บันเทิง

‘ป่าน วีทรีโอ’ เผยร้องเพลง ‘สรรเสริญพระบารมี’ ทั้งน้ำตา

‘ป่าน วีทรีโอ’ เผยร้องเพลง ‘สรรเสริญพระบารมี’ ทั้งน้ำตา

01 พ.ย. 2559

“ป่าน วีทรีโอ” กัญภัส ชยานุวัฒน์ เล่าความรู้สึก หลังคลิปร้องเพลง "สรรเสริญพระบารมี" ทั้งน้ำตา ถูกแชร์สนั่นโซเชียล

         ถูกแชร์สนั่นโซเชียล สำหรับคลิปวิดีโอการบรรเลงและร้องเพลง “สรรเสริญพระบารมี” ของวง “วีทรีโอ” ที่ขับร้องโดย “ป่าน” กัญภัส ชยานุวัฒน์ ที่สร้างความตราตรึงใจของคนที่ได้ฟัง โดยสาวป่านได้เผยว่า 

 

 
 

         “วันนั้นก็รู้สึกบอกเป็นคำพูดไม่หมด เพราะว่า ทุกอย่างมาจากใจ นักดนตรีทั้งหมด 7 คน มาด้วยใจจริงๆ กล้องก็ไม่พอ ก็อัดที่บ้านน้องคริสที่เป็นนักเปียโน ไมค์ก็มีไม่พอ ต้องใช้ขาตั้งกล้องมาพันสก๊อตเทปเป็นขาตั้งไมค์ เพราะเราคิดแค่ว่า เราอยากให้พระเจ้าอยู่หัวรัชกาลที่ 9 ได้ยินเสียงเล็กๆ จากพวกเราแค่นั้นเอง 

         สำหรับป่านที่เป็นนักร้อง เราไม่ได้คิดว่าจะร้องดีหรือไม่ดี เราอยากร้องในฐานะที่ เราอยากแสดงความรักที่มีต่อพระองค์ท่าน ในฐานะนักดนตรี เราก็ต้องเล่นเพลง สรรเสริญพระบารมี เพราะเป็นเพลงแรกที่เราคิด เราไม่เลือกเพลงอื่นเลย และทุกอย่างมันออกมาจากใจ ไม่ว่าเนื้อเพลงแต่ละประโยค ในสมองก็คิดแต่พระราชกรณียกิจ คือท่านเป็นถึงพระมหากษัตริย์ เห็นภาพท่านนั่งอยู่กับพื้น ท่านทรงงาน ท่านทรงเดินป่า คือทุกอย่างมันเข้ามาในสมอง เป็นช็อต จนกลั้นน้ำตาเอาไว้ไม่อยู่ แต่ในหน้าที่ของนักร้องตอนนั้น เราต้องทำให้จบ เป็นสิ่งอย่างเดียวที่เราจะต้องรักษาหน้าที่เอาไว้ เพราะเป็นเพลงที่ศักดิ์สิทธิ์ ยังไงต้องให้จบ แล้ววันนั้นร้องทั้งหมด 2 รอบ เพราะว่ากล้องเราไม่พอ เราก็อยากจะมีมุมหลายมุม และในใจอยากรีบมาสนามหลวง เพราะวันนั้นเป็นวันที่เคลื่อนพระบรมศพ แต่เรามาไม่ทัน ก็เสียใจมาก แล้วคิดในใจว่าลูกมาไม่ทัน แต่ลูกได้ทำสิ่งหนึ่งอยากให้พ่อได้ยิน คิดแค่นั้นจริงๆ” นักร้องสาวบอก

 

‘ป่าน วีทรีโอ’ เผยร้องเพลง ‘สรรเสริญพระบารมี’ ทั้งน้ำตา ป่าน - วีทรีโอ

 

         ถามต่อว่าการร้องเพลง “สรรเสริญพระบารมี” ในครั้งนั้น กับการร้องเพลงสรรเสริญพระบารมีที่ผ่านมา ต่างกันอย่างไร สาวป่านเผยว่า ที่ผ่านมาร้องด้วยความภาคภูมิใจ ร้องด้วยรอยยิ้ม แต่วันนั้น เป็นการร้องที่ไม่มีในหลวงแล้ว 

         "(น้ำตาคลอ) เราไม่คิดว่า เราจะเสียใจได้ขนาดนี้เลย อธิบายเป็นคำพูดไม่ได้เลย ว่าเรารักพระองค์ท่าน เทิดทูนพระองค์ท่าน  และเราจะอยู่ยังไง ในวันนั้นมันเพิ่งเกิดเรื่อง แล้วเราอัดเพลงกันในวันที่ 14 ตุลาคม พวกเราจะอยู่กันยังไง แล้วเราจะทำยังไงกันต่อไป มันเป็นความรู้สึกที่เป็นเหมือนกันทุกคนเลย แม้กระทั่งนักดนตรี ป่านมองไม่เห็นใครข้างหลังเลย เพราะป่านอยู่ข้างหน้า พอป่านได้เห็นวิดีโอตัดมาในคลิป ได้เห็นหน้าทุกคนวันนั้น คือมันออกมาได้ตั้งแต่โน้ตตัวแรกของพวกเขาที่เขาบรรเลงกันเลย แล้วป่านก็เชื่อว่า ทุกคนวันนั้น เหมือนกับนักร้อง เขาอาจจะไม่ได้สื่อสารเป็นคำพูด แต่ทุกตัวโน้ตของเขา มันส่งรวมพลังใจ ความรักของเราทั้งหมดออกมาให้พระเจ้าอยู่หัว รัชกาลที่ 9 ณ ตอนนั้นร้องไห้ ไม่ไหวแล้ว แต่ด้วยหน้าที่ เพลงนี้ป่านรู้สึกว่า เป็นเพลงที่ศักดิ์สิทธิ์ ยังไงก็ต้องร้องให้จบ ไม่ว่าอะไรจะเกิดขึ้น คิดอย่างเดียวว่า ต้องร้องให้จบ แล้วคิดถึงท่าน แค่นั้นเลยจริงๆ ไม่ได้รู้เลย ว่ามันจะดีหรือไม่ดี คิดว่าเราทำดีที่สุดแล้วในวันนั้น มันมาจากใจของเราจริงๆ 

         เราเป็นกลุ่มนักดนตรีที่เทิดทูนท่านแค่นั้น เราก็ดีใจแล้ว แต่พอคนแชร์ปุ๊บ เราก็รู้สึกดีใจ มีหลายคนบอกว่า เหมือนเราเป็นตัวแทนของพวกเขา ที่แสดงความรัก แต่เขาไม่รู้ว่าจะแสดงออกมายังไง เขาก็เห็นว่าเราเป็นตัวแทน เราก็รู้สึกขอบคุณ ให้รู้ว่ามาจากใจจริงๆ และคลิปนี้เผยแพร่เป็นสาธารณะ ถ้าใครอยากจะได้ นำไปใช้ได้เลย เราอยากให้ทุกคนได้สัมผัส และทุกคนจะได้สัมผัสจริงๆ ถ้าเราทำด้วยใจ มันจะต้องไปถูกใจใครสักคนหนึ่ง ขอให้เราทำด้วยใจ ก็เป็นเหมือนคติ ที่จะดำเนินชีวิตเราด้วย ถ้าเราใส่ใจลงไป ใครไม่รู้ เรารู้ เราทำไปเถอะ เหมือนอย่างที่พระองค์ท่านทรงทำมา 70 ปี เรา ทำไปเถอะ ทำไปเรื่อยๆ เหมือนอย่างที่ท่านทำ" ป่านเผย

         “ป่าน วีทรีโอ” ยังบอกอีกว่า ในฐานะที่ได้ไปร้องเพลงที่ต่างประเทศ บทเพลงพระราชนิพนธ์ของพระบาทสมเด็จพระปรมินทรมหาภูมิพลอดุลยเดช เพลงของพระองค์ท่านมีความเป็นสากลมาก

         “ถึงแม้ว่า จะไม่มีการร้องเลย เพียงแค่บรรเลงเขาก็ยังบอกกันว่าทำไมเพราะจังเลย ท่านทรงมีพระอัจฉริยภาพจริงๆ ถึงแม้เพลงของท่าน จะมีทำนองที่เรียบง่าย แต่ด้วยคอร์ดหรือฮาร์โมนีท่านทรงเป็นนักดนตรี ที่เหมือนกับนักดนตรีที่เรียนมาสูงมากๆ ยากมาก สำหรับเรา เพราะฉะนั้นท่านก็ได้มอบการบ้าน ถ้าจะศึกษาเพลงของท่านต้องทำการบ้านอย่างลึกซึ้ง ในฐานะนักดนตรี เราต้องสืบสานต่อให้ถูกต้องอย่างที่พระองค์ท่านทรงทำเอาไว้” ป่านกล่าวปิดท้าย