บันเทิง

โลกใบนี้ดนตรีไทย / อาทิตย์ที่ 18 ธ.ค. 59

โลกใบนี้ดนตรีไทย / อาทิตย์ที่ 18 ธ.ค. 59

18 ธ.ค. 2559

ผู้เป่าปี่ประโคมยาม รัชกาลที่ 8 ตอน2

โดย อาจารย์ขุนอิน
    ต่อเนื่องจากฉบับที่แล้วหลังจากที่คุณลุงสมบัติ สุทิม ได้เรียนการเป่าปี่ในกับ ครูพุ่ม โตสง่า ได้อย่างรวดเร็วและชำนาญจนเป็นที่เลื่องลือในยุคนั้น ว่ามือปี่แห่งสำนักโตสง่ามีฝีมือการเป่าปี่แบบไร้เทียมทาน ด้วยชื่อเสียงอันเล่าลือของเด็กหนุ่มวัยเพียง 16 ปีจึงได้ถูกสำนักพระราชวังเรียกตัวเข้าไปเป็นคนเป่าปี่ประจำวงปี่ไฉนกลองชนะ ซึ่งตอนนั้นกำลังขาดคนเป่าปี่ไฉนอยู่พอดี แต่ก็เข้าไปเป็นในตำแหน่งลูกจ้างเนื่องจากอายุยังน้อย และในขณะนั้นสมเด็จพระเจ้าอยู่หัวอานันทมหิดล รัชกาลที่ 8 เสด็จสวรรคต คุณลุงสมบัติจึงได้มีโอกาสเป็นผู้เป่าปี่ไฉนประโคมพระบรมศพในพระบรมมหาราชวัง

โลกใบนี้ดนตรีไทย / อาทิตย์ที่ 18 ธ.ค. 59
    ลุงสมบัติเล่าให้ผมฟังว่าในยุคนั้นการประโคมยามจะมีถึง 3 นาฬิกาหรือตี 3 นั่นเอง พอ 6 โมงเช้าก็ถือเป็นย่ำรุ่ง ก็จะไม่มีพระราชพิธีประโคมยามโดยท่านจะเป็นผู้เป่าปี่ไฉนอยู่เพียงผู้เดียวและเมื่อถึงพระราชพิธีถวายพระเพลิงสมเด็จพระเจ้าอยู่หัว รัชกาลที่ 8 ณ พระเมรุมาศ คุณลุงสมบัติบอกผมว่า ในตอนนั้นจะใช้วงที่เรียกว่า กลองสี่ปี่หนึ่ง ในช่วงถวายพระเพลิง ท่านได้เป่าปี่ไปพร้อมๆ กับน้ำตาของท่านที่ไหลออกมา เสียงปี่ของท่านนั้นดังโหยหวนเศร้าสร้อยมาก จนผู้ที่อยู่ในบริเวณพระเมรุมาศต่างต้องหลั่งน้ำตากันทุกคน และต่อมาภายหลังจากนั้นคุณลุงสมบัติจึงได้เข้ารับราชการในสำนักพระราชวังตำแหน่งจ่าปี่ แต่ก็ยังคงพำนักพักพิงอยู่ที่สำนักปี่พาทย์ครูพุ่ม โตสง่า
    เมื่อปี พ.ศ. 2496 ครูพุ่ม โตสง่า ก็คือคุณปู่ของผมเสียชีวิตลง คุณลุงสมบัติ สุทิม ได้เล่าให้ผมฟังว่าสำนักปี่พาทย์หลังวัดบวรนิเวศนั้นแตกฉานซ่านเซ็นไม่มีใครที่จะรับช่วงต่อสำนักปี่พาทย์แห่งนี้ เนื่องจากลูกชายคนโตก็คือคุณลุงของผม ครูพัก โตสง่า ได้รับราชการกรมที่ดินเลิกตีปี่พาทย์ไปก่อนหน้านี้ ส่วนคุณพ่อผมก็มีอายุเพียงแค่ 14 ปี ด้วยคุณวุฒิวัยวุฒิตอนนั้นยังไม่สามารถควบคุมสำนักได้ และเนื่องจากลูกศิษย์ของครูพุ่ม โตสง่า ส่วนใหญ่นั้นมาจากต่างจังหวัด ดังนั้นก็เลยต้องแยกย้ายบ้านใครบ้านมัน เหลืออยู่เพียงคุณลุงสมบัติ สุทิม ซึ่งท่านเป็นชาวพระนครหรือกรุงเทพฯ ในยุคนั้นประกอบกับบิดาของท่านยังมีชีวิตอยู่และเปรียบเป็นเหมือนญาติ ดังนั้นคุณลุงสมบัติจึงยังอยู่ในบ้านโตสง่ากับคุณย่าและบุตรของครูพุ่ม ทั้ง 8 ท่าน
    คุณลุงสมบัติ สุทิม ได้อยู่กับ ครูสุพจน์ โตสง่า ก็คือคุณพ่อของผมเหมือนกับเป็นพี่เลี้ยง ที่สำคัญได้เป็นคนเป่าปี่ประจำตัวของคุณพ่อผม เรียกว่าไปไหนไปด้วยกัน และเมื่อคุณพ่อของผมได้เข้าไปเป็นศิษย์ในสำนักของคุณครูหลวงประดิษฐไพเราะ(ศร ศิลปบรรเลง) คุณลุงสมบัติก็ได้เข้าไปเป็นลูกศิษย์ด้วย และได้มีโอกาสเรียนเพลงเดี่ยวปี่ในจากครูหลวงประดิษฐไพเราะ ซึ่งถือว่าเป็นสำนักปี่พาทย์ที่มีความสนิทสนมกับครูพุ่ม โตสง่ามากที่สุด จึงไม่แปลกที่คุณลุงสมบัติจะมีฝีมือการเป่าปี่เก่งกาจที่สุดของยุคนั้น ว่ากันว่าท่านจะเป็นรองก็เพียงแค่ครูเทียบ คงลายทอง อยู่เพียงท่านเดียว
    หลังจากที่เข้าไปเป็นลูกศิษย์ในสำนักบ้านบาตรได้ไม่นาน ครูหลวงประดิษฐไพเราะก็เสียชีวิต คุณพ่อของผมก็ไปเรียนกับครูดนตรีไทยอีกหลายต่อหลายท่าน พอวิชาแก่กล้ามากขึ้นคุณพ่อของผมจึงได้กลับมารื้อฟื้นก่อตั้งสำนักปี่พาทย์โตสง่าขึ้นมาใหม่อีกครั้ง ส่วนคุณลุงสมบัติ สุทิม ได้ย้ายไปทำงานที่แผนกดุริยางค์ไทย กรมศิลปากร จึงได้เปลี่ยนนามสกุลเป็น นายสมบัติ เดชบรรลือ แต่ก็ยังคงไปมาหาสู่สำนักปี่พาทย์โตสง่าจนกระทั่งถึงรุ่นพวกผมที่ได้ฟังเรื่องเก่าๆ จากปากท่านในยามที่ท่านได้ร่ำสุรา จนท่านเสียชีวิตลงเมื่อปี พ.ศ.2522 และนี่ก็คือผู้ที่เป่าปี่ประโคมยามพระบรมศพ รัชกาลที่ 8 ซึ่งคือผลผลิตของสำนักปี่พาทย์โตสง่าในยุคก่อน ท้ายนี้สำนักปี่พาทย์โตสง่าในยุคของผมจะทำพิธีไหว้ครูประจำปีในวันพฤหัสบดีที่ 29 ธันวาคม 2559 ขอเชิญทุกท่านที่มีจิตศรัทธาต่อสำนักแห่งนี้ได้ในเวลา 09.00 น. รายละเอียดติดต่อได้ที่ เฟซบุ๊ก/แฟนเพจคณะศิษย์สุพจน์ โตสง่า นะครับ