
ชีวิตที่ไม่เคยหยุดวิ่งตามฝันของ’แกงส้ม-ธนทัต’
เดินหน้าชีวิตไม่เคยหยุดวิ่งตามฝันกับความมุ่งมั่นของผู้ชายชื่อ “แกงส้ม-ธนทัต” : บันเทิงวันเสาร์ เรื่อง... มงคล บุญคุ้ม ภาพ... วริศรา วุฒิกุล
เปิดฉากเริ่มออกเดินทางไปไม่กี่ตอน สำหรับละครซีรีส์ ที่จะพาผู้ชมแบกกระเป๋าไปเที่ยวภาคเหนืออย่างจุใจ ใน “รักฝุ่นตลบ” จากช่องวัน 31 ที่ได้พระเอกหนุ่ม “แกงส้ม” ธนทัต ชัยอรรถ และสองนางเอก “วิว” วรรณรท สนธิไชย และ “ยิปซี” คีรติ มหาพฤกษ์พงศ์ มาสร้างเรื่องราวความรักสุดชุลมุนระหว่าง 2 สาวเพื่อนรัก และ 1 ตากล้องสุดหล่อ วันนี้หน้าบันเทิง “คม ชัด ลึก” มีโอกาสคว้าตัวหนุ่มแกงส้มมานั่งพูดคุยกันสักหน่อย
“รักฝุ่นตลบ”
00ซีรีส์เรื่องนี้มีความเป็นมาอย่างไร
คือซีรีส์นี้ จะเป็นเรื่องราวที่อาจจะก่อให้เกิดความรักหรือเปล่า ของคนสามคน ที่มีเหตุต้องเดินทางไปด้วยกัน โดยซีรีส์ “รักฝุ่นตลบ” กำกับการแสดงโดยพี่นก (จิรศักดิ์ โย้จิ้ว) เขียนบทโดย พี่เกลือ (กิตติ เชี่ยววงศ์กุล) คือมันเป็นเรื่องราวสนุกๆ ของ 2 สาวเพื่อนซี้ วิว กับ ยิปซี ที่ออกเดินทางตามหารักแท้ แต่ระหว่างทางทั้งคู่ได้มาพบกับตากล้องหนุ่มรูปหล่อก็คือผมเอง ที่มาขอติดรถไปด้วย จึงเป็นชนวนเหตุทำให้เพื่อนรักต้องมาหักหลังกัน แล้วที่สำคัญต้องบอกว่าซีรีส์เรื่องนี้ เราเปิดโอกาสดีๆ สำหรับน้องๆ ที่มีความสามารถ อยากจะเป็นนักแสดง โดยได้เปิดรับสมัครนักแสดงหน้าใหม่ มาร่วมแสดงซีรีส์ และได้ผู้ชนะมาร่วมเล่นกับเราด้วย ถือเป็นเรื่องราวดีๆ นะ เรื่องนี้จะออกอากาศประมาณ 8 ตอน และเราเดินทางเก็บสถานที่ท่องเที่ยวสวยๆ ใน 5 จังหวัด ที่ทีมงานคัดสรรมาเป็นอย่างดี อย่าง เพชรบูรณ์ พิษณุโลก ลำปาง แพร่ น่าน ทุกคนอาจจะได้เห็นมุมมองใหม่ๆ ในการท่องเที่ยวของพวกเราครั้งนี้ด้วย
00บทบาทที่ “แกงส้ม” ได้รับ
ในเรื่องผมรับบทเป็นช่างภาพชื่อ “พีท” หนุ่มช่างภาพอิสระที่ถ่ายรูปขายงานในอินเทอร์เน็ต แล้วเป็นคนที่มีปมเรื่องความรักเพราะเสียคนรักไป ซึ่งต้องเดินทางแบ็กแพ็กตามสัญญาที่ให้ไว้กับแฟนสาวที่เสียชีวิต และเราก็ต้องแบกความฝันและคำสัญญามาทำให้สำเร็จ ระหว่างการเดินทางผมก็ได้ขออาศัยรถของ 2 สาว คือ พี่วิว กับ พี่ยิปซี เดินทางขึ้นเหนือมาด้วย ทำให้ระหว่างทางเกิดเรื่องราววุ่นๆ ขึ้น และได้เรียนรู้กับอะไรหลายๆอย่างเกี่ยวกับชีวิตคนเรา ว่ามันมีอะไรอีกมากมายที่พีทได้พบเจอ จากจุดเริ่มต้น ทริปที่ได้เจอสองสาว ไปจนถึงจุดมุ่งหมายสุดท้าย ที่ดอยเสมอดาว จ. น่าน สำหรับคาแรกเตอร์เรื่องนี้แทบจะไม่ต้องปรับเปลี่ยนอะไรเลย ค่อนข้างใกล้เคียงกับตัวผม ซึ่งผู้กำกับทั้ง 2 คน คือ พี่นก กับ พี่ตูน (นพโรจน์ โชติมั่นคงสิทธิ์) ก็ต้องการให้ผมเล่นเป็นตัวเองด้วย คือมีมุกอะไรก็ปล่อยออกมาได้เลย ทำให้ผมยิ่งสนุกกับการทำงาน เพราะสามารถเสนอมุกเสนอไอเดียได้ตลอด
00มาร่วมงานกับสองสาว “วิว-ยิปซี” ครั้งแรก
รู้สึกแฮปปี้กับการทำงานมาก ส่วนพี่วิวและพี่ยิปซีเป็นการร่วมงานกันครั้งแรก แต่ก่อนหน้านี้ผมก็ติดตามดูผลงานของทั้งคู่มาตลอด ไม่เคยคิดว่าจะได้มาร่วมงานด้วยกัน ตอนแรกผมคาดหวังเอาไว้สูงนะ ว่าเขาจะเป็นสองสาวที่น่ารัก สดใส พอรู้ว่าได้มาเล่นด้วยกัน จึงได้รู้ว่าโอ้โหแต่ละคนเป็นสายเกรียนทั้งนั้นเลย และผมก็รู้สึกดีใจมาก เพราะอยากร่วมงานด้วยมานานแล้ว เห็นฝีมือของทั้งคู่ก็รู้ว่าไม่ธรรมดา มีความเป็นธรรมชาติ และเล่นเก่งมาก พอยิ่งได้มาทำงานด้วยกันแล้ว รู้สึกว่าทั้งคู่เล่นเก่งจริงๆ ถึงจะเป็นการร่วมงานครั้งแรก แต่พวกเราก็สนิทกันเร็ว ด้วยความที่ต้องร่วมเดินทางไปถ่ายทำในแต่ละจังหวัด รวมๆ 5 จังหวัด ทำให้พวกเราสามคน ทำงานเข้าขากันดี ต่อมุกรับมุกกันอย่างลื่นไหล รู้สึกว่าโชคดีมากที่ได้ร่วมงานกับนักแสดงเก่งๆ
00ความรู้สึกที่ได้มาเป็นส่วนหนึ่งของรักฝุ่นตลบ
สำหรับผมการได้มาเป็นส่วนหนึ่งในซีรีส์เรื่องนี้ สิ่งแรกเลยคือโอกาสของผมที่ได้ทำอะไรใหม่ๆ เราได้ไปเที่ยวในเส้นทางที่ผมไม่เคยได้มีโอกาสไปเลย และมันเป็นเรื่องยากนะที่จะได้เดินทางตามเส้นทางภาคเหนืออะไรแบบนี้ เพราะเราคงไม่มีเวลาขนาดนั้น แต่นี่คือการทำงานที่ได้โบนัส คือการได้ไปท่องเที่ยวควบคู่กันไปด้วย สิ่งที่ผมชอบคือ กองนี้พาพวกเราเก็บสถานที่ที่ต้องไปของแต่ละจังหวัดมาได้ครบถ้วน อย่างเช่นวัดต่างๆ ผมรู้สึกว่ามันยากนะ
ผลงานใหม่ที่หลายคนรอคอย
00ทราบข่าวว่ากำลังจะมีโปรเจกท์ใหม่รออยู่
สำหรับตอนนี้ ที่กำลังมีการพูดคุยกันเอาไว้ ช่วงปลายปีนี้ อาจจะมีละครเวทีเข้ามา แต่ก็ต้องรอดูกันต่อไปว่า จะเป็นเรื่องอะไรแนวไหน เพราะตอนนี้ยังไม่ได้เปิดเผยอย่างเป็นทางการ ผมว่าเร็วๆ นี้คงจะได้เห็นกันอย่างเต็มรูปแบบกัน
00ปีนี้คิวฮอตเป็นพิเศษ
ต้องบอกว่าตั้งแต่ต้นปียันปลายปี ปีนี้ผมมีงานเข้ามาตลอดเลย คือเหมือนทุกๆ ปี มันก็จะมีงานต่างๆ เข้ามาให้เราได้ท้าทายตลอด และยิ่งเพิ่มความยากเข้าไปทุกทีด้วย เหมือนผมกำลังโดนทดสอบอยู่เลย (หัวเราะ) แต่ละปีผมก็โตขึ้นอัตโนมัตินะ และพร้อมรับมือกับสิ่งที่กำลังจะเข้ามาอยู่ตลอดเวลา อย่างบางงาน มันก็เข้ามาแบบกะทันหัน เราเองก็ต้องตื่นตัวอยู่เสมอ สติของผมนี่แหละสำคัญที่สุด ที่จะประคับประคองตัวเองไปให้ได้และทำมันออกมาให้ดีที่สุด
4 ปีเต็มในวงการมายา
00จากก้าวแรกถึงปัจจุบันในวงการบันเทิง
ก้าวเข้ามาจากเด็กผู้ชายคนหนึ่งที่เข้ามาประกวดในรายการเดอะสตาร์ ผมก็ยังจำได้ตลอดนะ ว่าเราเป็นใครมายังไง กับ 4 ปีเต็มๆ ของผมในวงการบันเทิง เหมือนผมเรียนมหาวิทยาลัยเลยนะ เทียบๆ ดูก็น่าจะกำลังจะเรียนจบแล้วด้วย อย่างเดอะสตาร์ ตอนนี้ก็รุ่น 12 แล้ว จากแต่ก่อนเข้ามาทำงานเจอรุ่นพี่หลายๆ คนเราต้องไหว้ ต้องเคารพ เดี๋ยวนี้กลายเป็นรุ่นพี่เอง แล้วก็เข้าใจนะว่ามันเป็นไปตามกาลเวลา ถามว่ากับสิ่งที่เปลี่ยนและพัฒนาการของตัวเอง ได้เห็นอะไรบ้าง ผมว่าตอนแรกเราอาจจะรู้สึกว่า งานที่เราเจออยู่มันโหดจัง นั่นคือความคิดในวันแรกที่เจอ แต่พอมาวันนี้อาจจะเจอที่ความยากของงานคูณ 10 แต่ผมก็รู้สึกได้ว่า เรารับมันได้นะ พูดกันตามตรงศิลปินจากเดอะสตาร์ เราต้องทำหลายอย่าง ในคนหนึ่งคนอาจจะได้ทำนักร้อง นักแสดง เล่นละครเวที หรือเป็นพิธีกร ในหนึ่งบุคคล ต้องทำทุกอย่างให้ได้ ความเตรียมพร้อม สติ เราต้องมีตลอดเวลา ตามที่มีงานเข้ามา
00ความฝันที่มากมายของแกงส้ม
ฝันผมยังมีอีกเยอะเลย ผมว่าคนเราพอได้ตามฝันจนสำเร็จอย่างหนึ่งแล้ว ก็จะมีมาอีกเรื่อยๆ เพราะชีวิตมันยังไปต่อเรื่อยๆ และมีการเปลี่ยนแปลงไปได้เรื่อยๆ เช่นกัน อย่างตอนนี้ผมก็เริ่มเข้ามาศึกษางานเบื้องหลังมากขึ้น ทั้งเรื่องโปรดักชั่น เอ็มวี กองละคร เหมือนเรามาทำงานตรงนี้ เราก็สนุกกับการได้ลองทำ ลองตัด ลองถ่ายดู เพราะตอนนี้มีเพื่อนที่ทำเพลงเอง ทำเอ็มวี โปรดักชั่นเองก็มี เราเลยรู้สึกว่ามีคนที่รักในแนวทางเดียวกันมาแชร์ไอเดีย ปรึกษากัน และโชว์ผลงานตัวเอง มันเหมือนมาสนุกกัน และเดี๋ยวนี้ มีเด็กรุ่นใหม่ที่มีฝีมือเจ๋งๆ มากมายนะ อย่างน้องชายแท้ๆ ของผมอยู่ม.6 แต่รับตัดต่อรายการจริงๆ สร้างรายได้มีค่าขนมให้ตัวเองด้วยนะ
00เปิดตัวตนกับความรักดนตรีเต็มหัวใจ
ผมเป็นคนง่ายๆ นะ เฮฮา ผมเป็นคนชอบคิด คิดทำโน่น ทำนี่อยู่ตลอดเวลา ผมจะถือคติที่ว่า คิดไปเถอะ คิดไปเรื่อยๆ อย่าหยุดที่จะทำ อย่าหยุดที่จะคิดสร้างสรรค์ อยากทำอะไรลองทำได้เลย คิดมา 10 อย่าง แล้วมีสักอย่างที่เจ๋งจริงๆ เราก็จะได้งานเจ๋งๆ เพิ่มขึ้น ผมยังเคยคิดเลยนะว่า อยากจะทำโปรเจกท์สักอัน ด้วยการเอาเพลงของตัวเองทำในเวอร์ชั่นใหม่ๆ เพราะตอนนี้จากที่หลายๆ คน ได้เห็นโชว์ที่ผมไปทัวร์คอนเสิร์ตบางงาน ผมจะเอาเพลงมามิกซ์ใหม่เพิ่มสีสันเข้าไปเรื่อยๆ เพราะผมอยากให้แฟนๆ ได้ชมโชว์อะไรใหม่ๆ ที่มีสีสันมากขึ้น อย่างเพลง คุณและคุณเท่านั้น เราก็มาปรับเพิ่มดนตรีใหม่ๆ เข้าไป เพื่อจะได้ไม่จำเจกับดนตรี จังหวะ หรือโชว์เดิมๆ อีก เพลง ดนตรี มันอยู่ในจิตใจเลยนะ ที่ผมได้ทำงานอะไรหลายๆ อย่าง เล่นละคร ละครเวที มีคนถามเข้ามาว่าเราจะเลิกทำเพลงมั้ย ผมตอบได้เลยว่า ไม่มีวันนั้นแน่นอน เพราะเรารักมันจริงๆ ใจผมนะขอแค่เพลงของผม แนวทางของผมสร้างชื่อได้ไม่ต้องดังไกลถึงอินเตอร์ ขอแค่ในละแวกบ้านเราก็พอแล้ว เรียกว่าทุกวันนี้ก็ยังวิ่งตามความฝันต่างๆ มากมายของตัวผมเองอยู่แบบไม่หยุดนิ่ง
00 บทเรียนจากวงการบันเทิงให้อะไรบ้าง
กับ 4 ปีเต็มๆ ในวงการบันเทิง มันสอนผมหลายอย่างมาก และให้แนวทางที่ผมจะเอาไปใช้ชีวิตได้ตลอดเลย จากเด็กที่คิดอะไรไม่ได้เลยมองชีวิตง่ายๆ ก็กลายมาเป็นคนที่ทำงาน กลายเป็นเสาหลักของครอบครัวต้องทำทุกอย่าง และเคยบ่นกับตัวเองนะว่า ทำไมเราต้องเหนื่อยขนาดนี้ด้วยนะ แต่สุดท้ายทุกอย่างมันสอนผมจนกลายที่เป็นคนคิดอะไรเป็นคิดได้ จัดระเบียบชีวิตตัวเองได้ ผมก็รู้สึกภูมิใจกับตรงนี้ ที่ทำอยู่มาก แล้ววงการบันเทิงมันหล่อหลอมให้ผมพร้อมที่จะสู้กับทุกอย่างที่เข้ามาในชีวิตนะ
เปิดหัวใจผู้ชายปอนๆ
00 เปรียบกับแนวเพลงกับสถานะหัวใจตอนนี้สักหน่อย
หัวใจผมตอนนี้เหรอ มันคงเหมือนเพลงแนวอีดีเอ็ม สมัยใหม่นะ มันไม่ใช่แบบตื๊ดๆ อย่างเดียว แต่มันจะมีการผสมผสานดนตรีหลายๆ อย่าง ที่มันฟังแล้วดูชิลมากขึ้น มีหลากหลายท่อน หลายๆ แนว รวมๆ กัน ชีวิตตอนนี้ ได้กลับมาทำในสิ่งที่เรารักมากขึ้น อยู่กับเพื่อน กับงาน และตื่นเต้นกับอะไรใหม่ๆ ที่เราทำ มากกว่าเรื่องความรัก มันเลยมีหลายๆ อย่างรวมกัน และผมก็สนุกกับมันจริงๆ เรื่องความรักเอาจริงๆ เราก็คงต้องเบรกเอาไว้ก่อน แต่ในความเป็นคนนะ ก็คงยังมีคุยๆ กับคนนั้นคนนี้บ้างเป็นธรรมดา ผมบอกเลยว่ากับความรักไม่มีใครเข็ดกับมันจริงๆ จนถึงขั้นไม่ปิดกั้นหัวใจไปหรอก แต่แค่ตอนนี้ เราให้ความสำคัญกับจุดไหนมากกว่าเท่านั้นเอง
00จากรักครั้งก่อนทำมุมมองความรักเปลี่ยนไปมั้ย
ถามว่ามุมมองความรักของผมเปลี่ยนไปจากเดิมมั้ย ไม่เปลี่ยนหรอก เพราะคนเรารักกัน ต้องมีความเข้าใจกันและกันมันถึงจะไปด้วยกันได้อย่างสบายใจ กับเรื่องหัวใจตอนนี้ถามว่ามีคนเข้ามาในชีวิตบ้างมั้ย ก็มีอยู่แล้ว คือในช่วงชีวิตคน มันก็ต้องมีทั้งเข้ามาและจากไปเสมอ ขึ้นอยู่กับเรามากกว่า ว่าจะเลือกให้เป็นแบบไหน อย่างตอนนี้ ก็มีคนเข้ามาพูดคุยบ้าง ซึ่งเราก็ไม่ได้ปิดกั้นอะไรใคร แต่ตอนนี้เราให้สถานะกับทุกคนเป็นเพื่อนทั้งหมด
00สาวแบบไหนที่โดนใจ
ถามว่าสาวๆ แบบไหนที่โดนใจผมที่สุดหรอ คือยิ่งผมโตขึ้น มันก็มีเรื่องอะไรเข้ามามากมายนะ ผมชอบคนที่ยิ้มง่าย เบิกบาน สดใสจากข้างใน คือไม่ต้องมาทำตลกกับผมทั้งวันก็ได้ แค่เป็นคนยิ้มแย้มอารมณ์ดีแค่นั้นพอ และบวกกับความเข้าใจกันและกันก็พอ เราก็พร้อมที่จะเดินไปด้วยกันต่อได้
นี่แหละหัวใจ...ของ ผู้ชายชื่อ “แกงส้ม”