
กะรัตรัก Diamond Lover Ep. 16
‘อี้หมิง’ ไม่สามารถทนเห็น ‘เหม่ยลี่กับเซี่ยวเลี่ยง’ รักกันได้อีกต่อไป เขาจึงบอกความจริงให้ ‘เหม่ยลี่’ รู้
ทุกวันจันทร์พุธ เวลา 08.00 น. / 23.00 น. ทางช่อง NOW26
เหม่ยลี่พยายามบอกจื่อเหลียงว่าเธอเป็นผู้ช่วยนักออกแบบ คงไม่ดี แต่จื่อเหลียงว่า
“โธ่เอ๊ย คุณเป็นคนใหม่ ไม่มีประสบการณ์ ถ้าได้นักออกแบบหลิวมาสอน ผมก็วางใจแล้ว สู้ๆ ”
ซือหยวนตามจื่อเหลียงเข้ามาในห้องแล้วถามว่า ทำไมต้องให้เธอเป็นผู้ช่วยมี่โตะ
จื่อเหลียงไม่พอใจ “ทำไม เข้าห้องทำงานผมไม่ต้องขออนุญาตแล้วเหรอ”
“ขอโทษค่ะ”
“ว่ามาสิ รู้มั้ยทำไมผมต้องให้คุณทำแบบนี้”
“ท่านรองหลิน ฉันรู้ว่าเพราะเมื่อคืนฉันได้ยินความลับของคุณ”
“ความลับเหรอ ผมว่าเรื่องนี้คนทั้งโลกน่าจะรู้หมดแล้วล่ะ”
“คุณไม่โทษฉันเหรอคะ?”
“ในโลกนี้มีคนสองประเภทที่รู้ความลับของผม ประเภทแรกคือศัตรูอย่างคุณเซี่ยว สองคือคนที่ผมเชื่อใจ ช่วยผมเอาชนะศัตรู คุณจะเป็นประเภทไหนล่ะ”
“ท่านรองหลิน ขอแค่คุณเชื่อฉัน ฉันต้องอยู่ฝ่ายคุณแน่นอน”
“งั้นก็ถูกแล้ว ผมจะบอกคุณนะ ไม่นานคุณจะเข้าใจเองว่าคนอย่างผมสามารถให้อะไรคุณได้บ้าง”
เซี่ยวเลี่ยงนัดเกาเหวินออกมาและชวนเธอดื่ม เกาเหวินถามตรงๆ ว่าคิดยังไงถึงชวนเธอออกมา
เกาเหวินบอกให้เซี่ยวเลี่ยงนิ่งๆ “เดี๋ยวช้าก่อน อย่าขยับนะ อย่าขยับๆ ทำไมฉันรู้สึกคุ้นเคยกับท่านี้จังเลย”
“คุ้นเคยเหรอ คงไม่เคยเห็นผมในสภาพนี้สิ”
“ไม่ใช่ฉันไม่ได้พูดถึงตอนนี้ ฉันว่าท่าทางของคุณ.. แฟนเก่าของฉันเคยมีสีหน้าเหมือนคุณ หลังจากเลิกกับฉัน สถานการณ์แบบนี้มีอยู่สองสาเหตุ หนึ่ง บริษัทล้มละลาย สอง ก็คือถูกแฟนทิ้ง แต่สาเหตุที่สองไม่น่าเป็นไปได้นะ ผู้หญิงที่ไหนกล้าทิ้งคุณล่ะ!” เกาเหวินเสียงดังและหัวเราะ
เซี่ยวเลี่ยงปราม “เบาๆ หน่อยสิ”
เกาเหวินปนหัวเราะ “เกิดอะไรขึ้นล่ะ คุณถูกผู้หญิงทิ้งจริงเหรอ ใครกล้าคบกับคุณล่ะ บอกฉันมาสิคุณกำลังคบกับใครอยู่ บอกฉันมาสิ บอกฉันมา บอกฉันเร็วรีบบอกฉันมาสิ บอกฉันๆๆๆ ฉันไม่พูดแน่นอน”
“คุณกลับไปนั่งก่อน กลับไปนั่งเร็ว เร็วๆๆๆ”
“งั้นคุณบอกฉันมาว่าเป็นใครแล้วฉันจะพูดเบาเขาเป็นใคร ใคร”
“เอ่อไม่ได้ร้ายแรงเหมือนอกหักหรอกน่า แค่ผู้หญิงซื่อบื้อคนหนึ่งเท่านั้น โธ่เอ๊ยแต่เราเลิกกันแล้ว”
“เลิกกันแล้วเหรอ ทำไมฉันไม่เห็นรู้เลย คุณว่าเธอซื่อบื้อเพราะคุณอยากดูแลเธอเหรอ”
“เพราะว่าผมไม่เชื่อในความรัก และไม่มีทางหลงรักผู้หญิงแบบนั้นแน่”
“เซี่ยวเลี่ยง คุณเป็นประธานของบริษัทเพชร คุณน่าจะเข้าใจเพชรดีกว่าใคร เพราะเพชรเป็นวัสดุที่แข็งที่สุดในโลก เมื่อไหร่ที่โดนแสงมันถึงจะส่องประกายออกมา ถ้าหัวใจของคุณ เป็นเพชรอยู่ในที่มืด ก็ต้องโดนแสงก่อนมันถึงจะส่องสว่างถูกมั้ย ฮิๆๆ แต่คุณไม่ต้องห่วง ในฐานะเพื่อนฉันจะเป็นคนช่วยคุณเองต้องสำเร็จแน่นอน มา”
“คุณช่วยผมไม่ได้หรอก มาดื่ม”
“ชนแก้ว” เกาเหวินปนหัวเราะ “โธ่เอ๊ยคุณนี่โง่จริง”
“ขอบคุณคุณมาก เดี๋ยวผมให้คนขับรถไปส่ง”
เกาเหวินสวน “ฮิๆๆ ไม่เป็นไรฉันขับรถมาเอง รถของฉันล่ะ”
“นี่รถของคุณเหรอ”
“ใช่ เป็นยังไงใหม่มากใช่มั้ย”
“เฮ่อผมให้คนขับรถไปส่งคุณพรุ่งนี้ค่อยเอารถไปส่งให้”
เกาเหวินห้าม “อย่านะ นี่เป็นรถที่เพื่อนฉันเลือกให้ ฉันชอบรถคันนี้มาก ฉันใช้มันจนชินแล้วไม่อยากเปลี่ยนมันง่ายๆ สำหรับน้ำใจของคุณฉันขอบคุณมาก
เซี่ยวเลี่ยงอึ้งไป “เกาเหวิน เอ่อ คุณมีเรื่องอะไรโทรหาผมได้ทุกเวลานะ”
เกาเหวินขำ “ฮิๆๆ คุณคงรู้สึกว่าฉันน่าสมเพชมากใช่มั้ย”
“เฮ่อ ไม่ใช่ ผมแค่อยากขอบคุณคุณที่ออกมาหาผม”
“คุณอารมณ์ดีขึ้นแล้วจริงเหรอ ฮิๆๆ ขอบคุณมากนะ ฮิๆ เมื่อก่อนฉันรู้สึกว่าชีวิตคนธรรมดาไม่น่าสนใจและน่าเบื่อ แต่ตอนนี้ฉันรู้สึกชอบชีวิตแบบนี้มากแล้วล่ะ ฉันคิดว่าก็สนุกเหมือนกัน คุณว่าคนเราน่าแปลกมั้ย อื่ม.. เช่นเวลาเราชอบอะไรสักอย่าง ไม่ว่าคนอื่นจะคิดว่ามันไร้ค่า แต่คุณก็ยังคิดว่ามีค่า”
“ว้าว.. เกาเหวินคุณเปลี่ยนไปมากเลยนะเนี่ย”
“คุณก็เหมือนกัน”
“เอ่อ ว่าแต่ คุณลืมหานปิงได้แล้วเหรอ”
“อื่ม คิดแล้วก็แปลกเหมือนกันนะเหมือนฉันจะเกลียดเขามากแต่ก็ค่อยๆ ลืมเขาไปแล้ว”
“เขาคงไม่ใช่เพื่อนที่ช่วยเลือกรถให้คุณนะ”
“ไม่ใช่แน่นอน ฉันลืมหานปิงได้เพราะฉันใจแข็ง ทำไมถึงอยากให้ฉันคบกับเขาล่ะ น่าเบื่อจริงๆ เฮอะ” เกาเหวินหัวเราะ
อี้หมิงย่องเข้ามาในบ้าน เหม่ยลี่เสียงดุดัง
“หยุดนะ! ทำไมเพิ่งกลับเอาป่านนี้ไม่รู้เหรอว่าฉันรอนายทั้งคืน! หันกลับมา ยืนให้ดี” อี้หมิงยืนจ๋อย เหม่ยลี่หลุดหัวเราะ “ฮิๆๆ ฉันทำเสียงดุเมื่อกี้สามารถทำให้คนหุบปากได้ใช่มั้ย”
“เฮ้อ เรื่องนี้นี่เอง เอ่อใช่ๆ เกิดอะไรขึ้นใครทำให้เธอโกรธอีกล่ะ เมื่อกี้เธอดุมากทำฉันลืมหมดเลย เธอทำฉันตกใจหมดเลยลองดุอีกรอบสิ”
“พูดมาก!”
“จบแล้วเหรอ”
“จบแล้ว”
“ฉันตกใจหมดเลย”
“เฮ้อฉันว่าแล้วต้องไม่น่ากลัวเลย เฮ้อผลการทดสอบล้มเหลว ดูเหมือนฉันต้องพยายามต่อไปถึงจะทำให้พวกเขาหุบปากได้”
“ถูกต้อง เธอต้องทำให้พวกเขาเห็นความสามารถของยัยอ้วน”
“ใช่! พวกเขาไม่รู้ว่าฉันเคยอ้วนมาก่อน”
“ใช่ เอ่อ.. แล้วก็ วันนี้เธอเจอกับเซี่ยวเลี่ยงมั้ยเขาพูดอะไรกับเธอบ้างรึเปล่า”
“เฮ้อ ถ้าเขาไม่มาขอโทษฉันก่อนฉันไม่มีทางยกโทษให้เขาอย่างแน่นอน”
“ดีมาก เอ่อ..แค่นี้เหรอ”
“แค่นี้แหละ! กินข้าวยัง”
“ยังเลย”
“เดี๋ยวฉันไปทำให้ นี่กินอะไร!”
“ไม่ต้องกลัว ต่อไปเธอพูดกับพวกเขาก็พออย่าลงไม้ลงมือเลย แค่โทรหาฉันก็พอ”
“งั้นนายทำเองเลย”
อี้หมิงงง “ไม่ใช่ ไหนบอกว่าจะทำกับข้าวให้ฉันไง”
“งั้นฉันจะกินซี่โครงหมูทอด แล้วก็สเต็กเนื้อย่าง แล้วก็ซุปมะเขือเทศ เอาล่ะแค่นี้แหละ นายต้องทำให้เสร็จภายใน 1ชั่วโมง”
อี้หมิงจำยอม “งั้นฉันไปเปลี่ยนชุด”
วันต่อมา ที่ออฟฟิศ เหม่ยลี่อึ้งเมื่อซือหยวนว่า
“นี่เป็นคำสั่งของคุณเซี่ยว เขาไม่ให้เธอเข้าร่วมประชุมครั้งนี้”
“แต่นี่เป็นผลงานการออกแบบของฉันทำไมถึงไม่ให้ฉันเข้าร่วมล่ะ”
“เธอต้องไปถามเขาเอง หรือไม่ก็ถามตัวเองสิ”
เหม่ยลี่ตรงขึ้นไปที่ห้องเซี่ยวเลี่ยง
“ทำไมคุณถึงไม่ให้ฉันเข้าร่วมประชุมครั้งนี้”
เซี่ยวเลี่ยงกดโทรศัพท์เรียกรปภ. เหม่ยลี่เดินไปที่ประตูแล้วเคาะและเดินเข้ามาหาใหม่
“ฉันขอเข้าไปได้มั้ยคะ ได้สิ ตอนนี้คุณพูดได้รึยัง ทำไมฉันถึงไม่มีสิทธิ์เข้าร่วม”
เซี่ยวเลี่ยงว่า “เจ้านายไม่จำเป็นต้องอธิบายให้ลูกน้องฟัง คุณออกไปได้แล้ว”
เหม่ยลี่สวน “แต่คุณจงใจแกล้งลูกน้องฉันไม่จำเป็นต้องทำตาม”
“ผมจะให้ฝ่ายบุคคลไล่คุณออกทันทีออกไป”
“คุณรังแกพนักงานฝ่ายบุคคลควรไล่คุณออกก่อน”
“ได้ ดีสิให้พวกเขามาไล่ผมออกเลย”
เหม่ยลี่โมโห “คุณ ไอ้คนโรคจิต”
เซี่ยวเลี่ยงจ้อง “คุณว่าใครโรคจิต”
“ฉันว่าคุณโรคจิตไงล่ะ ชอบทำให้ฉันมีความหวังแล้วโจมตีฉันทุกที วันก่อนยังดีอยู่พออีกวันก็ทำหน้าบึ้งตึง คุณรังแกฉันแล้วมีความสุขมากเหรอ ความรู้สึกฉันไม่มีค่าเลยเหรอ คุณคิดอะไรอยู่กันแน่เนี่ย”
“เราสองคนใครรังแกความรู้สึกใครก่อนล่ะ ออกไป” เซี่ยวเลี่ยงจะกดโทรศัพท์อีก แต่เหม่ยลี่ปัดทิ้ง
เกาเหวินเดินมาหาเหม่ยลี่ ซือหยวนลุกขึ้นมาหาเธอ
“เธอไปพบคุณเซี่ยวแล้ว คุณเกา มาหามี่โตะมีอะไรรึเปล่า”
“ฉันอยากมาถามอะไรหน่อยน่ะ ได้ข่าวว่าคุณเซี่ยวมีความรักแล้ว เธอรู้มั้ยว่าแฟนของเขาคือใคร”
ซือหยวนยิ้มเยาะ “อะไรกัน เธอไม่เคยบอกคุณเหรอ ดูเหมือนเธออยู่กับใคร ก็มีแต่ความลับ”
“เธอหมายความว่ายังไง เธออยากบอกอะไรฉันเหรอ”
“แน่นอนอยู่แล้ว ในเมื่อพวกคุณเป็นเพื่อนกัน เธอกำลังคบกับคุณเซี่ยว แต่ไม่บอกคุณ เพราะคงกลัวมีปัญหา เพราะคุณเซี่ยวเป็นแฟนเก่าของคุณเธอหลอกใช้คุณเพื่อเข้าหาเขา แล้วแย่งเขามา คุณไม่รู้สึกอะไรบ้างเลยเหรอ”
“ฉันรู้สึกหรือไม่เกี่ยวอะไรกับเธอ เธอบอกเรื่องพวกนี้กับฉันเพราะอะไรกันแน่”
“ฉันแค่เห็นใจคุณเท่านั้น ผู้หญิงอย่างเขาน่ากลัวมาก ระวังตัวไว้หน่อยก็ดี เธอไม่ใช่คนกลุ่มเดียวกับพวกคุณหรอก เธอทรยศคุณ คุณยังเห็นเธอเป็นเพื่อนอีกเหรอ”
เกาเหวินสวนว่า “คนอย่างเขาเป็นยังไงไม่สำคัญ แต่คุณนินทาคนอื่นแบบนี้เป็นคนดีนักเหรอ ฉันว่าคนที่น่าเห็นใจคือเธอมากกว่า คนหน้าไหว้หลังหลอกก็คือคนอย่างพวกเธอ เธอต่างหากที่ไม่มีวันเข้ากลุ่มกับเราได้”
เกาเหวินหันมาก็เห็นเหม่ยลี่ที่ออกจากห้องของเซี่ยวเลี่ยงมาพอดี
เกาเหวินกับเหม่ยลี่มานั่งดื่มชากันที่ร้าน เกาเหวินยังสีหน้านิ่ง เหม่ยลี่เองก็รู้สึกผิด
เกาเหวินว่า “พูดมาสิ มันเรื่องอะไรกันแน่”
“เกาเหวินฉันขอโทษ”
“ฉันไม่ได้มาฟังเธอขอโทษ”
“ความจริงก่อนที่เธอจะรู้จักเซี่ยวเลี่ยงฉันก็ชอบเซี่ยวเลี่ยงมาก่อนแล้ว แต่ว่าต่อมา เซี่ยวเลี่ยงประกาศว่าเขาคบกับเธอ และฉันกับเธอก็มาเป็นเพื่อนกัน ดังนั้นฉันเลยเก็บซ่อนความรักที่มีต่อเขาไว้ ถ้าไม่ใช่เพราะหลังจากนั้นเซี่ยวเลี่ยงมาบอกว่าเขาชอบฉัน ฉันคงไม่กล้าคิดว่าความฝันของฉันจะกลายเป็นจริง แต่หลังจากเกิดเรื่องครั้งก่อน เขาก็เดี๋ยวดีเดี๋ยวร้ายกับฉัน เขาไม่เคยประกาศอย่างเป็นทางการว่าฉันเป็นแฟนเขา ฉันไม่รู้ว่าเขาคิดอะไรอยู่ ดังนั้นถ้าฉันมาถามเธอด้วยตัวเอง แล้วฉันจะพูดยังไงล่ะ ฉันเสียใจ และทุกข์ใจ จนเมื่อเซี่ยวเลี่ยงบอกฉันว่า ระหว่างพวกเธอเป็นเพียงข้อตกลง มันจึงทำให้ฉันเริ่มรู้สึกดีขึ้น แต่ตอนนั้นเรื่องราวยิ่งซับซ้อนมากขึ้น เรื่องของเธอกับหานปิงก็มีปัญหา ฉันเลยไม่อยากสร้างปัญหาให้เธออีก ฉันพูดอย่างนี้ เธอ.. ยอมรับได้มั้ย ฉันฉันรู้ว่าเธอโกรธ แต่ว่า เธอบอกฉันสิว่าฉันต้องพูดยังไงเธอถึงจะรู้สึกดีขึ้น”
“เรื่องนี้มีอะไรต้องอธิบายล่ะ เธอแค่บอกฉันว่าชอบเซี่ยวเลี่ยงฉันก็ช่วยจีบเขาให้เธอก็ได้หนิ”
เหม่ยลี่งง “เธอจะช่วยฉันเหรอ”
เกาเหวินยิ้ม “ใช่สิ เพื่อนรักก็ต้องช่วยกันไม่ใช่เหรอ เธอเล่าเรื่องของเธอให้ฉันฟังเรามาแชร์ความลับต่อกัน ทำไมต้องปิดบังฉันด้วยล่ะ”
เหม่ยลี่อึ้ง “ห๋ะ! ถ้างั้นที่เธอโกรธเมื่อกี้ เอ่อ.. ไม่ใช่เพราะเรื่องนี้เหรอ ฉันคิดว่าเธอโกรธฉันเพราะเรื่องนี้ซะอีก”
“ความจริง ฉันก็อยากเคลียร์กับเซี่ยวเลี่ยงให้มันจบ แต่พอมาเจอเธออย่างนี้คงไม่จำเป็นแล้วล่ะ ดูเธอสิกังวลอะไรล่ะ ฉันล้อเล่นน่า ฉันกับเซี่ยวเลี่ยงคบกันหลอกๆ เท่านั้น อีกอย่างเราสองคนก็ไม่ได้รักกัน เขาจะคบกับใครไม่เกี่ยวกับฉันเลย”
เหม่ยลี่ค่อยโล่งใจ “ทำฉันตกใจหมดเลย”
“แต่ว่าต่อไปเธอห้ามปิดบังฉันอีกนะ สิ่งที่ฉันเกลียดที่สุดคือการถูกหลอก และเพื่อนที่ฉันเชื่อใจที่สุดก็คือมี่โตะ”
“ขอโทษนะเกาเหวิน ฉันรู้ว่าการถูกคนที่ไว้ใจหลอกมันเจ็บปวดมากแค่ไหน ความจริงฉันก็อยากจะบอกเธอมากเพราะฉันก็เคยผ่านชีวิตที่ยากลำบากมาแล้ว ทุกคนย่อมมีสิ่งที่เคยผิดพลาด และชีวิตที่ถูกกดดัน ไม่กล้าที่จะไปเผชิญ จึงหลบหนี เพราะความอ่อนแอ แต่เขาไม่มีวันรู้ว่า อดีตที่ผ่านมาไม่สามารถลบทิ้งได้ มันย่อมมีร่องรอยของชีวิตปรากฏขึ้น อย่างเช่นพวกรูปถ่าย ประวัติ สิ่งเหล่านี้จะค่อยๆ ถูกเปิดเผยออกมา เพื่อย้ำเตือนว่าเคยเกิดอะไรขึ้นบ้าง”
“มี่โตะ เธอจงใจเหรอ เธอพูดถึงเรื่องรูปถ่ายของฉันใช่มั้ย เธอหาว่าฉันไม่กล้าเผชิญอดีตใช่มั้ย!”
“ไม่ใช่ๆ ฉัน” เหม่ยลี่พูดไม่ถูก
“อดีตเหรอ ใครไม่มีอดีตบ้างล่ะ ในอดีตเธอรู้จักฉันมั้ย แล้วอดีตของฉันมันเกี่ยวอะไรกับเธอด้วยล่ะ!”
“ขอโทษเกาเหวินฉัน”
เกาเหวินหัวเราะ “ฮิ เธอกลัวอะไรดูเธอกลัวมากเธอไม่มีทางทำเรื่องแย่ๆ อยู่แล้ว เอาน่า เธอเลิกพูดว่าขอโทษได้แล้วล่ะ นี่บอกหน่อยสิเธอเอาเซี่ยวเลี่ยงอยู่หมัดได้ไง”
“ความจริงฉันไม่เคยคิดจีบเขาเลย และเขาก็ไม่เคยยอมรับฉันด้วย”
“เป็นไปไม่ได้หรอก เมื่อคืนเขาดื่มเหล้าที่ร้านบาร์เพราะเธอ เรื่องแบบนี้ฉันมองไม่ผิดแน่ จริงนะ”
“เธอว่าไงนะ เธอบอกว่าคุณเซี่ยวเมาเพราะฉันเหรอ”
“ฮิๆๆ จนถึงตอนนี้พวกเธอยังไม่รู้ใจกันอีกเหรอ เอาล่ะ พี่จะรีบจัดการให้เธอเอง สบายใจได้ๆ” เกาเหวินหัวเราะ พลอยให้เหม่ยลี่สบายใจไปด้วย
ค่ำวันนั้นเกาเหวินชวนอี้หมิงเข้ามาในร้านอาหารหรูแห่งหนึ่ง
“ว้าว คุณเป็นผู้ถือหุ้นที่นี่เหรอ ถึงพาผมมาที่นี่ เรื่องมันยังไงกัน”
เกาเหวินว่า “ภารกิจครั้งนี้ของเรายากนิดหน่อย”
“ภารกิจเหรอ อะไรเจมส์บอนด์เหรอ”
“พูดร้องเพลงเล่นตลกคุณทำได้มั้ย”
“ได้สิเรื่องนี้ผมถนัดอยู่แล้ว จะเอาตลกแค่ไหนก็ได้ คุณจะทำอะไร”
“เพื่อนของฉันกำลังคบกันแต่ตอนนี้มีปัญหา ฉันเลยอยากทำให้พวกเขาคืนดีกัน”
“เรื่องแค่นี้ง่ายมาก อย่าว่าแต่คืนดีเลย ผมจะจัดให้หนักกว่านี้อีก พรุ่งนี้จะส่งพวกเขาไปจดทะเบียนสมรสเลย แต่สิ่งที่ผมกลัวที่สุดคือ ถ้าผมพยายามช่วยแล้วพวกเขามีลูกกันในหนึ่งอาทิตย์จะทำยังไง”
“ฮิๆๆ พอแล้วน่าอย่าลืมร่วมมือกับฉันล่ะ”
“ได้คอยดูฝีมือผม เฮ้อเรื่องเชือดไก่แบบนี้ ผมถนัดอยู่แล้วน่า”
เหม่ยลี่นั่งรอที่ห้อง เห็นเกาเหวินเดินเข้ามาก็บ่น
“ทำไมมาช้าอย่างนี้ ฉันนั่งรอจนหิวแล้ว”
“เธอดื่มคนเดียวเลยเหรอ มานายเคยเจอกันแล้วนี่เพื่อนฉันมี่โตะ”
เหม่ยลี่กับอี้หมิงชะงักไปนิดก่อนทักทายกัน
“เธอสองคนเคยเจอกันแล้วไงใช่มั้ย เอ๊ะเจอกันเมื่อไหร่นะฉันจำได้ว่า”
อี้หมิงสวน “นี่ เพื่อนที่คุณจะช่วยคือเขาเหรอ”
เหม่ยลี่งง “ช่วยอะไร”
เกาเหวินรีบตัดบท “เอ่อปละๆ เปล่า เขาบ้าไปแล้ว ฉันไปโทรศัพท์ก่อนนะ”
อี้หมิงสวนเกาเหวิน “คุณน่ะสิบ้า”
เกาเหวินหันไปโทรศัพท์ เหม่ยลี่รีบถามอี้หมิงว่า “นี่ เขาว่าไงนะ”
“เธอไม่รู้ว่าทำอะไรแล้วมาทำไม เขาจะทำให้เธอกับเซี่ยวเลี่ยงดีกัน”
“แล้วนายมาที่นี่ทำไม”
“ฉันจะไปรู้เหรอว่าเขาให้ทำเรื่องนี้” อี้หมิงอย่างเซ็ง
“เขาให้มานายก็มาเหรอ”
“เธอก็เหมือนกันนั่นแหละ”
สักพักเซี่ยวเลี่ยงก็มาถึง เกาเหวินชวนทุกคนร้องเพลง อี้หมิงจะขอตัวกลับไปโรงพยาบาล แต่เกาเหวินไม่ยอมให้กลับ เซี่ยวเลี่ยงก็จะกลับ เหม่ยลี่ว่าเธอกลับเองอีกว่า เกาเหวินได้แต่มองคนนั่นคนนี้อึ้งๆ ที่ต่างก็จะขอตัวกลับ
“เพิ่งมาถึงนะอย่าเพิ่งกลับเลย ร้องเพลงแล้วค่อยกลับเถอะ เดี๋ยวๆ พวกเธอจะไปไหน”
เซี่ยวเลี่ยงเหล่เหม่ยลี่ “คุณมีสิทธิ์อะไรกลับก่อนผม”
เหม่ยลี่ไม่ยอม “คุณมีสิทธิ์อะไรมาว่าฉันเล่า! ตัวคุณเองก็..”
เกาเหวินสวนตะโกน “พอได้แล้ว! เฮ่อ เอ่อ นานๆ ทุกคนได้เจอกันที มาร้องเพลงกันซักหน่อยจะเป็นไรไปล่ะ ฉันขอแนะนำให้คุณรู้จักแฟนของฉันนะ เหลยอี้หมิง ฮิๆ เหลยอี้หมิง”
เซี่ยวเลี่ยงทักแบบเสียไม่ได้ “หวัดดี”
อี้หมิงตอบแบบไม่อยากมองหน้า “หวัดดี”
เกาเหวินเหวอๆ “สวัสดีๆ สวัสดีทุกคน สามัคคีกันอย่างนี้ดีมากเลยใช่มั้ยล่ะ ร้องเพลงๆๆ มานี่สิ ดูเหมือนทุกคนจะสามัคคีกันเกินไปแล้ว นั่งอย่างเดียว ไม่พูดไม่จาเลยฮิๆๆ รู้สึกอึดอัดเลย คือว่า มาร้องเพลงกันเถอะ เอานะ ฮิๆ ดีมากฮิๆๆ มา มี่โตะ เซี่ยวเลี่ยง คุณกับมี่โตะร้องหนึ่งเพลง”
เซี่ยวเลี่ยงหน้าบึง “ผมร้องเพลงไม่เป็น”
เกาเหวินหันมาทางอี้หมิง “เหลยอี้หมิง”
“บังเอิญว่า ผมก็ร้องไม่เป็น”
เกาเหวินหัวเราะกลบเกลื่อน “ฮิๆๆ ช่างบังเอิญจริงๆ คนร้องเพลงไม่เป็นมาอยู่ด้วยกันแล้ว ดังนั้นถึงได้เป็นเพื่อนกันไง ทำไมต้องขี้อายอย่างนี้ด้วยถูกมั้ย ฉันร้องเป็นเพื่อนคุณ”
“ไม่อยากร้อง”
“ทำเพื่อมี่โตะไง ฮิ ลุกขึ้น ลุกขึ้น” เกาเหวินหัวเราะ “เขาเป็นคนขี้อายน่ะอย่าถือสาเลย ลุกขึ้น ลุกขึ้น รอเดี๋ยวนะ”
อี้หมิงกับเกาเหวินร้องเพลง อี้หมิงมองมาทางเหม่ยลี่ตลอดเวลา
เซี่ยวเลี่ยงหันมาคุยเหม่ยลี่ “คุณมีความสุขมากเหรอ”
“ทำไม ฉันมีความสุขไม่ได้เหรอ ฉันมีความสุขมันเกี่ยวอะไรกับคุณด้วยล่ะ ก็มันตลกจริงๆ หนิ”
“คืนงานเลี้ยงฉลอง คุณอยู่กับใครเหรอ”
“คุณหมายถึงใคร ทำไมจู่ๆ ถามเรื่องนี้” เหม่ยลี่งง
“ผมโทรหาคุณแต่มีผู้ชายรับสายนี่นา”
เหม่ยลี่อึ้งงง “วันนั้นคุณโทรหาฉันเหรอ ทำไมฉันไม่รู้เรื่องเลย”
“อย่ามาเปลี่ยนเรื่อง ผู้ชายคนนั้นเป็นใคร”
“ฉัน.. ฉันไม่รู้ วันนั้นฉันเมาหลับไปแล้ว ไม่แน่อาจเป็นเจ้าของร้านอาหาร เขาเห็นฉันหลับอยู่เลยช่วยรับโทรศัพท์”
“คุณดื่มเหล้าด้วย เมาแล้วยังนอนที่ร้านอาหารคุณบ้าแล้วเหรอ! ถ้าเจ้าของร้านฉวยโอกาสขึ้นมาจะทำยังไง อันตรายมากนะ”
เหม่ยลี่รีบบอก “เขามีคนรักแล้วล่ะ”
“คุณรู้แม้กระทั่งเรื่องส่วนตัวเจ้าของร้านเหรอ”
“ฉัน ฉันหมายถึง เจ้าของร้านมีเมียแล้ว พอดีฉันรู้จักเมียเขาด้วย”
“แล้วทำไมเมียเขาไม่รับสายล่ะ โทรศัพท์คุณดังเกี่ยวอะไรกับเจ้าของร้าน”
เหม่ยลี่เหย่เซี่ยวเลี่ยง “คุณหึงฉันเหรอ”
เซี่ยวเลี่ยงตวาด “หุบปาก”
“เห็นได้ชัดว่าคุณกำลังหึงฉัน”
“ผมบอกให้หุบปากยัยผู้หญิงซื่อบื้อ”
“แล้ววันนั้นคุณโทรหาฉันทำไมเหรอ”
“ไม่มีอะไรแค่เป็นห่วงคุณ”
“อะไรนะคุณว่าไงนะ พูดอีกรอบสิพูดอีกรอบ โอ้ย!”
“พูดรอบเดียวไม่มีรอบสอง”
อี้หมิงร้องเพลงไปก็คิดถึงเรื่องราวของตัวเองกับเหม่ยลี่ ขณะที่เซี่ยวเลี่ยงรู้สึกรำคาญเสียงเพลง ก็ฉุดเหม่ยลี่ลุกขึ้นให้ออกไปข้างนอกกัน เกาเหวินหันมาถาม เหม่ยลี่บอกให้ร้องเพลงกันไปก่อน
อี้หมิงถาม “จะไปไหนกัน”
เหม่ยลี่ยิ้ม “ไปก่อนนะ บ๊ายบายๆ”
“ดีมาก บ๊ายบายรีบไปเลย บ๊ายบายสุดยอดไปเลย เป็นอะไรของคุณเนี่ย เมื่อกี้ยังร้องอยู่ดีๆ มาฉันร้องเป็นเพื่อนมาๆ” เกาเหวินชวนอี้หมิงร้องต่อ
อี้หมิงไม่ร้อง “ทำไมคุณต้องให้ผมช่วยเขากับเซี่ยวเลี่ยงด้วยล่ะ”
“ไม่ใช่ เป็นอะไรคุณดูไม่ออกเหรอว่าพวกเขาทะเลาะกัน คุณทำตัวเป็นตัวตลกให้พวกเขาอารมณ์ดีหน่อยสิ คุณเห็นมั้ยพวกเขามีความสุขออกไปแล้ว”
อี้หมิงหงุดหงิด “เป็นตัวตลกต่อหน้าใครก็ได้แต่สำหรับผู้ชายคนนี้ผมทำไม่ได้!”
“ทำไมคุณถึงทำไม่ได้ คุณชอบมี่โตะใช่มั้ย!”
“คุณโง่รึไง เขาเป็นแฟนเก่าของคุณนะ คุณแนะนำผู้หญิงให้เขา ไม่เสียใจบ้างเหรอ” เกาเหวินได้แต่อึ้ง อี้หมิงเดินหนีไปเลย
เซี่ยวเลี่ยงลากเหม่ยลี่ออกมา เหม่ยลี่โวย
“คุณ.. คุณทำอะไร ฉันเจ็บนะ”
“ผมไม่ชอบที่ดึกแล้วคุณยังอยู่กับผู้ชายคนอื่น”
“คุณมายุ่งอะไรด้วย คุณเป็นใครทำไมต้องตะคอกใส่ฉันด้วย”
“ผมเป็นแฟนคุณไงล่ะ มี่โตะ ผมเป็นแฟนของคุณ คุณเป็นแฟนของผม ผมมีสิทธิ์จะรู้ว่าคุณไปไหน ถ้าคุณยังไม่พอใจพรุ่งนี้ผมจะเปิดแถลงข่าวประกาศว่ามี่โตะเป็นแฟนเซี่ยวเลี่ยงอย่างเป็นทางการ”
เหม่ยลี่อึ้ง “แต่คุณเคยพูดกับฉันว่า..”
เซี่ยวเลี่ยงจ้อง “พูดว่าไง”
“คุณบอกว่าระหว่างเราไม่มีเรื่องเกี่ยวข้องกันอีก”
“ตอนนี้ผมรู้สึกเสียใจ ผมคิดว่าคุณพูดถูก ความรู้สึกไม่สามารถควบคุมได้ เหมือนตอนที่คุณรักผมอย่างไร้เงื่อนไข และตอนนี้ผมก็ไม่สามารถหยุดรักคุณได้ แค่คิดว่าต่อไปจะไม่ได้เจอคุณอีกทำให้ผมทำอะไรไม่ถูกเลย หัวใจของผมรู้สึกเจ็บปวด ยกโทษให้ผมด้วยเป็นแฟนของผมได้มั้ย หืม?”
เหม่ยลี่อึ้งหันหลังให้ “พูดอย่างนี้แสดงว่าเขาชอบฉันจริง และเห็นฉันเป็นแฟนของเขาแล้ว ความสุขมาได้กะทันหันมาก ไม่ได้ๆ ฉันต้องรีบโทรหาเพื่อนๆ สมัยประถมและลุงป้าน้าอาของฉัน แล้วบอกพวกเขาว่าฉันมีความสุขแล้วมี่โตะสู้ๆ เย่” เหม่ยลี่หันมาเจอเซี่ยวเลี่ยง “เฮ้ย!”
เซี่ยวเลี่ยงว่า “ผมให้โอกาสแค่นี้ทำเป็นดีใจ นี่มันที่สาธารณะระวังหน่อยสิ”
“เราคืนดีกันเป็นเรื่องน่ายินดีใช่มั้ย ฉันควรแสดงอะไรเล็กๆ น้อยๆ บ้างสิ”
“คุณจะทำอะไร”
“งั้นฉันไม่เกรงใจแล้วนะ ฮิๆ ฉันชอบทำแบบนี้หนิ”
“คุณปล่อยนะ”
“เป็นอะไร”
“ดึงแขนจนผมเจ็บน่ะสิ”
“งั้นคุณอยากไปไหน”
“บ้านผม”
เซี่ยวเลี่ยงพาเหม่ยลี่มาที่บ้านเขา แล้วทำท่าจะถอดเสื้อ เหม่ยลี่รีบห้ามไว้แล้วขอไปเข้าห้องน้ำ เธอรู้สึกตื่นเต้นอยู่ในห้องน้ำคนเดียว
“เฮ่อ คุณจะทำอะไรฉันกันแน่ ดึกดื่นป่านนี้ ชายหญิงอยู่กันสองต่อสอง แบบนี้ไฟก็ลุกน่ะสิ ฉันไม่ได้ใส่ชั้นในสวยๆ มาด้วย แล้วยังกินมันฝรั่งรสกระเทียมอีก ฉันจะทำไงดี แปรงสีฟันทำไมเขาไม่มีแปรงสีฟัน เขาไม่ใช้แปรงสีฟันเลยเหรอ ล้างมือไม่มีประโยชน์”
เหม่ยลี่ออกมาลองนอนที่โซฟาว่าจะนั่งนอนท่าไหนดี เซี่ยวเลี่ยงเข้ามาถามว่าทำอะไร
“ฉัน.. ฉันกำลังคิดว่า ยังไงฉันก็เป็นลูกสาวมีพ่อมีแม่ ดังนั้น.. เลยต้องเตรียมตัวหน่อยน่ะสิ”
“นี่มันกี่โมงแล้วยังจะเตรียมอะไรอีก รีบแก้ไขปัญหาของงานออกแบบเร็ว แล้วรีบกลับไปนอนที่บ้าน”
“ห๊ะ! คุณหมายถึง แก้ไขงานออกแบบเหรอ”
เซี่ยวเลี่ยงพยักหน้าขำๆ เหม่ยลี่เหวอไปนิด “คุณบอกว่าแก้งานออกแบบห้ามทำอย่างอื่นนะ”
“อื้ม ผมล้อเล่นน่า ผมเห็นคุณท่าทางของคุณก็ตลกแล้ว”
“เห็นคุณหัวเราะขนาดนี้ ฉันรู้สึกไม่ชินเลย”
เซี่ยวเลี่ยงกระแอม “แต่คุณต้องรับปากก่อน ต่อไปห้ามโพสท่าอย่างนี้อีก โดยเฉพาะอยู่ต่อหน้าผู้ชายคนอื่น ไม่รู้จักรักนวลสงวนตัวเลย”
“ฉันสัญญา ต่อไปจะรักนวลสงวนตัว ว้าว เตรียมไว้เยอะแยะเลย ฉันคิดว่าคุณไม่สนใจงานออกแบบของฉันซะอีก”
“ผมแค่ชอบการทำงานอย่างเต็มที่เท่านั้น”
“งั้นแสดงว่า คุณยอมให้ฉันทำงานต่อแล้ว”
“มี่โตะ ครั้งนี้ผมเคารพการตัดสินใจของคุณ และผมจะช่วยคุณ”
“คุณดีจริงๆ ฮิๆๆ”
เซี่ยวเลี่ยงกระแอม “เมื่อกี้คุณสัญญาอะไรไว้”
เหม่ยลี่บ่น “ขี้งกจริงๆ เลย”
“ตอนนี้ ขอให้คุณมี่โตะ พูดเกี่ยวกับความคิดของคุณในการออกแบบงานครับ”
เหม่ยลี่เปิดหน้าแรกของแฟ้มเธอ “งั้น.. ก็เริ่มจากหน้านี้ก่อนนะ แท่นๆ”
“นี่คืออะไร” เซี่ยวเลี่ยงถาม
“ความคิดสร้างสรรค์ของฉันไง งานออกแบบนี้ฉันจะเอาสิ่งที่ฉันชอบทั้งหมดมาใส่เอาไว้ในนี้”
“ที่แท้สิ่งที่คุณชอบที่สุดคือน่องไก่เหรอ”
เหม่ยลี่หัวเราะ “ไม่ใช่แน่นอน แต่เป็นรูปของคุณที่อยู่ข้างน่องไก่ นี่ไง ฮิๆๆๆ”
เหม่ยลี่กลับถึงบ้าน อี้หมิงก็ทักแล้วถามว่าไปไหนมา เหม่ยลี่ยิ้มให้เขาทาย
“ดูมีความสุขหนิ คืนดีกันแล้วเหรอ”
“ฮิๆๆ นายรู้ได้ไง ฮิๆๆ ฉันจะบอกนายว่า วันนี้เซี่ยวเลี่ยงยอมให้ฉันทำงานต่อที่บริษัทแล้ว ดังนั้นครั้งนี้ยกความดีให้นายกดไลท์ให้เลย โธ่เอ๊ยนายจะปิดหน้าทำไม ไหนเล่าให้ฟังหน่อยนายกับเกาเหวินเป็นไงบ้าง”
“ฉันกับเขาไม่เกี่ยวข้องกัน”
“อะไรกันดูสิยังแกล้งทำเป็นไม่รู้อีก นี่ “สวัสดีทุกคนนี่คือแฟนของฉัน” เขาแนะนำว่านายเป็นแฟนอย่างเป็นทางการแล้วนายต้องดีใจสิ”
“ฉันบอกแล้วไงว่าเขาไม่เกี่ยวกับฉัน! ฉันไม่ได้ชอบเกาเหวิน”
“ต่อหน้าฉันยังมาทำเป็นเก๊กอีกฉันไม่ใช่คนอื่นสักหน่อย เล่าให้ฉันฟังหน่อยสินายจีบเขาติดได้ยังไง”
“เอ๊ะ ทำไมเธอชอบจับคู่ให้ฉันกับคนอื่นอยู่เรื่อยเลย ฉันไม่ได้ชอบเกาเหวินเลยแม้แต่น้อย เธอยังไม่เข้าใจอีกเหรอ ฉันไม่อยากเป็นเพื่อนเธอและไม่อยากช่วยเธอ ฉันไม่มีทางรักคนอื่นเพราะในใจฉันมีแต่เธอฉันชอบเธอ” เหม่ยลี่อึ้งไป อี้หมิงเองก็นิ่งไปเช่นกัน
เช้าวันใหม่อี้หมิงตื่นมาก็ไม่พบเหม่ยลี่แล้ว เวลานั้นเหม่ยลี่มาถึงที่ทำงาน เซี่ยวเลี่ยงเดินเข้ามาเธอก็ทักแต่เซี่ยวเลี่ยงว่า
“วันนี้ผมยุ่งมาก ไม่มีเวลาสนใจคุณ” เซี่ยวเลี่ยงเดินไปเลย
เหม่ยลี่มองตามอึ้งๆ “เป็นบ้าอะไรขึ้นมาอีกล่ะ คนที่ชอบฉันกับคนที่ฉันคบด้วยต่างไม่สนใจฉัน ไม่มีใครสารภาพรักกับฉันเลย ทุกคนเป็นอะไรกันหมดเนี่ย เฮ้อ”
อี้หมิงเดินออกจากห้องทำงานก็เจอเกาเหวินดักรออยู่ จะหลบก็ไม่ทัน
เกาเหวินกระแอม “เหลยอี้หมิง”
“ทำไมถึงเป็นคุณอีก”
“เมื่อคืนฉันนอนไม่หลับทั้งคืน”
“ผมก็เหมือนกัน”
“ฉันคิดถึงตอนเราร้องเพลงกันเมื่อวาน ที่คุณเกลียดเซี่ยวเลี่ยงมาก คงเพราะอิจฉาเขาใช่มั้ย”
อี้หมิงเหวอ “ทำไมคุณพูดแบบนี้ล่ะ”
“ความจริงคุณก็เป็นคนดี แต่ว่าการชอบใครสักคนมันซ่อนไม่อยู่ ฉันสามารถรับรู้ได้”
“เอาล่ะ ในเมื่อทุกคนรู้กันหมดแล้ว ผมก็ไม่ต้องแกล้งอีกต่อไป”
“ไม่ คุณแกล้งต่อไปดีกว่าค่ะ เพราะมิตรภาพกับความรักไม่เหมือนกัน คนสองคนเมื่อเริ่มจากการเป็นเพื่อน ต่อมาก็รักกันแน่นอนว่าต้องมีอุปสรรค ฉันไม่ต้องการให้มิตรภาพของฉัน กับมี่โตะมีปัญหาเพราะว่าคุณชอบฉัน”
“คุณ.. คุณพูดอะไรผมชอบใครนะ”
เกาเหวินสวน ซูส์ “ฉันเข้าใจ ฉันเข้าใจทุกอย่าง ฉันรู้ว่าเพราะฉันเคยคบกับเซี่ยวเลี่ยง ตอนนี้ฉันยังลากคุณเข้ามาเกี่ยวด้วย ฉันรู้ว่าคุณเจ็บปวดมากแต่ไม่สามารถพูดออกมาได้ แต่ว่าฉัน.. แต่ว่าฉันกับเซี่ยวเลี่ยงเป็นแค่เพื่อนเท่านั้น ฉันทำทุกอย่างเพื่อช่วยมี่โตะเท่านั้น แต่เมื่อคืนคุณกลับหึงฉันฉันรับรู้ทุกอย่างค่ะ”
“หึงเหรอ ใช่ผมกำลังหึงแต่ว่าสิ่งที่ผมหึงไม่ใช่เรื่องนี้ผม”
“ไม่ต้องพูด ไม่ต้องพูดแล้วไม่ต้องพูดฉันเข้าใจ”
“เข้าใจอะไรของคุณ”
“ฉันเข้าใจ ฉันเข้าใจจริงๆ ฉันเข้าใจว่าคุณชอบฉันจึงไม่สามารถพูดออกมาได้ ต้องโทษที่ฉันเห็นแก่ตัวเอง ฉันยอมแกล้งทำเป็นไม่รู้ เพราะไม่อยากให้มิตรภาพระหว่างเราจบลงแบบนี้ รับปากฉัน ว่าเราจะเป็นกามเทพของกันและกัน ให้เราเป็นเพื่อนที่ดีต่อกันได้มั้ย”
เกาเหวินเดินจากไป อี้หมิงนั่งถอนใจ
“เฮ้อ