บันเทิง

6:66 ตายไม่ได้ตาย

6:66 ตายไม่ได้ตาย

06 ส.ค. 2552

ตัวเลขปริศนาที่ไม่ได้มีนัยสื่อไปถึงเรื่องราวใดๆ แม้แต่น้อย ไม่ได้ชวนให้ครุ่นคิดสงสัย ใคร่หาคำตอบแต่อย่างใดว่า ตัวเลข ‘6:66’ มาจากไหน เกิดขึ้นได้อย่างไร หรือทำไมต้อง ‘6:66’ เช่นเดียวกับปริศนาที่หนังผูกเอาไว้ตั้งแต่ต้นเรื่องเมื่อเหยี่ยวข่าวสาวผู้เฝ้าตามติดค

  “6:66 ตายไม่ได้ตาย” พยายามผูกปมเงื่อนงำความตายหลายๆ เหตุการณ์เข้าด้วยกัน ทั้งที่เกิดขึ้นกับ ‘ดาว’ นักข่าวสาว คนที่อยู่รายรอบเธอ และผู้คนมากมายที่ประสบอุบัติเหตุร้ายแรงในช่วงเวลาเดียวกัน หลายๆ รายแม้มีสภาพร่างกายสาหัสสากรรจ์ไม่น่าเอาชีวิตรอดมาได้ แต่กลับปรากฏว่าไม่มีคนใดในห้วงเวลา 24 ชั่วโมงเสียชีวิตลงแม้แต่รายเดียว

 ดูจากพล็อตแบบนี้ เหมือนมีทีท่าว่าหนังจะเรียกความสนใจได้ในระดับหนึ่ง แต่กลายเป็นว่าพอขยายโครงเรื่องออกไป ทิศทางของหนังกลับไม่อยู่นิ่งเป๋ไปเป๋มา แม้จะผสมผสานแนวทางหนังเขย่าขวัญเชิงจิตวิทยาเข้ากับการดำเนินเรื่องแนวสืบสวนสอบสวน แต่ยิ่งสาวไป หนังยิ่งพาเรางง ยิ่งลงลึกยิ่งกลับผูกเงื่อนปมให้แน่นขึ้นจนไม่สามารถคลี่คลายให้เข้าใจง่าย แต่สุดท้ายหนังก็กลับพาไปตายน้ำตื้นด้วยการเฉลยปริศนาที่ว่านั้น ด้วยวิธีเก่าๆ ที่ออกจะคร่ำครึ ดูไปกันไม่ค่อยจะได้จากหมากกลที่วางเอาไว้

 ไม่เพียงพล็อตที่สับสน ตัวละครบางตัวก็ถูกใส่เข้ามาอย่างไม่มีเหตุผล ไร้ต้นสายปลายเหตุที่น่าเชื่อถือ และไม่ได้นำพาต่อเรื่องราว รวมทั้งไม่มีผลใดๆ ในการขับเคลื่อนให้หนังเดินไปข้างหน้าหรือช่วยแก้ปมบางอย่างที่หนังผูกไว้ สิ่งเดียวที่น่าชื่นชมในหนังเรื่องนี้ ก็คือ การแสดงที่ดูจะตั้งอกตั้งใจเอามากๆ...

 เริ่มจากนักแสดงนำ ‘ซูซี่’ สุษิรา แอนจิลีน่า แน่นหนา ในบท ‘ดาว’ นักข่าวสาวผู้เป็นต้นเหตุของเรื่องราวทั้งหมด เจสัน ยัง กับบท ‘วุธ’ นายตำรวจหนุ่มที่มาช่วยไขปมปริศนาการตายของพ่อเธอ (เป็นตัวละครส่วนเกิน ที่ไม่จำเป็นต้องใส่ในหนังก็ได้ แต่ไม่เกี่ยวกับความตั้งใจในการแสดงของเขา) รวมทั้งรุ่นใหญ่อย่าง ยอดชาย เมฆสุวรรณ ที่แม้จะรับบทสมทบเป็น ‘ดอกเตอร์ ดิน’ เจ้าของปริศนาความตาย พ่อของ ‘ดาว’ ที่ห่างเหินกับลูกสาวมานานกว่า 15 ปี แต่ยังไว้ลายความเก๋า เมื่อถึงคราวขยี้บทที่ต้องแสดงอารมณ์ จนกระจุยกระจาย 

 แม้ปัญหาใหญ่ของ “6:66 ตายไม่ได้ตาย” จะอยู่ที่บทหนัง ซึ่งก็ดูเหมือนจะกลายเป็นปัญหาสำคัญของหนังทุกเรื่องจากค่าย ‘เวิร์คพอยท์ เอ็นเตอร์เทนเมนท์’ นับแต่ “โหน่งเท่ง นักเลงภูเขาทอง” “เท่งโหน่ง คนมาหาเฮีย” หรือแม้แต่หนังที่ประกาศตัวว่าเป็นน้ำดี อย่าง “หม่ำ เดียว หัวเหลี่ยม หัวแหลม”  หนังตลกไร้มลพิษคำหยาบคายในหนัง ที่ไม่มีหลุดออกมาแม้แต่วลีเดียว หากมองเผินๆ หนังเหล่านั้น เกินครึ่งอาจดูว่าประสบความสำเร็จ แต่แท้ที่จริง ความสำเร็จของสองเรื่องแรกล้วนเป็นเรื่องของการตลาดซะมากกว่าเนื้อหาของหนัง ที่จะมีศักยภาพดึงดูดคนเข้าโรงได้

 และเมื่อ “หม่ำ เดียวฯ”  เกิดล้มเหลว การเบนเข็มไปทำหนังแนวอื่นดูบ้าง แม้ดูเป็นทางเลือกที่ดี แต่สุดท้ายหนังก็ไปไม่ได้ไกลกว่าเรื่องที่แล้ว เพราะปัญหาเรื่อง ‘บท’...ซึ่งไม่ว่าคนดูหรือคนทำหนังต่างก็เข้าใจกันดีอยู่แล้วว่า ถ้า ‘หัวใจ’ สำคัญของหนัง ไม่สามารถสูบฉีดขับเคลื่อนเรื่องราวให้มีพลังน่าติดตามได้พอ ต่อให้มีองค์ประกอบดีแค่ไหน ได้ดาราดังเพียงใด หรือผู้กำกับจะเก่งกล้ามาจากไหน ก็ไม่สามารถนำพา หนังที่ดูเหมือนง่อยเปลี้ยเสียขา ไร้เรี่ยวแรงเรื่องนั้น เดินหน้าไปสู่จุดหมายที่ต้องการได้

 หากย้อนมองกลับมาในฐานะผู้ผลิตสื่อบันเทิงอันดับต้นๆ ของเมืองไทย ‘เวิร์คพอยท์ เอ็นเทอร์เทนเมนท์’ ดูเหมือนจะมีทรัพยากรบุคคลระดับหัวกะทิ ที่สร้างงานหลากหลายแนวทางและเต็มไปด้วยความน่าสนใจมากมาย มีรายการทีวีนับสิบที่โดดเด่นในแนวทางของตัวเอง รวมทั้งงานบันเทิงแขนงอื่นที่ทำได้ดีเอามากๆ อย่างคอนเสิร์ต ละครเวที หากแต่งานหนัง กลับดูเหมือนจะคลำทางไม่เจอ ติดปัญหาสำคัญเหมือนกับค่ายหนังอีกหลายค่าย นั่นคือเรื่องของ ‘บทหนัง’ ที่ไม่สามารถขัดเกลาได้อย่างสมบูรณ์ ก่อนจะลงมือถ่ายทำ (และถึงแม้จะพยายามแก้ไขในขั้นตอน ‘Post Production’ ก็ไม่สามารถช่วยเหลืออะไรได้ หากหนังบกพร่องมาตั้งแต่ต้นทาง)

 ผมเคยนั่งดูละครชวนหัวอย่าง ‘ระเบิดเถิดเทิง’ ซิทคอมผสมเกมโชว์อย่าง ‘ตลกหกฉาก’ ละครเวทีเรื่อง ‘ชายกลาง’ ฯลฯ ปัจจัยสำคัญที่ทำให้งานเหล่านั้นประสบความสำเร็จด้วยดี ล้วนมาจาก ‘บท’ ที่ดูเหมือนจะผ่านการคิด ใคร่ครวญ ไตร่ตรองมาแล้วเป็นอย่างดี แม้จะมีการวางโครงสร้างแบบ ‘สามองก์’ (Three Act Structure) ตามขนบทั่วไป หากแต่ดัดแปลงวิธีเล่าเรื่องแปลกใหม่น่าสนใจ ก็สามารถส่งผลให้งานชิ้นนั้นดูมีคุณค่าขึ้นมาทันที...

 น่าแปลกใจนะครับ ที่งานขนาดสั้นอย่างรายการทีวี ซึ่งมีเรื่องราวจบในตอน ทีมสร้างสรรค์ของ ‘เวิร์คพอยท์’ สามารถกลั่นกรองออกมาได้อย่างน่าสนใจ พอมาถึงเรื่องเล่าขนาดยาวอย่าง ‘ภาพยนตร์’ ทีมเขียนบท (ซึ่งน่าจะเป็นคนละทีม) กลับดูจะละเลย ขาดการพินิจพิเคราะห์ ในการสร้างพล็อต วางปม เรียงร้อยเรื่องราวที่เกิดขึ้นให้รัดกุมสมบูรณ์ ไร้รอยโหว่ ส่งผลให้หนังดูขาดๆ เกินๆ แม้จะเริ่มต้นได้น่าสนใจ แต่พอเรื่องราวดำเนินไป ก็เหมือนกับคลำหาทางออกของตัวเองไม่เจอ ก่อนจะพยายามหักมุมจบในแบบที่คนดูอาจจะล้าเกินกว่าจะคาดเดาไปแล้ว

 ทิศทางการทำหนังของ ‘เวิร์คพอยท์’ ดูจะคล้ายคลึงกับ ‘แมทชิ่ง สตูดิโอ’ โปรดักชั่นเฮ้าส์ยักษ์ใหญ่ระดับมหาชนเมื่อหลายปีก่อน จำได้ว่า ‘แมทชิ่ง’ เปิดตัวธุรกิจด้วยการลงทุนทำหนังฟอร์มยักษ์อย่าง ‘ซีอุย’ ที่ ‘แป้ก’ เพราะ ‘บท’ ไม่ดี และอกหักซ้ำสองกับ ‘ก็เคยสัญญา’ ซึ่งมีปัญหาเดียวกันคือเรื่องของ ‘บท’ และงาน ‘กำกับ’ ในบางตอน ทั้งๆ ที่จะว่าไปแล้ว ‘แมทชิ่ง’ โดดเด่นมากในเรื่องของการทำหนังโฆษณา และสุดท้ายกลับกลายเป็นว่า ทุกวันนี้ ‘แมทชิ่ง’ เลิกทำหนังไปแล้ว (หนังโฆษณายังทำอยู่) หลังล้มเหลวติดๆ กันสองเรื่อง ซึ่งปัญหาใหญ่มาจากการขาดแคลน ‘บทหนังที่ดี’ นั่นเอง

 อุทาหรณ์สำหรับเรื่องนี้ก็คือ ‘ใช่ว่ามีเงิน มีสื่ออยู่ในมือ แล้วจะทำหนังได้ (ดี) เสมอไป’


ชื่อเรื่อง  6:66 ตายไม่ได้ตาย / Death Happen
ผู้เขียนบท : พัลลภ สินธุ์เจริญ, สฤษดิ์รงค์ หยงสตาร์
ผู้กำกับ : ทแกล้ว เรืองรัตน์
นักแสดง : สุษิรา แอนจิลีน่า แน่นหนา, เจสัน ยัง, ยอดชาย เมฆสุวรรณ, ฐิตวิน คำเจริญ
วันที่เข้าฉาย : 30 กรกฎาคม 2552 ทุกโรงภาพยนตร์

"ณัฐพงษ์ โอฆะพนม"