บันเทิง

ประวัติร้าย...ไอซิส

ประวัติร้าย...ไอซิส

10 ก.ย. 2559

ประวัติร้าย...ไอซิส : เนชั่นทีวีอัพเดท  โดยนันนทพร ไวศยะสุวรรณ์

              สารคดีฟรอนท์ไลน์ วันที่ 27 สิงหาคม เวลา 22.15-23.30 น. ตอน The Secret History of Isis หรือ “ประวัติร้าย...กลุ่มไอซิส” นำเสนอจุดกำเนิดกลุ่มก่อการร้ายที่มีขนาดใหญ่ที่สุด ที่มีอาวุธยุทโธปกรณ์และเงินทุมพร้อมพรั่งมากที่สุดที่เคยมีมา

              โดยแต่แรกแล้วก็เกิดจากการที่สหรัฐรุกรานและยึดครองประเทศอิรักในสงครามอ่าวเปอร์เซียครั้งที่สอง เริ่มใน พ.ศ. 2546 และยืดเยื้อมานานถึง 13 ปี จนถึงทุกวันนี้ เป็นผลให้พลเรือนและผู้เสียชีวิตรวมกันทุกฝ่าย ทั้งในสงครามอ่าวและการสู้รบที่ต่อเนื่องกันเป็นจำนวนมากกว่า 2 แสนราย

              บุคคลแรกซึ่งให้กำเนิดอุดมการณ์รัฐอิสลาม คือแกนนำผู้ก่อการร้ายคนสำคัญ นายอาบู มูซาบ อัล ซาคาวี ชาวจอร์แดน ที่ผลักดันตัวเองขึ้นมาจากอาชญากรธรรมดา มาเป็นหัวหน้ากลุ่มก่อการร้ายในอิรักในช่วงที่สหรัฐยึดครอง โดยพยายามที่จะขอเข้าร่วมและรับความสนับสนุนจากกลุ่มก่อการร้ายอัล ไกดา เพื่อจัดตั้งรัฐอิสลามอย่างเต็มรูปแบบ แต่ไม่ได้รับความสนใจจากโอซามา บิน ลาเดนในช่วงแรก จนเขาเริ่มลงมือปฏิบัติการด้วยตัวเอง โดยใช้คาร์บอมบ์ต่อพลเรือน และสร้างความขัดแย้งระหว่างนิกายสุหนี่และชีอะห์

              ช่วงสำคัญของรายการ คือการเปิดเผยถึงรายละเอียดของความผิดพลาดของนโยบายต่างประเทศของสหรัฐ โดยประธานาธิบดีสองคนล่าสุดที่ดำรงตำแหน่งที่ส่งผลให้เกิดสงครามและความพินาศในภูมิภาคตะวันออกกลางต่อเนื่องมาจนถึงทุกวันนี้

              รายแรกคือ ประธานาธิบดีจอร์จ บุช ของสหรัฐ ผู้ตัดสินใจรุกรานอิรัก โดยอ้างถึงความสัมพันธ์ระหว่างนายอัล ซาคาวี กับประธานาธิบดีซัดดัม ฮุสเซนของอิรักว่ามีส่วนในการวางแผนโจมตีสหรัฐในเหตุการณ์วันที่ 11 กันยายน 2544 โดยสร้างทฤษฎีและหลักฐานเท็จขึ้นมาเองว่า อิรักครอบครองอาวุธทำลายล้างอานุภาพสูง เพื่ออ้างความชอบธรรมในการรุกรานอิรัก ซึ่งทุกวันนี้ก็ยังไม่มีการค้นพบอาวุธดังกล่าวในประเทศอิรักแต่อย่างใด

              ส่วน ประธานาธิบดีบารัก โอบามา ก็ขาดการตัดสินใจที่หนักแน่นและฉับพลันที่จะใช้กำลังทหารเข้าจัดการกับกลุ่มไอซิสในช่วงแรกที่กำลังเริ่มก่อตั้งและแผ่อิทธิพล จนกระทั่งผู้นำกลุ่มไอซิสคนปัจจุบัน นายอาบู บาคร์ อัล บักห์ดาดี ใช้กำลังนักรบจำนวนมากรุกรบและยึดพื้นที่ในประเทศซีเรียรวมถึงอิรักเป็นบริเวณกว้างขวางและประกาศก่อตั้งรัฐอิสลามโดยประกาศตัวเองเป็นกาหลิบ หรือผู้นำโลกมุสลิมทั้งมวลในรัฐที่ตั้งขึ้นมาใหม่โดยใช้กฎหมายอิสลามปกครอง และไม่คำนึงถึงเขตแดนใดๆ

              นับได้ว่าสายเกินไป ที่จะหยุดยั้งความโหดร้ายของกลุ่มไอซิสที่ได้ฆ่าล้างเผ่าพันธุ์และสังหารหมู่ นักรบฝ่ายตรงข้ามและกลุ่มพลเรือนผู้มีความเชื่อศาสนาที่ต่างกันหรือกลุ่มที่ปฏิเสธที่จะอยู่ภายใต้การปกครองของรัฐอิสลามไปเป็นจำนวนรวมกันหลายหมื่นคน

              ทุกวันนี้แม้ว่าชาติมหาอำนาจและนักรบฝ่ายตรงข้ามจะร่วมกันรุกไล่และทำลายกลุ่มไอซิสในซีเรียและอิรักได้อย่างมีประสิทธิภาพ แต่ก็ปรากฏว่ากลุ่มไอซิสยังมีศักยภาพที่จะก่อการร้ายขนานใหญ่ในประเทศที่อยู่ไกลออกไปจากเขตที่ตนมีอิทธิพลอยู่ทั้งสองประเทศ ที่รวมไปถึงการโจมตีที่กรุงปารีสของฝรั่งเศสเมื่อปลายปีที่แล้ว

              การวางระเบิดและกราดยิงที่สนามบินกรุงบรัสเซลส์ของเบลเยียม และสนามบินอาร์ตาเติร์กของตุรกีเมื่อไม่กี่เดือนที่ผ่านมา ซึ่งประเทศทั้งหลายที่อยู่ใกล้และไกลจากซีเรียและอิรักก็ได้แต่จับตาดูสถานการณ์ด้วยความหวาดกลัวว่า เมื่อใดที่ตนจะตกเป็นเหยื่อการโจมตีหรือวางระเบิด ทั้งโดยคำสั่งโดยตรงจากกลุ่มไอซิสหรือกลุ่มมุสลิมหัวรุนแรงหรือก่อการร้ายท้องถิ่นที่อยู่ในประเทศของตน