พบกับ‘เทริด’หนังเรื่องแรกที่‘เอกชัย’ทุ่มสุดตัว | คมชัดลึก

 

        ได้เสียงตอบรับค่อนข้างท่วมท้นสำหรับภาพยนตร์เรื่องแรกในชีวิตของ เอกชัย ศรีวิชัย นักร้องดังแดนใต้ ซึ่งมีผลงานเพลงมากมายไม่ว่าจะเป็น หมากัด อกหักจากปักษ์ใต้ ฯลฯ ซึ่งล่าสุดวางไมค์ หันมาจับงานภาพยนตร์เรื่อง “เทริด” ภาพยนตร์แห่งศักดิ์ศรีและอัตลักษณ์แห่งศิลปะของแผ่นดิน ว่าด้วยเรื่องราวกว่าจะเป็นโนราห์ ศิลปะการแสดงอันเลื่องชื่องของดินแดนด้ามขวานในยุคสมัยใหม่ การสืบทอดจากรุ่นสู่รุ่น การเปลี่ยนผ่านและมุมมองของคนรุ่นใหม่กัยศิลปะที่ควรค่าแก่กราอนุรักษ์ โดยเรื่องนี้นอกจากเอกชัยจะผันตัวมาเป็นผู้กำกับแลัว ยังเขียนเรื่องและแสดงนำอีกด้วย โดยผู้กำกับป้ายแดงได้บอกเล่าถึงเหตุจูงใจในการสร้างภาพยนตร์เรื่องนี้กับ “คมชัดลึก” ว่า

 

 

 

        ผมว่าทุกอย่าง มันเริ่มจากการที่เราตกผลึกทางด้านความคิด สิ่งที่เรานำมาทำนั้น เป็นสิ่งที่ใกล้ตัวและเป็นสิ่งที่เป็นความภาคภูมิใจของภาคใต้ ในเรื่องวัฒนธรรมท้องถิ่นเราอยากให้วัฒนธรรมไม่ได้อยู่แค่บนพื้นหญ้าในภาคใต้ แต่อยากให้ทุกคนได้รับรู้ และมีความภาคภูมิใจร่วมกันว่าวัฒนธรรมท้องถิ่นมันงดงาม ก็เลยตัดสินใจทำ ที่ผ่านมาเราได้อ่านหนังสือมาหลายๆ เล่ม ได้เห็นความสำคัญของเทริด เรื่องราวต่างๆ ที่พระบาทพระสมเด็จพระเจ้าอยู่หัว ทรงรับสั่งเรื่องของมโนราห์ เรื่องของเทริด ผมว่ามันสำคัญชนิดที่คนไทยต้องรู้ นอกเหนือจากชาวปักษ์ใต้ ลูกหลานชาวปักษ์ใต้ที่เป็นเลือดพันธุ์ใหม่ๆ ก็ต้องซึมซับ เพราะนานๆที เราถึงจะได้มีโอกาสเห็นภาพยนตร์แนวแบบนี้ ถ้าเราไปขอให้บริษัทที่ทำธุรกิจเกี่ยวกับภาพยนตร์ทำหนังเรื่องนี้คงไม่มีใครให้ทำ เพราะว่ามันไม่ได้เชิญแขก ดารานักแสดงก็ไม่ได้มีชื่อเสียงหรือมีแฟนคลับมากมาย เราเลือกเฉพาะคนที่เหมาะและที่ใช่ มาเล่าเรื่อง มาสวมบทบาท ไม่ได้ต้องการความเป็นดารา แต่เราเอาความเป็นจริง เอาความที่อยู่บนพื้นฐานความจริงมาทำงาน เมื่อผู้ใหญ่กระทรวงเล็งเห็นความสำคัญของวัฒนธรรมท้องถิ่น  ผู้ใหญ่ทุกคนขานรับก็ถือเป็นโอกาสเป็นวาสนา ของเด็กไทยทุกคนที่จะได้เรียนรู้ ได้ซึมซับมากกว่าในห้องเรียน เพราะหนังเรื่อง นีี้ถือเป็นบันเทิงวิชาการ

 

 

 

 

        ใช่แล้ว เรื่องนี้เราเป็นคนเขียนเรื่องเองจากประสบการณ์ ภาพยนตร์มีความบันเทิง 70 เปอร์เซ็นต์ อีก 30 เปอร์เซ็นต์เป็นเรื่องวิชาการ เป็นแง่มุม แง่คิด จารีตประเพณีต่างๆ มันเป็นโครงสร้างใหญ่ซึ่งเราดำเนินเรื่องในรูปแบบภาพยนตร์ นอกจากเขียนเรื่อง ผมยังกำกับเองด้วย คือก่อนหน้านี้เราเคยทำงานเบื้องหลังให้กับภาพยนตร์หลายๆ เรื่อง ทำตั้งแต่รุ่นพันนา ฤทธิไกร และก่อนที่จะเป็นนักร้อง ผมก็เคยเป็นพระเอกในหนังจักรๆ วงศ์ๆ มาก่อน ผมเรียนรู้เรื่องตรงนี้จนตกผลึกแล้ว การได้มากำกับภาพยนตร์เรื่องนี้ จึงไม่ใช่เรื่องยากหรือลำบากอะไร

 

 

        ส่วนหนึ่งก็จากกระทรวงวัฒนธรรม ท่านก็สนับสนุนนอกจากนี้ก็มาจากสปอนเซอร์ผลิตภัณฑ์ต่างๆ  แม้เงินทุนของเราจะไม่มากมายแต่เราก็สามารถทำงานได้ ส่วนทุนสร้างจะมีมูลค่าเท่าไหร่นั้น เรื่องตัวเลขเราคงบอกไม่ได้ เพราะอาศัยว่าเรามีพวกเยอะ บางสถานที่ ที่คนอื่นต้องจ่ายแต่เราอาจจะไม่ต้องจ่าย ผมมองว่าไม่ว่าเราจะมีทุนมากแค่ไหน ไม่ว่าจะเป็น 30 ล้าน หรือมีทุนแค่ 5-6 ล้าน เราก็สามารถทำงานได้เหมือนกัน มันอยู่ที่ว่าเราจะบริหารหรือจัดการ เงินทุนอย่างไร แต่เนื่องจากภาพยนตร์เรื่องนี้ ไม่ได้ทำเป็นเชิงธุรกิจ ฉะนั้นเราต้องทำทุกอย่างให้คุ้มค่าที่สุด

 

 

 

        เรื่องการโปรโมทน้อย ก็เป็นเรื่องปกติ เพราะเราไม่ได้ทำกับค่ายใหญ่ เราโปรโมทด้วยตัวของเราเอง ซึ่งเราก็ทำเต็มที่แล้ว ได้แค่ไหนก็แค่ไหน พี่ๆ น้องๆ สื่อในวงการบันเทิง ทีวีหลายช่องก็ช่วย ส่วนคนดูจะน้อยหรือไม่นั้น ผมมองว่ามันขึ้นอยู่ที่ความสนใจของคน ช่วงที่หนังผมเข้าฉายอาจจะชนกับหนังฝรังหลายเรื่อง หากคนดูจะแชร์หรือปันความรู้สึกมาดูหนังไทยเรื่องนี้หรือไม่นั้นมันก็เป็นสิทธิของเขา แต่ผมว่า คำว่าวัฒนธรรมมันอยู่ในเลือดของทุกคน ผมไม่สนใจด้วยว่าหนังของเราจะต้องแข่งกับหนังฝรั่งเรื่องไหน ถ้าเปรียบเทียบหนังฝรั่งต้นทุนหลายพันล้านกับหนังที่ต้นทุนไม่กี่ล้าน ซึ่งเงินทุนขนาดนี้เขาอาจจะสร้างหนังได้ไม่ถึงซีน แต่เราสามารถสร้างภาพยนตร์สื่อออกมาให้คนทั่วไปเข้าใจ แค่นี้ก็น่าจะเพียงพอแล้ว ล่าสุดผมนำภาพยนตร์เรื่องนี้ไปหาท่านนายกรัฐมนตรี จะเรียกว่าไปโปรโมทก็ได้ ซึ่งท่านก็น่ารักมาก ให้การตอบรับผิดคาดมาก คือก่อนไปผมกลัวท่านเหมือนกัน เพราะท่านอารมณ์เสียบ่อย แต่พอเราไปถึงท่านก็กรุณาและเมตตาถือว่าเป็นอะไรที่เราพอใจ

 

 

 

        ผมไม่ได้สนใจเรื่องนี้ ไม่เคยสนใจ ว่าหนังไทยจะซบเซาหรือไม่ซบเซา แต่ถ้าวันนี้ผมได้หยิบเอาเรื่องวัฒนธรรมท้องถิ่นที่ไม่มีเรื่องธุรกิจออกมานำเสนออย่างเต็มรูปแบบ เราก็ไม่รู้ว่าจะนำเรื่องวัฒนธรรมไปซ่อนไว้ตรงไหนหรือจะทำขึ้นเมื่อไหร่ มันถึงเวลาที่ต้องทำ ส่วนหน้าที่ของคนไทย คือการรับรู้และซึมซับ ส่วนจะใช้ระยะเวลานานแค่ไหน ถึงจะซึมซับได้นั้น ผมมองว่าสิ่งเหล่านั้นคือผลกำไร ไม่จำเป็นว่าคนต้องมาดูหนังเรื่องนี้ถล่มทลาย เพราะทุกอย่างถ้าถูกบันทึกผ่านแผ่นฟิล์มแล้ว มันสามารถจะนำมาสอนลูกสอนหลานได้ตลอดไป

 

 

 

        ผมไม่ได้คาดหวังเรื่องรายได้ ผมคาดหวัง แค่ให้คนลุกมาดู ขอให้คนไม่เข้าใจโนราห์ได้เข้าใจโนราห์ คาดหวังว่าคนที่ไม่เข้าใจและไม่รักวัฒนธรรมของตัวเองจะรักวัฒนธรรมมากขึ้น ภาพยตร์เรื่องนี้ เป็นการทำงานที่เหนื่อยที่สุดในการทำงาน ผมใช้เวลาในการสร้างภาพยนตร์เรื่องนี้ 6-7 เดือน แต่พองานเสร็จก็ภูมิใจมาก

 

        พิสูจน์ฝีมือของนักร้องดัง ที่ผันตัวมาเป็นผู้กำกับป้ายแดงคนนี้ได้แล้ววันนี้ ในโรงภาพยนตร์