บันเทิง

ย้อยรอย ‘เล็ก’ เดินเท้ากว่า200กิโลไปหา ‘ความสุขของคนไทย’  

ย้อยรอย ‘เล็ก’ เดินเท้ากว่า200กิโลไปหา ‘ความสุขของคนไทย’  

20 ต.ค. 2559

"เล็ก" ฝันเด่น บอกเล่าเรื่องราวการเดิน 200 กิโลเพื่อเดินไปหาความสุข เดินไปหาที่หนึ่งในดวงใจของคนไทยทั้งประเทศ

    เวลารู้สึกท้อถอย ถอดใจต่อเรื่องราวหนักหนาที่ถาโถมเข้ามา หลายครั้งมนุษย์ต้องการที่พึ่ง หลายคนไหว้พระ หรือ วิงวอนต่อเทพเจ้า แต่ “เล็ก” ฝันเด่น จรรยาธนากร กลับเคยใช้วิธีเดินไปหา “พ่อของแผ่นดิน” ด้วยระยะทาง 200 กว่ากิโลเมตร เมื่อปลายปี พ.ศ. 2556 โดยเขามีคำตอบ “ในใจ” ชัดเจนต่อการกระทำอันมุ่งมั่นครั้งนั้นแล้วว่า เขาจะเดินไปหาความสุข เดินไปหาที่หนึ่งในดวงใจของคนไทยทั้งประเทศ
    กิจกรรมที่ เล็ก เคยทำแล้วคนรู้สึกว่าตื้นตันมาก คือตอนเดินเท้าจากกรุงเทพฯ ไป “วังไกลกังวล”
    ย้อนกลับไปหลายปีมาก ผมเป็นอาสาสมัครกู้ภัยมา 20 กว่าปี เราจะเจอความสูญเสียมากมาย ทั้งอุบัติเหตุ วาตภัย อุทกภัย อัคคีภัย หรือะไรก็แล้วแต่ ซึ่งเรื่องเหล่านั้นเป็นเหตุสุดวิสัย แต่เมื่อวันหนึ่ง มันเกิดความขัดแย้งในเรื่องของการเมือง มีความไม่เข้าใจกัน สะสมมาหลายปี และผมเป็นคนที่ยืนอยู่ตรงกลาง ผมเข้าไปช่วยเหลือผู้คนทุกสถานการณ์ไม่ว่า จะเป็นตอนเสื้อเหลือง หรือ เสื้อแดง ตอนทหาร หรือ ตำรวจโดน เราก็อยู่ในทุกเหตุการณ์ แล้วผมยืนมองว่าทั้งหมดนี้ คือคนไทย แต่เราฆ่ากัน โดยที่เราไม่เคยรู้จักกันมาก่อน ผมต้องวิ่งเข้าไปลากคนที่ถูกรุมตีออกมา แล้วแอบขอร้องว่า “พอแล้ว อย่าทำ” เราเห็นพัฒนาการของความสูญเสียค่อยๆ ทวีความรุนแรงมากขึ้น โดยที่ผมไม่รู้ว่าจะทำอยางไร เพื่อให้เป็นสิ่งเตือนความรู้สึกของเราได้ว่า

 

ย้อยรอย ‘เล็ก’ เดินเท้ากว่า200กิโลไปหา ‘ความสุขของคนไทย’  

 


    จริงๆ แล้ว เราลืมไปหรือเปล่าว่า “เราเคยรักกัน” แต่เรากำลังตกเป็นเครื่องมือของใครคนใดคนหนึ่ง หรือกลุ่มใดกลุ่มหนึ่งหรือเปล่า ช่วงนั้นผมเครียดมาก ผมออกไปช่วยคนทุกวัน ทั้งคนที่ประสบเหตุถูกปาระเบิด หรืออะไรก็แล้วแต่ จนวันหนึ่งผมมาคิดว่า สิ่งไหนที่เราสามารถทำได้ด้วยตัวเอง และถ้าเราอยาก “เดินไปหาความสุข เดินไปหาที่หนึ่งในดวงใจของประเทศ” นั่นคือจุดเริ่มต้นของความคิดในตอนกลางคืน พอตอนเช้าอีกวันหนึ่งตอน 07.30 น. ผมก็เริ่มเดินก้าวแรกจากบ้านที่ จ.นนทบุรี เลย คิดไว้ว่าระยะทาง 200 กว่า กิโลเมตร เดินประมาณ 5 วัน วันละ 40-50 กิโล น่าจะถึง สบายอยู่แล้ว แต่เราไม่เคยเดินทางไกลมาก่อนในชีวิต นั่นคือการเดินระยะทางไกลเป็นครั้งแรก ผมเดินไป 6 วันครึ่ง
    ความรู้สึกในตอนเดินเป็นอย่างไร
    ความรู้สึกหลากหลายอารมณ์มาก ซึ่งเรามีจุดมุ่งมั่น และจุดหมาย แต่ด้วยความล้าของกล้ามเนื้อ ที่เราไม่เคยออกกำลังกายมาก่อน เกิดแผลพุพอง จากรองเท้ากัด พอเดินต่อไป ก็ร้อน เพลีย เหนื่อย สภาวะกดดันจากคนรอบข้าง เพราะว่าเราเป็นดารา มีคนส่งข้อความต่างๆ เข้ามากดดันมากมาย ด้วยสภาวะจิตใจบวกกับสภาวะร่างกาย ทำให้ผมเริ่มมีอาการป่วยบ้าง เล็บเท้าช้ำ เป็นหนอง เริ่มตั้งแต่นิ้วก้อย เรื่อยไปจนถึงนิ้วโป้ง พอเข้าวันที่ 3 เราเริ่มเจาะหนองออกเอง

 

ย้อยรอย ‘เล็ก’ เดินเท้ากว่า200กิโลไปหา ‘ความสุขของคนไทย’  


    จากวันแรก ที่เราเดินได้ 40-50 กิโล พอวันที่ 2 เราเดินได้ช้าลง เหลือ 30 กว่ากิโล เพราะสภาพร่างกายไม่เหมือนเดิม กล้ามเนื้อตึง มีอาการเจ็บคอ เพราะเจอฝนตกบ้าง เล็บเท้าอักเสบ เลือดไหล แต่เรายังคงต้องเดินอยู่ โดยไม่มีใครบังคับ เราแค่รู้สึกว่า ต้องเดินไป ไม่ท้อ เราอยากไปให้ถึง และสุดท้ายก็ไปจนถึง ช่วงที่เดินระหว่างทาง มีคนเข้ามาทักทาย โบกไม้โบกมือ นำขนมมาให้ มีประชาชนขับรถผ่าน หรือน้องๆ อาสา มาขับรถตาม คอยระวังหลัง เพื่อไม่ให้มีรถมาเฉี่ยวชนผม เพราะตอนที่เดินเป็นช่วงสิ้นปีพอดี ระหว่างเดิน ผมกินน้ำได้ไม่เกิน 3 ลิตรต่อวัน กินขนมปัง กับข้าวนิดหน่อย กินได้แค่นั้น เพราะร่างกายเราล้ามาก เรียกว่าเป็นอีกหนึ่งเรื่องราว
    ระหว่างทางมีเรื่องราวอะไรเกิดขึ้นอีกบ้าง
    ด้วยความที่ผมนับถือเสร็จเตี่ย (พลเรือเอกพระเจ้าบรมวงศ์เธอ พระองค์เจ้าอาภากรเกียรติวงศ์ กรมหลวงชุมพรเขตอุดมศักดิ์) ผมก็ระลึกถึงท่าน ให้ท่านช่วยให้ผมไปให้ถึง ภาวนาขอให้ลูกทำสำเร็จ ถ้าทำสำเร็จ ลูกจะทำสิ่งตอบแทน เรียกง่ายๆ คือผมจะแก้บนเสด็จเตี่ย หลังจากเหตุการณ์นั้น ผ่านไป 1 ปี ผมก็เดินแก้บนไป “สัตหีบ” หาเสร็จเตี่ย ด้วยระยะทาง 170 กว่ากิโล โดยใช้เวลา 4 วัน

 

ย้อยรอย ‘เล็ก’ เดินเท้ากว่า200กิโลไปหา ‘ความสุขของคนไทย’  


    ส่วนก่อนหน้านี้เมื่อ 2 เดือนที่แล้ว ตอนเกิดเหตุระเบิดที่หัวหิน พอทราบเรื่อง ผมเลยปั่นจักรยานไปหัวหิน ซึ่งผมไม่เคยปั่นจักรยานในระยะทางไกลมาก่อนเลย ผมปั่นไป 200 กว่ากิโล จนเจ็บก้นระบมไปหมด แต่สิ่งที่ผมทำไม่ใช่การหาเสียง เพราะผมไม่ใช่นักการเมือง ผมทำเพราะรู้สึกว่าที่นั่นคือ “บ้านของพ่อ” ผมอยากไปให้กำลังใจ ซึ่งส่วนใหญ่กิจกรรมเหล่านี้ จะเริ่มจากตัวผมคนเดียวก่อนเสมอ ผมจะแจ้งให้คนในกลุ่มทราบเฉยๆ ว่าผมจะทำนะ แต่ผมจะไม่บังคับใคร
    พอทำกิจกรรมเหล่านี้เพื่อ “พ่อ” สำเร็จ รู้สึกอย่างไร
    ความรู้สึกไม่สามารถอธิบายออกมาเป็นคำพูดได้ ผมแค่รู้สึกว่าเราได้ทำ มันคือความเพียร ความอดทน และความพยายาม ทุกอย่างอยู่ที่ใจ ถ้าเราคิดจะทำ เราตรวจสอบตัวเองก่อนว่าเราสามารถทำได้ เราถึงเริ่มทำ ก็จะทำได้ แต่ถ้าเราคิดว่าแค่เริ่มก็ท้อแล้ว มันจะทำไม่ได้ ฉะนั้นเราต้องมีสติ และประเมินตัวเองก่อนว่า ทำได้มั้ย บางคนแค่อยากลอง แล้วล้มเลิก เราจะเสียทั้งเวลา เสียเงิน และเสียกำลังใจด้วยว่า เราทำอะไรก็ไม่สำเร็จ เหมือนเป็นการทำร้ายตัวเอง ด้วยความรู้สึกของตัวเอง ซึ่งมันแย่มากกว่าคนอื่นทำร้ายความรู้สึกเรา ฉะนั้นก่อนทำ เราต้องสำรวจตัวเองก่อนว่า เราพร้อมหรือยัง

 

ย้อยรอย ‘เล็ก’ เดินเท้ากว่า200กิโลไปหา ‘ความสุขของคนไทย’  


    ตอนนี้คนไทยกำลังเศร้า เล็ก คิดว่าประชาชนควรมีวิธีคิดอย่างไร ให้ผ่านช่วงนี้ไปได้
    ก่อนจะมีแถลงการณ์จากสำนักราชวังในวันที่ 13 ตุลาคม ผมกับทีมกำลังทำโครงการหาเงินไปช่วยช้างที่อุทยาน “กุยบุรี” วันนั้นผมไปตั้งแต่เช้า จนถึงบ่าย มอบเงินเสร็จเรียบร้อย ผมเริ่มได้ยินข่าวไม่ค่อยดี แต่พยายามจะคิดว่าเป็นแค่ข่าวลือ ผมขับรถมาถึงหัวหิน บริเวณหน้าพระราชวังไกลกังวล แล้วรออยู่ที่นั่น จนแถลงการณ์ออกมาอย่างชัดเจนว่า พระบาทสมเด็จพระปรมินทรมหาภูมิพลอดุลยเดช เสด็จสวรรคต ตอนนั้นผมร้องไห้ตลอด เสียใจ เศร้าใจ แต่สิ่งหนึ่งที่คิดได้ คือพระองค์ไม่ได้หายไปไหน ท่านไม่ได้จากเราไป พระองค์ยังคงอยู่ในใจเราเสมอ เพราะทุกคำสอนของพระองค์ ที่ท่านให้ไว้กับเรา ผมโชคดีที่ได้พบคน ซึ่งมีโอกาสได้เรียนรู้และพูดคุยกับพระองค์ท่าน
    ผมได้เห็นความเป็นไป ในสิ่งที่เขาเริ่มทำตั้งแต่เมื่อ 20-30 ปีแล้ว เห็นถึงเรื่องราวที่เกิดขึ้น บางคนได้เจอในหลวงแค่ครั้งเดียวในชีวิต แต่คำสอนของ “พ่อ” ทำให้เขามีทุกวันนี้ ได้มีอาชีพ เลี้ยงดูครอบครัว ทำเกษตรกรรม ปลูกต้นมะนาว โดยต้นมะนาวของเขาเปรียบเสมือน “ตู้เอทีเอ็ม” เขาสามารถเปลี่ยนจาก “ดินเปรี้ยว” ที่ไม่มีใครเหลียวแล ให้กลายเป็น “ดินอุดมสมบูรณ์” ที่ทุกคนต้องการ 
    พวกเขาทำทุกอย่างตามที่พระองค์ท่านให้คำแนะนำในโครงการต่างๆ ผมได้เห็นสีหน้าแววตาของพวกเขา จากการที่ผมไปเป็นพิธีกรตามงานเหล่านั้น เมื่อผมถามพวกเขาว่า อยากจะกล่าวอะไรถึงพระองค์ท่าน ผมไม่เคยเห็นใคร สามารถกล่าวได้โดยฉับพลันเลย ทุกคนร้องไห้ น้ำตาไหล ขณะที่คำถามของผมจบลง ฉะนั้นจึงเป็นสิ่งที่เราฝังใจว่า “น้ำตา” ไม่ใช่ความ “เสียใจ” แต่มีค่ามากกว่า “คำพูด” มากมาย เราเข้าใจและรู้สึกได้ โดยที่เขาไม่ต้องอธิบายอะไรเลย

 

ย้อยรอย ‘เล็ก’ เดินเท้ากว่า200กิโลไปหา ‘ความสุขของคนไทย’  


    เล็ก มีโอกาสเข้าไปอำนวยความสะดวกและช่วยเหลือบริเวณสนามหลวง
    ผมอยู่ตลอด อย่างในวันที่ 14 ตุลาคม ผมไปตั้งแต่ช่วงเช้า ผมไปถึงก่อน ใหญ่ (ฝันดี จรรยาธนากร) เพราะกว่าใหญ่จะฝ่าคนเข้ามาถึงได้ก็เกือบบ่ายแล้ว เราอยู่ด้วยกัน ไปตั้งจุดเอารถพยาบาลเข้าไป และมีน้องๆ อาสาอีกเยอะ วันนั้นร้อนมาก แดดแรง คนเป็นลมเยอะ ตัวอาสาเองวิ่งกันอุตลุตเหมือนกัน แต่ทุกคนไปด้วยใจ ซึ่งไม่ใช่แค่งานนี้เท่านั้น ทุกคนบอกกับตัวเองว่าเป็น “อาสาของพระราชา” มาโดยตลอด เพราะฉะนั้นงานที่ไปมีความหมายมากมาย ใจหนึ่งเราอยากไปเข้าเฝ้าท่านครั้งสุดท้าย ในขณะที่เราเสียใจเหมือนประชาชนทั่วไป แต่อีกใจหนึ่งเราต้องคอยช่วยเหลือประชาชนด้วย เราบอกกับตัวเองเสมอว่า เราจะทำเพื่อ “พ่อ” เพื่อแผ่นดิน เราจะเป็นอีกหนึ่งกำลัง แม้จะแค่เป็นเรื่องเล็กๆ แต่เราก็อยากทำ

 

ย้อยรอย ‘เล็ก’ เดินเท้ากว่า200กิโลไปหา ‘ความสุขของคนไทย’  

เล็ก-ฝันเด่น