
จอแก้ว ภาพยนตร์เฉลิมพระเกียรติ เรื่อง อาม่า
ประโยคเด็ดของหนังเรื่องนี้คือ 'พระบริบาล แปลว่าอะไร ทำไมคนไทยไม่รู้จัก??'
โดย... พิง ลำพระเพลิง
รับชมได้ในช่วง หนังสั้น เนชั่น ทีวี ช่อง 22 เวลา 11.30 - 12.00 น. และ 23.30 - 24.00 น.
นำแสดง
อาม่า-งูจิน แซ่ตั้ง รับบท อาม่า
น้องภู-ด.ช.อินทัช เสริมสุขเจริญชัย รับบท อาตี๋เล็ก
เจน–เจนจิฬา มณฑิชาชาติ รับบท อาหมวยใหญ่
“ผมเคยเห็นพระบาทสมเด็จพระเจ้าอยู่หัวใกล้ที่สุดเมื่อ 20 กว่าปีที่แล้ว คนละฝั่งถนนที่สยามฯแต่ในโปรเจกต์นี้กลับทำให้ผมรู้สึกว่าได้อยู่ใกล้พระบาทสมเด็จพระเจ้าอยู่หัวมากยิ่งขึ้นไปอีกแล้วเราได้ไปถ่ายทำที่โรงพยาบาลศิริราชด้วยได้ไปอยู่ใกล้ๆ พระองค์ท่านด้วย นี่อาจจะเป็นโอกาสครั้งสำคัญครั้งเดียวในชีวิตของเรา ผมจึงรู้สึกโชคดีมากที่ได้ทำหนังเรื่องนี้ คือเราได้ทั้งโอกาสเราได้ทั้งความสุข มีแต่ได้กับได้เราไม่มีอะไรต้องเสียเลย” พิง ลำพระเพลิง
เรื่องย่อ
อาม่าเดินทางจากจีนมาอยู่เมืองไทยได้หกสิบสามปีแล้ว ด้วยแรงบันดาลใจจากภาพที่เห็นพระเจ้าอยู่หัว เหงื่อหยดเป็นเม็ดที่ปลายจมูก จึงทำให้อาม่า อยากจะร้องเพลงสรรเสริญพระบารมี และยังอยากจะรู้ความหมายอย่างถ่องแท้อีกด้วย เพราะอาม่ารู้สึกว่า เมื่อได้ยินเพลงสรรเสริญ อาม่าอยากให้ลูกหลาน ไม่เพียงยืนตรงด้วยหัวเข่า แต่อยากให้ยืนตรงด้วยหัวใจ มากกว่า
อาม่าเข้าเรียนโรงเรียนสอนภาษา เพื่อศึกษาความหมายของบทเพลง ระหว่างนั้นเอง อาม่าก็ค้นพบว่า คนไทยส่วนใหญ่ก็ไม่รู้ความหมายของเพลงสรรเสริญพระบารมีเหมือนกัน ส่วนใหญ่ก็ยืนตรงกันเรื่อยเปื่อย ไม่ได้ซาบซึ้ง ถึงบุญคุณอันยิ่งใหญ่ของพระเจ้าแผ่นดิน ที่ได้กระทำต่อประสกนิกรของพระองค์
อาม่าบอกเล่าเรื่องราวที่มาอาศัยแผ่นดินใหญ่อยู่สุขสบายให้อาหมวยฟัง อาหมวยเล่าต่อให้อาตี๋รู้เรื่อง ถึงที่มาของเหงื่อเม็ดใสปลายจมูกของพระเจ้าอยู่หัว จนอาตี๋เป็นเด็กซาบซิ้ง และอยากเช็ดเหงื่อเม็ดนั้นให้พระเจ้าอยู่หัว โดยที่ไม่อยากให้พระองค์ต้องทรงเหนื่อยหนักกว่าที่ทรงเป็นมา
ในที่สุดอาม่าก็เข้าใจความหมายของเพลงสรรเสริญ และยังทำให้ตระกูลรุ่นลูกและหลานเข้าใจ และลึกซึ้ง ถึงเหงื่อทุกหยดที่พระเจ้าอยู่หัว ทรงทำเพื่อคนไทยทุกคน
คุยกับ “พิง ลำพระเพลิง”
พิง ลำพระเพลิง ในฐานะผู้กำกับ กล่าวว่า หนังเรื่องอาม่า นับว่าเป็นหนังที่ดีที่สุดในชีวิตของเขา จากคำเชิญชวนของปิงปอง-นิติพัฒน์ สุขสวย และประโยคสั้นๆ ว่า “อาม่าอยากร้องเพลงสรรเสริญฯ” ทำให้ผู้กำกับผู้มีรอยยิ้มเป็นอาวุธคนนี้ตัดสินใจเข้าร่วมเป็น ส่วนหนึ่งของภาพยนตร์โครงการ We Love King ในทันที แม้จะเป็นรายละเอียดเกี่ยวกับหนังเพียงประโยคเดียว แต่พิง ลำพระเพลิง ผู้กำกับที่มีผลงานมาหลากหลายมองว่าโจทย์ที่ได้รับนี้มีความน่าสนใจมาก เขาจึงใช้เวลาไม่นานหลังจากนั้นเพื่อเขียนบทภาพยนตร์ และทำสตอรี่บอร์ดขึ้นเพื่อส่งไปเสนอทางสำนักพระราชวัง โอกาสเปน็ ของเขา เพราะบทที่พิงเขียน ทำให้เกิดเป็นภาพยนตร์เรื่อง ‘อาม่า’
หัวใจหลักของหนังที่ผู้กำกับพิงทำนั้น ต้องการจะถ่ายทอดเรื่องราวความผูกพันระหว่างหลานชายและอาม่า เชื้อสายจีนที่มีจุดร่วมคือเรื่องของความรักต่อพระบาทสมเด็จพระเจ้าอยู่หัว และอยากเรียนรู้เพลงสรรเสริญพระบารมีร่วมกัน แล้วก็เพิ่มพล็อตชวนให้ติดตามว่าจะมีการสูญเสียอะไรเกิดขึ้นระหว่างอาม่ากับหลาน ตามแบบฉบับของหนังรักสไตล์พิงนั่นเอง
ขั้นตอนการทำงานจากประโยค “อาม่าอยากร้องเพลงสรรเสริญฯ” ก็เริ่มต้นขึ้น พล็อตของเรื่องที่ต้องเขียนเพื่อให้หนังมีความสมบูรณ์ พิงจึงหยิบจับเรื่องต่างๆ มาใส่ลงในบทหนัง โดยคิดตั้งคำถามต่อว่าแล้วทำไมอาม่าถึงอยากร้องเพลงสรรเสริญฯ ล่ะ พล็อตที่มาสนับสนุน ความคิดดังกล่าวพิงมองว่า คงเพราะอาม่าอยากรู้ความหมายของเพลงนี้
บทก็เริ่มขยายต่อว่าขนาดคนจีนยังอยากรู้ความหมายของเพลงสรรเสิรญเลย แน่นอนว่าต้องมีคนไทยจำนวนไม่น้อยที่ยังไม่รู้ความหมายที่ลึกซึ้งในเพลงเพลงนี้เช่นกัน ซึ่งพิงมีความเชื่อว่าคนไทยหลายคนอาจจะรู้ แค่ว่า เพลงนี้มีความหมายในเชิงบวก และเมื่อเพลงดังเราทุกคนควรลุกขึ้นยืนตรง...เพียงแค่นั้น
เมื่อได้บทหนังแล้ว ก็ตามหาตัวละครหลักในเรื่องคืออาม่า แล้วพิงมองว่าเขาอยากได้อีกเจเนอเรชันหนึ่ง เพื่อให้หนังมีการเชื่อมโยงระหว่างคนสองวัยด้วยกัน
อาตี๋เล็ก-หลานชายจึงเป็นอีกหนึ่งนักแสดงหลักของเรื่องที่มาทำให้หนังทวีความสมบูรณ์ยิ่งขึ้น เพราะอาตี๋เล็กจะช่วยสะท้อนภาพการปลูกฝังทางความรัก ความผูกพันและการส่งต่อจากบรรพบุรุษในเรื่องความรักที่มีต่อพระบาทสมเด็จพระเจ้าอยู่หัว และเพลงสรรเสริญพระ-บารมีออกมาได้ดี
ส่วนที่ยากที่สุดของหนังเรื่องนี้คือขั้นตอนการคัดตัวนักแสดง ทีมงานต้องการอาม่าและหลานที่ไม่ใช่นักแสดงชื่อดัง เพราะภาพของการเป็นดารานั้นจะทำให้คนดูสะดุดได้ หลังจากนั้นพิงและทีมงานจึงเริ่มทำการคัดเลือกอาม่าและหลานหลายสิบคน กว่าจะได้อาม่าและหลานคู่นี้ พิงยืนยันว่าเขารู้สึกโชคดีมากที่ได้ทำงานร่วมกับนักแสดงทั้งคู่ เพราะนักแสดงที่มารับบทอาม่านั้น มีความเป็นอาม่าสูงมาก ตอนที่คัดเลือกตัวนักแสดงอาม่ามองพระบรมฉายาลักษณ์พระบาทสมเด็จพระเจ้าอยู่หัวแล้วก็ร้องเพลงจีนออกมา พิงจึงมีความเชื่อว่าอาม่าคนนี้จะส่งพลังให้หนังมีความสมบูรณ์มากขึ้นอย่างแท้จริง
ขั้นตอนต่อไปคือการค้นหาสถานที่ถ่ายทำ พอมีโจทย์เป็นคนจีน ทีมงานนึกถึงโลกชั่นย่านถนนเยาวราชอยู่แล้ว ที่นั่นจะสะท้อนภาพคนจีนที่มาอาศัยอยู่ในเมืองไทยได้ดีที่สุด ในขั้นตอนนี้ทีมงานเข้ามาช่วยเลือก ช่วยคัดสรรนักแสดง และเสาะหาโลเคชันอย่างเต็มที่ ยกตัวอย่างสะพานลอยในกรุงเทพฯ ที่สามารถมอง เห็นคัตเอาต์พระบรมฉายาลักษณ์พระเจ้าอยู่หัวใหญ่ๆขนาดตึก 8 ชั้น ทีมงานก็ขับรถวนหามาทั่วกรุงเทพฯกว่าจะได้สะพานลอยที่ถูกถ่ายออกมาในหนังสวยงามก็ตั้งใจให้ภาพออกมาสวยที่สุด
แม้ต้องถ่ายทำในช่วงฤดูฝน แต่สิ่งที่ผู้กำกับและทีมงานประทับใจมากคือพวกเขาได้เมฆ ได้ร่ม และได้ฝนในจังหวะที่อยากได้ ทุกอย่างลงตัวมาก ในวันที่หยุดกองถ่ายฝนก็ตกลงมาหนักมาก แต่วันที่ออกกองถ่ายกันฝนก็หยุด พิงจึงมีความเชื่อว่าเพราะสิ่งที่เขาตั้งใจทำอยู่และมั่นใจว่ามีอะไรบางอย่างช่วยให้กองถ่ายของเขาเป็นไปด้วยความราบรื่น
พิงเล่าถึงความประทับใจ และความรู้สึกของเขาต่อการได้เป็นส่วนหนึ่งของหนังทั้ง 7 เรื่อง
“ผมเคยเห็นพระบาทสมเด็จพระเจ้าอยู่หัวใกล้ที่สุดเมื่อ 20 กว่าปีที่แล้ว คนละฝั่งถนนที่สยามฯแต่ในโปรเจกต์นี้กลับทำให้ผมรู้สึกว่าได้อยู่ใกล้พระบาทสมเด็จพระเจ้าอยู่หัวมากยิ่งขึ้นไปอีกแล้วเราได้ไปถ่ายทำที่โรงพยาบาลศิริราชด้วยได้ไปอยู่ใกล้ๆ พระองค์ท่านด้วย นี่อาจจะเป็นโอกาสครั้งสำคัญครั้งเดียวในชีวิตของเรา ผมจึงรู้สึกโชคดีมากที่ได้ทำหนังเรื่องนี้ คือเราได้ทั้งโอกาสเราได้ทั้งความสุข มีแต่ได้กับได้เราไม่มีอะไรต้องเสียเลย”
นอกเหนือจากนั้นพิงก็มองต่อว่าภาพยนตร์เรื่องนี้จะช่วยตอบคำถามในเพลงสรรเสริญพระบารมีที่คนไทยไม่เคยรู้มาก่อน และด้วยอารมณ์ของหนัง จะบอกได้ว่าคุณรู้สึกอย่างไรกับพระบาทสมเด็จพระเจ้าอยู่หัว สิ่งที่อยากจะฝากไปถึงผู้ชมคือ หนังเรื่องอาม่า จะทำให้คนดูเกิดความปลื้มปีติขึ้นแน่ๆ เพราะหนังธรรมดาในทางภาพ แต่ยิ่งใหญ่ทางอารมณ์ ไม่มีอะไรใหญ่โต แต่ง่ายในความรู้สึก...พิง ลำพระเพลิง เล่าทิ้งท้ายด้วยรอยยิ้มถึงหนังตามแบบฉบับของเขา