
ครูพงษ์ศักดิ์ สู้แม้คนฟังเปลี่ยนยันลิขสิทธิ์เพลงไม่ซ้อนใคร
พงษ์ศักดิ์ จันทรุกขา นักแต่งเพลงระดับปราชญ์แห่งอีสาน เจ้าของเพลงดัง สาละวันรำวง ยันลิขสิทธิ์เพลงของตนเองไม่ทับซ้อน มองทิศทางเพลงลูกทุ่งยังไปได้สวย แค่รสนิยมคนฟังเปลี่ยนตามนักแต่งรุ่นใหม่ ส่วนนักแต่งรุ่นเก่าขอสร้างงานแนวถนัดไม่ฝืนใจ
ครูพงษ์ศักดิ์ จันทรุกขา เผยยังถือครองลิขสิทธิ์เพลงลูกทุ่งกว่า 1,000 เพลง โดยมีบริษัทจัดเก็บลิขสิทธิ์หลายแห่งยื่นข้อเสนอขอร่จัดเก็บให้ เจ้าตัวแบ่งรับแบ่งสู้ดูกติกา ระบุระบบจัดเก็บเมืองไทยยังไม่ดี
"ลิขสิทธิ์การจัดเก็บของครูเพิ่งหมดสัญญากับทางบริษัทจัดเก็บลิขสิทธิ์ไทยเมื่อเดือนกรกฎาคมที่ผ่านมา ตอนนี้ยังคุยกันอยู่ในกลุ่มนักแต่งเพลงด้วยกันคงจะรวมกันไปเป็นกลุ่มๆ ซึ่งก็มีบริษัทจัดเก็บ 2-3 แห่งที่ติดต่อเข้ามา ของครูมีประมาณ 100 กว่าเพลง ไม่เคยขายเพลงขาดให้ใคร มีบางเพลงที่อยู่กับคนอื่น เพราะเราไม่เข้าใจสัญญา แต่ก็ไม่มีปัญหาอะไร ส่วนมากเวลาคนมาซื้อเพลงก็จะมาที่ครู ที่ผ่านมาระบบการจัดเก็บเพลงเก่าเขามักจะใช้แบบเหมาเป็นปี ซึ่งเราไม่เห็นด้วยนัก แต่ในระบบเราไม่มีกำลังที่จะไปตรวจสอบได้ ว่ากันง่ายๆ ระบบการจัดเก็บในบ้านเรายังไม่ชัดเจน "
นักแต่งเพลงแห่งบ้านนาคำ อำเภอศรีเมืองใหม่ จังหวัดอุบลราชธานียังบอกอีกว่าแม้ค่ายเพลงจะสร้างเพลงใหม่ๆ ออกมาแต่เขาก็เชื่อว่าเพลงลูกทุ่งเก่ายังเป็นที่ต้องการของตลาด
"เดี๋ยวนี้บริษัทเขาจะผลิตเพลงใหม่ออกมาเยอะมากโดยจ้างนักแต่งเพลงเขาก็ได้ผลตอบแทนที่คุ้มค่า เพลงเก่าก็จะลำบาก แต่ครูก็ยังเชื่อว่าเพลงเก่ายังเป็นที่ต้องการของตลาดอยู่ อย่างเพลงใหม่ๆ ร่วมสมัยของครูก็มี 4-5 เพลงก็ยังได้เปอร์เซ็นส่วนแบ่งอยู่ 2-3 หมื่นนบาทต่อเดือน ตอนนี้เหลือ 2-3 พันบาทจากนี้ไปการจัดเก็บจะสลับซับซ้อนขึ้น"
ผู้สื่อข่าวสอบถามว่านักแต่งรุ่นเก่าจะมีคลังภาษาที่มากกว่านักแต่งรุ่นใหม่ๆ ซึ่งถือเป็นจุดแข็ง แต่ทำไมถึงไม่มีเพลงใหม่ๆ ออกมาแข่งขันกับคนรุ่นใหม่ ครูพงษ์ศักดิ์ เจ้าของเพลง” อีสานบ้านเฮา” กล่าวตอบว่า
"ทิศทางเพลงเก่าสำหรับนักแต่งเพลงรุ่นเก่าที่จะเสนองานเขาเขียนในลักษณะเดิมก็ได้ เพียงแต่ตอนนี้รูปแบบเพลง รสนิยมที่เปลี่ยนไป เพลงเพื่อชีวิตที่เราเห็นในตลาดตอนนี้มันก็คือลูกทุ่ง เพลงลูกทุ่งแบบเก่าๆ นานๆ จะมาที ครูว่ามันก็ไม่ได้เปลี่ยนไปมาก เพลงลูกทุ่งยกระดับขึ้นมากวิธีการนำเสนอการมองต่างกัน นักแต่งเก่าเหมือนเราไม่ได้อยู่ในสนาม เรามานั่งดูมากกว่า พาหนะเปลี่ยนสังคมเปลี่ยน เนื้อเพลงยังเหมือนเดิม แต่วิถีชีวิตคนรุ่นใหม่ต่างจากเดิม รุ่นครูอยู่กับธรรมชาติท้องนา เวลาติดต่อกันก็เขียนจดหมาย แต่เดี๋ยวนี้ไวโทรสื่อสารหากันได้ทันที นักแต่งเก่าๆ เขาก็พยายามเขียนเพลงใหม่อยู่ แต่เมื่อเสนอไปแล้วมันไม่ได้ เลยขาดความมั่นใจ บางคนเลิกเขียนไปเลยเพราะเขาคิดว่าเขียนไปก็ไม่ใช่เรา"
ครูเพลง เจ้าของเพลง ”ทุ่งรัก” “ตะวันรอนที่หนองหาร” ที่มีภาษางดงามยิ่ง อธิบายเพิ่มเติมอีกว่า ความโรแมนติกของเพลงสมัยนี้ไม่เหมือนเดิมเพราะลูกหลานไม่รักถิ่นเกิด
"ครูศึกษาดูพบว่าการสื่อถึงกันของเด็กยุคนี้มันคนละเรื่อง ความโรแมนติกเมื่อก่อนอีกแบบ ตอนนี้ก็เปลี่ยนไปอีกแบบ ความโรแมนติกของเพลงแบบเดิมมันไม่มีแล้ว เพราะหนุ่มสาวไม่ติดถิ่น มาเดี๋ยวเดียวก็ต้องกลับไปในเมือง บางคนเอาวัฒนธรรมในเมืองมาใช้ที่บ้านนอก เด็กๆ ที่มาเรียนโรงเรียนประจำอำเภอก็ปฏิบัติตัวต่อกับพ่อแม่เปลี่ยนไป พูดง่ายๆ ภาษา บรรยากาศ ดนตรีของคนฟังเปลี่ยนไป นักแต่งเก่าก็เขียนเพลงแนวสมัยใหม่ได้แต่มันคงไม่เนียน มันฝืดตัวเองไม่ได้ ก็ต้องออกบรรยากาศเดิม”
ครูพงษ์ศักดิ์ ผู้อยู่เบื้องหลังเพลงและภาพยนตร์ ”มนต์รักแม่น้ำมูล” ตอบคำถามทิ้งท้ายที่ว่า นักแต่งที่ไม่ปรับตัวอาจจะถูกกลืนหายไปใช่หรือไม่ว่า อาจโดนกลืนในรูปแบบมากกว่าที่จะกลืนตัวตน
"นักแต่งเพลงรุ่นเก่าคงไม่ถูกกลืนตัวตนหรอก แต่ มันจะถูกกลืนในเรื่องของรูปแบบ มันไม่ใช่เวทีของเรา บางทีอาจมาจากความอ่อนล้า เขียนไม่ออก นักแต่งใหม่ๆ หลายคนก็มีการพัฒนาไปอีกรูปแบบ ตอนสมัยครู ตัวครูก็เป็นนักแต่งหัวก้าวหน้าคนหนึ่งที่ใช้ภาษาเขียนที่ข้ามยุค เราจะเห็นว่านักแต่งเพลงทุกวันนี้จะแต่งเพลงเหมือนๆ กันแต่ละคนก็จะมีทางหรือลายมือของใครของมันอยู่ คงไม่มีใครไปลอกแนวเพลง ภาษาเพลง ดนตรีทั้งหมด"
เพลงดังพงษ์ศักดิ์ จันทรุกขา
ตะวันรอนที่หนองหาร, สาวอุบลรอรัก, ด่วนบ.ข.ส., อีสานบ้านของเฮา, รอรักใต้ต้นกระโดน, รักร้าวหนาวลม,โฉมนาง, สาวหมอลำรอรัก, คูณดอกสุดท้าย, ดอกอ้อริมโขง, ดาวบ้านา, มนต์รักแม่นํ้ามูล, สาลวันรำวง, แม่สาวคนโก้, สาวชุมแพ ฯลฯ