
พลเมืองจูหลิง
ปัญหาความไม่สงบในเขตสามจังหวัดชายแดนภาคใต้ เริ่มส่อเค้าความรุนแรงมาตั้งแต่ต้นปี พ.ศ. 2547 จากเหตุการณ์เผาโรงเรียน 20 แห่ง ตามด้วยการบุกเข้าปล้นปืนค่ายกองพันพัฒนาที่ 4 กว่า 100 กระบอกในจังหวัดนราธิวาส ก่อนจะจบลงด้วยคำพูดที่ว่า มันก็แค่โจรกระจอก ของอดีตน
การยิงปะทะกันระหว่างทหาร ตำรวจ กับกลุ่มผู้ก่อการร้าย ที่มัสยิดกรือเซะในอีกไม่กี่เดือนถัดมา เป็นเหมือนการร่นชนวนระเบิดเวลาให้ทำงานเร็วยิ่งขึ้น การล้อมปราบผู้ประท้วงในเหตุจลาจลที่หน้าสภอ.ตากใบ จนมีผู้เสียชีวิตนับร้อยในระหว่างขนย้ายผู้ก่อเหตุ ฯลฯ การใช้ความรุนแรงของเจ้าหน้าที่รัฐต่อประชาชนไม่กี่เหตุการณ์ แต่มีจำนวนผู้เสียชีวิตของชาวบ้านผู้บริสุทธิ์ร่วมพัน จากนั้นมาการเผาโรงเรียน สถานที่ราชการ ไปจนถึงการลอบยิงเจ้าหน้าที่รัฐ ทั้งครู ทหาร ตำรวจ กระทั่งผู้พิพากษา รวมถึงการวางระเบิดในสถานที่ชุมชน ก็กลายเป็นข่าวรายวันที่เกิดขึ้นถี่ยิบไม่ต่างจากอาชญากรรมทั่วไป
ความคิด ความเชื่อ ในเรื่องการแบ่งแยกดินแดนสามจังหวัดชายแดนภาคใต้ อาจเกิดขึ้นกับคนแค่จำนวนไม่กี่สิบ แต่การปฏิบัติกับประชาชนตาดำๆ ในเขตสามจังหวัดชายแดนภาคใต้ของเจ้าหน้าที่รัฐด้วยความรุนแรง ปราศจากความยุติธรรม ได้ผลักดันให้คนจำนวนไม่น้อยเข้าร่วมกับกลุ่มขบวนการผู้ก่อการร้ายในเวลาต่อมา
“พลเมืองจูหลิง” สะท้อนปัญหาเหล่านั้นออกมาให้เรารู้สึกได้ครับ แม้หนังจะไม่ได้บอกตรงๆ แต่หลายๆเหตุการณ์ล้วนมีนัยบ่งบอกถึงประเด็นดังกล่าว แม้หนังจะเปิดเรื่องด้วยการแสดงความรู้สึกของกลุ่มประชาชนหลากหลายที่มีต่อจูหลิง ปงกันมูล ครูผู้อุทิศตนแห่งโรงเรียนกูจิงลือปะ ในอำเภอระแงะ จังหวัดนราธิวาส ตามด้วยการเรียงไล่เหตุการณ์ถูกจับเป็นตัวประกัน ถูกรุมทำร้ายบาดเจ็บสาหัส และเสียชีวิตลงในอีก 8 เดือนต่อมา หลังเจ้าหน้าที่บุกเข้าไปช่วยเหลือนำตัวมารักษาที่โรงพยาบาลสงขลานครินทร์ อ.หาดใหญ่ จ.สงขลา
หนังเริ่มต้นเหมือนพยายามจะนำเสนอชะตากรรมอันแสนเศร้าของครูจูหลิง แต่เมื่อ อ.ไกรศักดิ์ ชุณหะวัณ ในอีกหนึ่งบทบาทของผู้ทำงานด้านสิทธิมนุษยชน เดินทางไปยังสถานที่เกิดเหตุ บ้านกูจิงลือปะ เข้าไปดูในห้องเล็กๆ ที่คุมขังครูจูหลิงในบริเวณศูนย์พัฒนาเด็กเล็ก ซึ่งยังปรากฏคราบเลือดและร่องรอยของการรุมทำร้ายให้เห็น เรื่องราวและมุมมองทั้งหลายก็ค่อยๆ เปลี่ยนไปเมื่อ อ.ไกรศักดิ์ เข้าไปพูดคุยกับกลุ่มชาวบ้านที่มัสยิดใกล้เคียง จากนั้นความจริงที่เกิดขึ้นก็พรั่งพรูจากปากคำของพวกเขา
ชะตากรรมของครูจูหลิง คงไม่ต่างจากชะตากรรมของชาวบ้านกูจิงลือปะ รวมทั้งคนบริสุทธิ์อีกมากมายในเขตสามจังหวัดชายแดนภาคใต้นัก ไม่ว่าชาวยะลา ปัตตานี นราธิวาส ต่างเคยถูกปฏิบัติด้วยความรุนแรงมาก่อนครูจูหลิงเสียอีก ที่สำคัญเป็นการกระทำของเจ้าหน้าที่รัฐและที่ผ่านมาพวกเขาไม่เคยได้รับความเป็นธรรม ถูกมองด้วยความระแวดระวังเกินเหตุ และถูกเหมารวมโดยไม่เคยแยกแยะระหว่างชาวบ้านกับผู้ก่อการร้าย
น้ำตาแห่งความเสียใจของชายวัยกลางคนที่ภรรยาถูกคุมขัง เพราะถูกกล่าวหาว่ามีส่วนร่วมในเหตุรุมทำร้ายครูจูหลิง ความรู้สึกของเขาอาจไม่ต่างจากพ่อแม่ ญาติมิตรครูจูหลิงที่ต้องสูญเสียผู้เป็นที่รักอย่างไม่มีวันกลับคืนเช่นกัน หากทว่าน้ำตาของชายกลางคนผู้นั้น เอ่อท้นร่วมกับความรู้สึกทุกข์ยาก เนื่องจากมีลูกๆ 6 คนเฝ้ารอการกลับมาของผู้เป็นแม่ นี่คือปัญหาที่สะท้อนกลับมาให้เรารู้สึกได้ จากเหตุการณ์จริงที่เกิดขึ้น
ครูจูหลิง อาจไม่ใช่เหยื่อรายแรก หากเธอเป็นผลพวงจากความรุนแรง ความอยุติธรรม ที่เกิดขึ้นจากการใช้อำนาจรัฐที่ปราศจากหลักนิติธรรม แม้มองอย่างผิวเผินหนังพยายามกล่าวหาว่า ปัญหาดังกล่าวมาจากนโยบายของรัฐบาล พ.ต.ท.ทักษิณ ชินวัตร แต่หากมองย้อนกลับไป สิ่งที่ชาวบ้านกูจิงลือปะพูดเอาไว้กลางมัสยิด หรือศิลปินล้านนาคนหนึ่งเอ่ยกับ อ.ไกรศักดิ์ ถึงการใช้ความรุนแรงในการจัดการกับปัญหายาเสพติดผ่านการกระทำต่อชนกลุ่มน้อยทางภาคเหนือ ก็มาจากนโยบายประกาศสงครามยาเสพติดในสมัยรัฐบาลทักษิณมิใช่หรือ? คุณลุงชาวมุสลิม ร้องห่มร้องไห้เสียใจขนาดหนักจนไม่สามารถให้สัมภาษณ์ใดใดได้หลังถูกถามถึงเหตุการณ์สังหารหมู่ 19 เด็กหนุ่ม ที่ด่านตรวจ อ.สะบ้าย้อย จ.สงขลา ทั้งๆ ที่พวกเขาเป็นนักฟุตบอลประจำตำบลธารคีรีที่กำลังมีอนาคตไกล หลายๆ คนเป็นเรี่ยวแรง เป็นความหวังของครอบครัว และทั้งหมดเป็นเด็กความประพฤติดี ไม่เคยสร้างปัญหาให้แก่ชุมชนแม้แต่น้อย พวกเขาถูกยิงก่อนจะถูกจับกุม เพื่อสอบสวนหาสาเหตุที่มาที่ไป ชาวบ้านตากใบถูกกวาดต้อนไม่ต่างจากฝูงสัตว์ และความแออัดก็คร่าชีวิตคนบริสุทธิ์ที่อยู่ในเหตุการณ์อย่างไม่ตั้งใจ หรือการจับกุมตัว ‘หมอแว’ แวมะฮาดี แวดาโอะ อดีตส.ว.นราธิวาส ในข้อหาผู้ก่อการร้ายเจไอ ล้วนเป็นคำถามว่า ทั้งหมดนี้คือการละเมิดสิทธิมนุษยชนหรือไม่? ถ้าใช่มาจากใคร ภาครัฐ หรือประชาชนด้วยกัน ถ้าเป็นอย่างหลังมีสาเหตุมาจากอะไร และใครเป็นผู้ลงมือก่อน
ทุกวันนี้ พ่อแม่พี่น้องและญาติๆ ครูจูหลิง ล้วนให้อภัยกับคนที่ทำร้ายเธอ แต่อาจยังคลางแคลงใจกับสิ่งที่เกิดขึ้น ในขณะที่คนอีกมากมายในสามจังหวัดชายแดนภาคใต้ นอกจากสูญเสียคนที่รักแล้วพวกเขายังข้องใจและทวงถามถึงความยุติธรรมที่ยังไม่รู้ว่าหลงเหลืออยู่บ้างไหม? ภาพโปสเตอร์ธงชาติที่ขาดวิ่น คงเป็นเหมือนการตั้งคำถามและสะท้อนเรื่องราวที่เกิดขึ้นใน “พลเมืองจูหลิง” อย่างตรงไปตรงมาที่สุด
ชื่อเรื่อง : พลเมืองจูหลิง Citizen Juling
ผู้กำกับ : ไกรศักดิ์ ชุณหะวัณ, สมานรัชฎ์ กาญจนะวณิชย์, มานิต ศรีวานิชภูมิ
ความยาว : 222 นาที
วันที่เข้าฉาย : 12 สิงหาคม 52
โรงภาพยนตร์เฮ้าส์ อาร์ซีเอ
"ณัฐพงษ์ โอฆะพนม"