บันเทิง

“สิ่งสำคัญคือต้องไม่หยุดพัฒนาตัวเอง”จากใจ“สน”ยุกต์

“สิ่งสำคัญคือต้องไม่หยุดพัฒนาตัวเอง”จากใจ“สน”ยุกต์

19 พ.ย. 2559

“สิ่งสำคัญคือต้องไม่หยุดพัฒนาตัวเอง”จากใจ “สน” ยุกต์ : บันเทิงวันเสาร์ เรื่อง... เสาวลักษณ์ ปึงทมวัฒนากูล  ภาพ...  วริศรา วุฒิกุล 

 

          เป็นนักแสดงหนุ่มที่มีผลงานมาให้ยลไม่ขาด สำหรับ “สนยุกต์ ส่งไพศาล และล่าสุดกับละครเรื่อง “ดวงใจพิสุทธิ์” ซึ่งเป็นครั้งแรกที่ได้แสดงร่วมกับ “แยม” มทิรา ตันติประสุต ซึ่ง “คม ชัด ลึก” ได้พูดคุยกับนักแสดงหนุ่ม ถึงเรื่องราวชีวิต รวมถึงผลงานในวงการบันเทิง


*** งานแสดงในตอนนี้ *** 
@ เล่าถึงผลงานเรื่องล่าสุด “ดวงใจพิสุทธิ์
          ตอนนี้มีละครเรื่อง ดวงใจพิสุทธิ์ ฟีดแบ็กก็ดี คนดูส่วนใหญ่ชมว่าเด็กเล่นเก่งมาก ละครดีและผมเล่นโอเค เป็นละครน้ำดีดูแล้วแฮปปี้ ซีรีส์เรื่องนี้ถ่ายทำเสร็จแล้ว 


@ เล่นละครรีเมกอีกแล้วกดดันไหม
          ผมเล่นละครรีเมกมาหลายเรื่องแล้ว ไม่เคยกดดัน เพราะผมไม่เคยดูเวอร์ชั่นเดิมเลย ทำให้เราไม่ได้เล่นตามใคร เราก็เล่นให้เป็นสไตล์ของเราไป ผมเชื่อว่าบทอาจจะมีการเปลี่ยนแปลงเพื่อให้ทันกับยุคสมัย ดังนั้นอาจจะไม่เหมือนเดิมสักเท่าไหร่ ด้วยยุคสมัยที่เปลี่ยนไป การแสดงที่เปลี่ยนไป ซึ่งบทที่ได้รับ ผมก็ตีความด้วยตัวผมเอง


@ เรื่องนี้ได้เล่นกับ “แยม” มทิรา ตันติประสุต เป็นอย่างไรบ้าง
          ก็ดี คือเขาก็พัฒนาขึ้นเยอะ จากเรื่องที่เราเคยเล่นด้วยกันก่อนหน้านี้ คือเคมีของเราเข้ากันง่าย คุยกันง่ายเพราะว่าเราสนิทกันอยู่แล้ว ก่อนหน้านี้ผมเคยเล่นละครด้วยกันก็เลยสนิทกัน ไม่มีปัญหาในการทำงาน เลยง่ายมาก เรื่องนี้ได้ร่วมงานกับน้องมาเรีย (ทิพย์รดา ไมเออร์)


*** ไลฟ์สไตล์แบบสน ***
@ ทำงานหนักแบ่งเวลาอย่างไร
          ต้องแบ่งเวลาให้ดีๆ เรื่องนอนเป็นเรื่องที่สำคัญมาก เพราะถ้าผมนอนไม่พอจะทำงานไม่ได้ ถ้ามีเวลาผมก็จะเน้นเรื่องนอนไว้ก่อน นอกจากนี้ก็มีออกกำลังกายบ้าง อย่างน้อยต้องออกกำลังกายสัปดาห์ละ 3 วัน และต้องเลือกกินอาหารที่มีประโยชน์ เพราะเราใช้ร่างกายหนักก็ต้องดูแลตัวเองนิดหนึ่ง


@ หลายคนมองว่าสนเป็นคนพูดน้อย ตัวตนของสนเป็นคนพูดน้อยหรือเปล่า
          จริงๆ แล้วผมเป็นคนพูดน้อยมากนะ สำหรับคนไม่รู้จัก แต่ถ้าใครรู้จักผมจะรู้ว่าผมไม่ได้เป็นคนเงียบเลย หากถามถึงตัวตนที่ผมมองตัวเอง ผมว่าผมเป็นคนลุยๆ นะ อาจจะใจร้อน เอาแต่ใจนิดหน่อย คิดแล้วทำเลย ไม่ชอบอยู่เฉยๆ จะแอ็กทีฟตลอดเวลา และผมมั่นใจว่าตัวเองเป็นคนที่มีกาลเทศะคนหนึ่งรู้ว่าอะไรควรทำ ไม่ควรทำ

 

 

“สิ่งสำคัญคือต้องไม่หยุดพัฒนาตัวเอง”จากใจ“สน”ยุกต์


@ งานแน่น แต่ก็ยังรับงานแสดงที่ต่างประเทศด้วย
          ต้นปีหน้า ผมอาจจะได้ร่วมงานกับทางเมืองจีน อยากลองงานใหม่ๆ ช่วงนั้นอาจจะขาดงานที่เมืองไทย 2-3 เดือน ตอนนี้อยู่ในช่วงคุยๆ กัน คุยกับเอเยนซี กับคนที่ดูแลเราที่โน่น ว่าเขาจะให้เราทำอะไร งานที่จีนนั้น เขาติดต่อผมโดยตรง ไม่ได้ผ่านต้นสังกัด ซึ่งสังกัดที่ผมไปอยู่ที่จีนนั้น เป็นสังกัดเดียวกับ “ไมค์” พิรัชต์ นิธิไพศาลกุล ซึ่งเขาก็ดูแลไมค์ดี ไมค์ก็มีงานและตอนนี้เริ่มมีชื่อเสียงที่เมืองจีนแล้ว ผมเลยคิดว่า น่าจะเชื่อใจได้ ส่วนรายละเอียดเรื่องงานนั้นยังไม่สรุปว่าเล่นละครเรื่องอะไร คือผมไม่ได้เซ็นสัญญากับเขา เขาก็แฟร์กับเรานะ คือเขาจะหางานให้เราก่อน งานที่จีนว่ากันปีหน้า ส่วนงานที่นี่ก็ต้องเคลียร์ให้จบก่อน เพราะหนัง-ละครที่จีนเขาไม่ได้ถ่ายเหมือนบ้านเรา เขาถ่ายทุกวัน เอาให้จบไปเลย


@ กำลังจะมีผลงานที่เมืองจีน ตอนนี้มีการเตรียมตัวอย่างไร
          มีเรียนภาษาจีน ผมก็พยายามเรียนอยู่ เพราะภาษาจีนยาก เวลาผมก็ไม่ค่อยมี เราก็พยายามฝึกออกเสียง ส่วนแฟนคลับที่เมืองจีน ก็มีพอสมควรเพราะเขาก็ดูละครของเราที่ออนแอร์ที่โน่น และเขาก็ตามเรา ผมรู้สึกว่าแฟนคลับที่โน่นตามเราเหมือนแฟนคลับคนไทยตามดาราเกาหลี เวลาไป เขาก็ต้อนเราดีมาก ไปรอเราที่สนามบิน ไปรอเราที่โรงแรม เวลาเราไปไหนก็ขับรถตามก็น่ารักดี ที่ผ่านมาผมเคยจัดแฟนมีตติ้งที่ไต้หวัน ส่วนที่เมืองจีนส่วนใหญ่ก็จะเป็นงานประกาศรางวัล ซึ่งมีหลายงานเหมือนกัน ที่ผ่านมาผมก็ไปเมืองจีนแทบทุกปี 


@ พัฒนาการแสดงของตัวเองอย่างไร
          ก่อนหน้านี้ผมมีการเรียนเสริมกับหม่อมน้อย (ม.ล.พันธุ์เทวนพ เทวกุล) เรียนอยู่หลายปีเหมือนกัน แต่ตอนนี้ไม่ได้เรียนกับท่านแล้ว แต่ก็ยังเข้าไปหาท่านเรื่อยๆ และเราก็ยังศึกษาเรื่องการแสดงเรื่อยๆ จากการดูตัวเองเล่นและดูคนอื่นเล่นด้วย ว่าเขาเล่นอย่างไร ไม่ว่าจะเป็นละครไทย ซีรีส์เกาหลี ซีรีส์ฝรั่ง หรือแม้แต่ภาพยนตร์ผมดูหมด แล้วนำมาประยุกต์ใช้กับการแสดงของเรา


@ เรียกว่าลบคำสบประมาทเก่าๆ 
          ถ้าใครคิดว่าผมลบคำสบประมาทได้ ก็ต้องขอขอบคุณมาก เพราะที่ผ่านมาผมตั้งใจกับตัวเองมาตลอดว่าจะต้องลบคำสบประมาทนี้ให้ได้ ที่ผ่านมาทีมงานก็มีบอกๆ เหมือนกันว่าแสดงดีขึ้น ไม่เคยหยุดพัฒนา เคยมีคนบอกผมเหมือนกันว่าเขาชอบเรา เพราะเราเป็นคนที่พัฒนาตัวเองมากขึ้นเรื่อยๆ ในทุกๆ วัน ซึ่งผมได้ยินแบบนี้ก็รู้สึกดีใจ และรู้สึกว่าสิ่งที่เราทำนั้นไม่สูญเปล่า 


*** คิดแบบสน ***
@ มองวงการบันเทิงตอนนี้เป็นอย่างไร
          ผมว่าวงการบันเทิงตอนนี้คู่แข่งเยอะมาก มากกว่าเมื่อก่อนมาก แต่ผมยังเชื่อว่า ถ้าหากเราไม่หยุดที่จะพัฒนาตัวเอง ไม่หยุดพัฒนาฝีมือ เราสามารถพิสูจน์มือตัวเองให้คนอื่นเห็น ว่าเรามีความสามารถพอ ทำงานง่ายกับคนอื่น ผมเชื่อว่าทุกคนก็ให้โอกาส และอยากจะร่วมงานกับเราแน่นอน ทุกวันนี้ผมไม่ได้แข่งกับเด็กรุ่นใหม่แล้ว แต่เราต้องแข่งกับตัวเอง ผมอายุขนาดนี้ สิ่งสำคัญคือเราต้องไม่หยุดพัฒนาตัวเอง 

 

 

“สิ่งสำคัญคือต้องไม่หยุดพัฒนาตัวเอง”จากใจ“สน”ยุกต์


@ หลายคนมองว่าวงการบันเทิงอยู่ยาก 
          จริงๆ ผมก็คิดแบบนั้นเหมือนกัน ผมก็มองงานอื่นๆ ไว้เหมือนกัน จริงๆ แล้วงานในวงการบันเทิงผมก็รักนะ คือทำแล้ว เรารู้สึกสนุก รู้สึกผูกพัน ก็อยากจะทำผลงานที่ดีต่อไป จริงๆ สาขาที่ผมเรียนมา ก็ไม่เกี่ยวอะไรกับการแสดงเลย คือผมจบวิศวะมา แต่ทุกวันนี้ก็ไม่ได้ทำงานตามสาขาที่เรียน อายเหมือนกันนะ ถ้าจะบอกว่าความรู้ของผมคืนอาจารย์ไปหมดแล้ว แต่ผมรู้สึกว่าทำงานอะไรก็เหมือนกัน และงานที่ผมทำ ทุกวันนี้ก็แฮปปี้ดี ถามว่าเสียดายวิชาที่เรียนมาไหม ผมตอบได้เลยนะว่าไม่เสียดาย เพราะผมรู้สึกว่าผมได้อะไรหลายๆ อย่างจากการเรียนวิศวะ ไม่ว่าจะเป็นเรื่องความคิด ผมได้เพื่อน ได้สังคมที่ดี ถือว่าเลือกเรียนถูกแล้ว


@ การทำงานทุกวันนี้เป็นอย่างไร ต่างจากเดิมมากไหม
          รู้สึกสบายขึ้น ผมรู้สึกว่าการทำงานไม่ได้น่าตื่นเต้นเหมือนเมื่อก่อน เพราะเราสามารถควบคุมได้ อย่างแอ็กติ้งการแสดงนั้น ผมก็รู้สึกว่าตัวเองสามารถคอนโทรลได้ดีขึ้น หากเทียบกับเมื่อก่อน ตอนนี้การแสดงของผม ถือว่าพัฒนาขึ้นมาก ผมรู้สึกได้จากเสียงตอบรับของแฟนๆ และคนรอบข้าง คือผมรัูตัวนะว่า ผมไม่ได้เป็นคนที่เล่นละครเก่ง ที่ผ่านมาเราก็พยายามพัฒนาตัวเอง เพราะเราไม่อยากหยุดอยู่กับที่ เราต้องทำให้ดีขึ้นเรื่อยๆ เวลาผลงานออกไป ผมก็จะดูผลงานของตัวเองทุกเรื่อง แล้วก็จะนั่งหน้านิ่วคิ้วขมวดทุกครั้ง และจะรู้สึกว่าตัวเองยังเล่นได้ไม่ดีพอ เราน่าจะเล่นได้ดีกว่านี้ตลอด


@ มีอะไรที่อยากทำอีกบ้าง
          ผมอยากเล่นภาพยนตร์ ที่ผ่านมา ผมไม่เคยเล่นภาพยนตร์เลย คือมีคนเสนอมาเหมือนกัน แต่ผมยังไม่เคยรับ เพราะที่ผ่านมา ก็มีเหตุการณ์ที่ทำให้เราไม่ได้เล่น อย่างบทที่เสนอมาไม่เหมาะกับเราบ้าง บางทีคิวไม่ได้ ตอนนี้ยังไม่มีหนังเรื่องไหนติดต่อมา เพราะคิวผมแน่นถึงปีหน้า อย่างที่บอกไว่ว่า เราต้องเคลียร์คิวให้ซีรีส์ที่เมืองจีนด้วย ก็เลยยังไม่ได้มีอะไรเข้ามา ตอนนี้ก็เน้นงานละครไปก่อน 


*** อนาคต ที่วาดฝัน***
@ ผลงานอื่นๆ หลังจากนี้มีอะไรบ้าง 
          ตอนนี้กำลังถ่ายละครเรื่อง “แต่ปางก่อน” อยู่ ทางช่องวัน เล่นกับ “วิว” วรรณรท สนธิไชย ถ่ายทำไปเกือบครึ่งแล้ว ผู้กำกับคือพี่สันต์ (สันต์ ศรีแก้วหล่อ) เรื่องนี้วิวแสดงได้เก่งมาก เราไม่ได้เจอกันมานาน กลับมาเจอกันครั้งนี้ ผมสบายเลย คือเวลาเราเล่นกับนักแสดงใหม่เราอาจจะต้องไปช่วยเขา แต่ในเรื่องนี้ผมไม่ต้องช่วยใคร เราแค่ช่วยกันทำให้ดี เป็นละครพีเรียดด้วย เรื่องนี้ต้องพูดคำราชาศัพท์ซึ่งผมก็จะงงๆ นิดหนึ่ง เป็นละครดังด้วย บทก็เลยต้องเป๊ะนิดหนึ่ง และเพิ่งเปิดเรื่องใหม่ของพี่ไก่ (วรายุฑ มิลินทจินดา) เรื่อง “เด็ดปีกนางฟ้า” เล่นกับแพทริเซีย กู๊ด ตอนนี้เพิ่งเริ่มถ่ายผมก็เลยรู้อะไรไม่มาก เรื่องนี้ผมเล่นเป็นนักบิน เรื่องนี้พิเศษมาก เพราะพ่อผมเล่นด้วย คือพ่อผมเป็นนักบินอยู่แล้ว ก็จะมารับบทเป็นกัปตันในเรื่องเป็นนักบินกับผม เรียกว่าเป็นละครเรื่องแรกที่พ่อลูกได้เล่นด้วยกัน เพราะคุณพ่อผมไม่เคยเล่นละครมาก่อน คือละครเรื่องนี้ถ่ายพฤหัสบดี-อาทิตย์ จริงๆ คุณพ่อผมท่านเกษียณแล้ว แต่ยังทำงานอยู่ที่การบินพาณิชย์ ซึ่งจะดูแลเรื่องมาตรฐานการบิน ซึ่งท่านจะมีเวลาว่างวันเสาร์และอาทิตย์พอดีก็เลยเล่นได้ เรียกว่ารับจ๊อบ (หัวเราะ) และมีเรื่อง “เป็นต่อ” ที่เล่นอยู่แล้วออกอากาศทุกวันพฤหัสบดีช่องวัน เป็นละครที่ยากที่สุดของผม ใช้พลังเยอะสุด แต่ทุกวันนี้ก็แสดงได้เข้าที่มากขึ้น อาจจะเป็นเพราะเป็นละครคอมเมดี้ด้วย บทก็เลยต้องเป๊ะ เล่นครั้งเดียวต้องผ่าน แต่ทุกคนในเรื่องเขาเก่งอยู่แล้ว เราก็เลยต้องรักษามาตรฐานของเราให้เท่าเขา ละครเรื่องนี้เคยหายไปพักหนึ่ง ได้กลับมาก็ดีใจเพราะละครเรื่องนี้เป็นละครที่ผมรักเรื่องหนึ่งเลย ทีมงานก็เป็นทีมเดิมๆ ผมก็เป็นน้องใหม่เวลาไปทำงานก็อบอุ่น มีอะไรเขาก็สอนเรา พี่ชาคริต แย้มนามก็สอนเรา เล่นเรื่องนี้สนุกมาก


@ มองอนาคตในวงการบันเทิงของตัวเองไว้อย่างไร
          สำหรับตัวผมคิดว่าภายใน 2-3 ปีนี้น่าจะยังทำงานในวงการบันเทิงอยู่ ผมเป็นคนที่มองอนาคตไม่ไกล ขอทำวันนี้ให้ดีที่สุดก่อน เพราะผมไม่รู้ว่าต่อไปอนาคตเราจะยังทำงานในวงการบันเทิงอยู่หรือเปล่า  คือเราต้องดูแนวโน้มในอนาคตด้วยว่าเป็นอย่างไร ถามว่าผมรักวงการนี้ไหม ผมรักนะ ผมทำงานแล้วรู้สึกสนุกกับทุกงานที่ผมทำ แต่อายุผมก็มากขึ้น ตอนนี้ผมอายุ 28 ปีแล้ว คุณพ่อของผมก็ค่อนข้างคาดหวังในตัวผมค่อนข้างมาก ว่าเราต้องโตกว่านี้ ต้องมีงานมั่นคง ต้องดูแลตัวเองและครอบครัวได้ ทุกวันนี้เราต้องสร้างความมั่นคงด้วยตัวเอง แต่ผมคิดว่าไม่มีงานอะไร ที่มั่นคงร้อยเปอร์เซ็นต์หรอก คือเราต้องสร้างด้วยตัวเอง และทำให้ตัวเองอยู่รอดในสังคมได้จริงๆ เป้าหมายชีวิตของผม ไม่ใช่เอาตัวเองให้รอด แต่หมายถึงเราต้องเป็นที่พึ่งพิงของครอบครัวให้ได้ด้วย


@ เห็นว่ามีจับงานธุรกิจส่วนตัวด้วย
          ผมมีทำธุรกิจเกี่ยวกับเสื้อผ้าชื่อร้านว่า “เอสโอเอส” ตอนนี้มี 3 สาขาแล้ว สาขาแรกอยู่ที่สยามสแควร์ ซอย 1 เราเปิดมาได้ประมาณครึ่งปีแล้ว ส่วนสาขา 2 อยู่ที่สยามสแควร์ ซอย 6 สาขาที่ 3 อยู่ทองหล่อ ร้านนี้ผมร่วมหุ้นกับรุ่นน้องที่สนิทกันมาตั้งแต่เด็ก โดยมีรุ่นน้องเข้าไปดูแล ส่วนผมจะทำเกี่ยวกับมาร์เก็ตติ้ง คอยโปรโมทร้าน คือที่ร้านจะมีสินค้าค่อนข้างหลากหลายไม่ว่าจะเป็นเสื้อผ้า รองเท้า หมวก กระเป๋า เครื่องประดับ เครื่องสำอาง ว่าง่ายๆ ร้านเราจะเป็นเหมือนห้างเล็กๆ เราให้สินค้าแบรนด์ต่างๆ เข้ามาอยู่ในร้านของเรา ตอนนี้มีร้อยกว่าแบรนด์ ส่วนใหญ่จะเป็นแบรด์เสื้อผ้าที่อยู่ในธีมเดียวกัน สามารถใส่มิกซ์แอนด์แมทช์ได้ ซึ่งผมและผู้ร่วมหุ้นทำมาปีกว่าแล้ว กระแสค่อนข้างโอเค เราก็มีแพลนที่จะขยายต่อไปในอนาคต ซึ่งตอนนี้ยังบอกไม่ได้ว่าจะเป็นที่ไหน เพราะเราต้องดูอะไรอีกหลายๆ อย่าง


@ มีแพลนทำอะไรอย่างอื่นไหม
          จริงๆ เราก็มองๆ อยู่ แต่เราต้องดูด้วยว่ามีอะไรที่เหมาะกับเราบ้าง ถ้าเราทำอะไรที่เหมาะกับเรา ก็น่าจะไปด้วยดี เราต้องดูอะไรที่เหมาะกับเรา

@ การเป็นดาราทำให้ทำธุรกิจง่ายขึ้นไหม
          ง่ายขึ้นแน่นอน ด้วยความที่เราเป็นดาราอยู่แล้ว เราอาจจะมีแต้มต่อมากกว่าคนอื่น แต่สิ่งที่จะทำให้เขาร่วมธุรกิจกับเรานั้นมันก็ต้องอยู่ที่การวางตัวของเราด้วย ถ้าเราวางตัวดี ดูน่าเชื่อถือ คนก็อยากจะทำธุรกิจร่วมกับเรา ผมมองว่าการทำธุรกิจนั้นเรื่องเครดิตนั้นสำคัญมากๆ  


*** เล่าเรื่องความรักและครอบครัว ***
@ หัวใจในตอนนี้ เป็นอย่างไรบ้าง
          ตอนนี้โสด ก็หาๆ อยู่ คือผมไม่รีบ แต่ผมรู้สึกได้ว่าคุณพ่อคุณแม่ของผมท่านอยากอุ้มหลานแล้ว อาจเป็นเพราะผมเป็นลูกคนโต คือผมยังมีน้องสาวอีกคนทำงานเป็นแอร์โฮสเตส จริงๆ ที่บ้านไม่ถึงกับเร่งหรอก เพียงแต่ท่านมีเกริ่นๆ ออกมาเฉยๆ  แต่ไม่ถึงกับกดดดัน เพราะท่านทราบว่าไลฟ์สไตล์ของเราเป็นอย่างไร ผมค่อนข้างเป็นคนรักอิสระ ผมมองว่าการจะมีคู่นั้น เป็นเรื่องที่เราต้องหาดีๆ ต้องเป็นคนที่เข้าใจเราจริงๆ กับสาวๆ ที่เข้ามา ก็มีบ้างแต่ส่วนใหญ่ก็เป็นเพื่อนเป็นน้องกันมากกว่า ยังไม่ขนาดตกลงเป็นแฟนกับใคร เอาให้ชัวร์ก่อน แล้วค่อยบอกดีกว่า ตอนนี้คงต้องให้ท่านรออีกนิด เพราะตอนนี้ผมยังหาแฟนไม่ได้เลย 


@ สเปกสาวในฝัน ต้องเป็นแบบไหน
           จริงๆ ผมเป็นคนที่เอาแต่ใจตัวเองอยู่แล้ว ถ้าไปเจอคนที่เอาแต่ใจเหมือนกัน ก็อาจจะอยู่ด้วยกันไม่ได้ ดังนั้นคนที่จะคบกับผมต้องเป็นคนที่คุยกันด้วยเหตุผล แล้วสามารถเคลียร์กันได้ ต้องเป็นคนที่ยิ้มแย้มและเข้าหาผู้ใหญ่เป็น ที่สำคัญต้องเข้ากับครอบครัวผมได้ สามารถทำให้ครอบครัวผมรักเขาได้ ก็โอเค


@ เรียกว่าจะเป็นแฟนสนต้องให้คุณพ่อคุณแม่สแกนก่อน
          ก็ไม่ถึงขนาดนั้น (ยิ้มเขิน) แต่คุณพ่อคุณแม่ผม ท่านอาบน้ำร้อนมาก่อน ท่านเจออะไรมามากกว่า การที่ผมจะรักใคร เขาก็ต้องเข้ากับพ่อแม่ผมได้ ผมมองว่าเรื่องนี้ก็เป็นเรื่องสำคัญ 

          เอ้า! สาวคนไหนสนใจ อย่าลืมเข้าทางคุณพ่อคุณแม่ของหนุ่มสนนะจ๊ะ

.......................................

เขาคนนี้ชื่อ “สน” ยุกต์ ส่งไพศาล
เกิดวันที่ 12 พฤศจิกายน พ.ศ. 2531
ผลงานปัจจุบัน ดวงใจพิสุทธิ์ แต่ปางก่อน เด็ดปีกนางฟ้า
ผลงานในอดีต หัวใจเรือพ่วง แค้นเสน่หา สาวน้อย มารีเริงระบำ น่ารัก สงครามนางงาม ตะวันตัดบูรพา ฯลฯ