่” นภคประภา
ส่วนในเวอร์ชั่นล่าสุดของ ช่อง 7 ได้ “เป้” อารักษ์ อมรศุภศิริ รับบท รชานนท์ “ขวัญ” อุษามณี ไวทยานนท์ ในบทของ พิตะวัน กำกับการแสดง บุญชู พิทักษ์เลิศกุล ความน่าสนใจของเรื่องนี้อยู่ตรงที่การแสดงของ “ขวัญ” กับบท พิตะวัน ตัวละครที่ขาดความรัก ถูกเลี้ยงเป็นเหมือนของเล่นของหม่อมมณีฉาย ดังนั้นพิตะวันต้องพลักดันตัวเองให้อยู่เหนือคนอื่นๆ และตามหาพร้อมไขว่คว้าความรักจากผู้ชายหลายคน นอกจากนี้แล้วทางโพลีพลัส ยังขนเหล่านักแสดงนำของเรื่องไปถ่ายทำฉากต่างๆ ถึงประเทศอังกฤษอีกด้วย เพื่อให้สมจริงกับเนื้อหาของเรื่อง แหม! ช่างเข้าสูตร เนื้อหาแซบ ภาพสวยค่า



