บันเทิง

เบิ่งชีวิตลำเค็ญ‘แดง จิตกร’สู่นักร้องลูกทุ่งอีสานเสียงเศร้า

เบิ่งชีวิตลำเค็ญ‘แดง จิตกร’สู่นักร้องลูกทุ่งอีสานเสียงเศร้า

04 พ.ค. 2559

เบิ่งชีวิตลำเค็ญ‘แดง จิตกร’สู่นักร้องลูกทุ่งอีสานเสียงเศร้า

 
          เมื่อ 20.40 น. ของวันที่ 30 เมษายน 2559 วงการลูกทุ่งอีสานตกอยู่ในความโศกเศร้าเมื่อ ข่าวการเสียชีวิตของ แดง จิตกร ที่ผจญกับมะเร็งต่อมน้ำเหลืองมาตั้งแต่ปลายปี2558 ถูกเผยแพร่ภาพสื่อโซเชียลมีเดียอีกครั้ง
 
          ทีมข่าวบันเทิง "คมชัดลึก” รวบรวมเส้นทางชีวิตของนักร้องลูกทุ่งอีสานเสียงเศร้าผู้นี้มาให้แฟนเพลงได้บันทึกไว้ในความทรงจำ
 
          แดง จิตกร ชื่อจริง คือ นาย สมจิตร เกตุภูเขียว เกิดวันที่ 14 กุมภาพันธ์ ที่บ้านศรีสุข ต.ศรีสุข อ.สีขมภู จ.ขอนแก่น จากครอบครัวชาวนาที่แสนยากแค้น ครอบครัวมีปัญหา เพราะพ่อแม่แยกทางกัน ตั้งแต่แดงอายุได้เพียง 2 ขวบโดยทิ้งให้แดงผจญชะตากรรมอยู่กับยายเพียงลำพัง
 
          หลังอายุได้ 13 ปี ต้องออกจากโรงเรียน จึงมีวุฒิแค่ประถมศึกษาปีที่ 4 เพราะยายอายุมากขึ้น บวกกับความยากจนหาเช้ากินค่ำ ต้องออกมารับจ้างทำนาโดยได้ส่วนแบ่งเป็นข้าวพอประทังชีวิตกับยาย อาหารหลักที่กินประจำคือ หน่อไม้ที่ต้องขึ้นไปหาบนภูเขา ต้องเดินทางไปกลับไกลกว่า 15 กิโลเมตร กุ้งฝอย หอยขม ปูนา ปลาสารพัดชนิด ซึ่งหายากเนื่องจากความแห้งแล้ง
 
          ด้วยความที่ชอบร้องเพลงมาตั้งแต่เด็ก เมื่อว่างจากการรับจ้างทำนา จึงไปสมัครเป็น “คอนวอย” อยู่วง “ชุมแพคอมพิวเตอร์” มีหน้าที่ทำทุกอย่างตั้งแต่ ขนของขึ้นรถ ตั้งเวที เครื่องเสียง แสงไฟ ใครเรียกใช้เวลาใดก็ต้องทำ โดยได้ค่าแรงวันละ 50 บาทต่องาน แดงเป็นคอนวอยอยู่กับวงถึง 4 ปี จึงมีโอกาสจับไมโครโฟน ร้องเพลง เพราะนักร้องประจำวงไม่สบาย แดงจึงได้ฝึกร้องเพลงและเล่นหมอลำอย่างจริงจังตั้งแต่บัดนั้น
 
          ข้อมูลจากปกเทปชุดหนึ่งของแดง กล่าวว่า “ชีวิตแดง จิตกร เริ่มดีขึ้น ส่งเงินให้ยายใช้เป็นประจำ ส่วนตัวเขาก็อยู่กับวง “ชุมแพคอมพิวเตอร์“ จึงได้เป็นพระเอกหมอลำอย่างเต็มตัว วันหนึ่งสุทัศน์ เอี่ยมชโลธร จากบริษัทนิธิทัศน์โปรโมชั่น ต้องการนักร้องและได้มาฟังแดงร้องเพลง จึงเกิดชอบในน้ำเสียงและชักชวนแดงมาทำเทป ซึ่งแดงดีใจมากที่ฝันของตนจะได้เป็นจริง สุทัศน์พาแดงเข้ากรุงเทพฯ และทำเทปชุดแรกให้กับแดงทันทีโดยมี อ๊อด คีรีบูน เป็นโปรดิวเซอร์ ชื่อชุด “ร.ป.ภ.หัวใจ” ซึ่งเป็นแนวลูกทุ่งอีสานที่แดงถนัด แต่กลับไม่ประสบความสำเร็จ”
 
          แดง จิตกรผิดหวังมากและเริ่มท้อ จึงเลิกร้องเพลงเพราะคิดว่าคงไม่มีโอกาสเป็นนักร้องที่โด่งดังได้ จึงหันไปทำงานก่อสร้างและไปอยู่กับเรือหาปลาถึง 2 ปี ต่อมาแดงได้เจอกับ ป๊อด บัณฑิต เอี่ยมสะอาด ได้นำแดงกลับมาทำเพลงอีกครั้งในสังกัด เคซีเอสกรุ๊ป และทำอัลบั้มชุดที่ 2-3-4 และชุดที่5 ชื่อ "พี่แดงคนเดิม” ถึงแม้อัลบั้มจะไม่โด่งดัง แต่แดงก็ยังรู้สึกที่ได้ทำเพลงที่ตนเองรักซึ่งช่วงนั้น เคซีเอส ทำเพลงและท็อปไลน์ ไดม่อนจัดจำหน่าย ว่ากันมา แดงได้เซ็นสัญญากับท็อปไลน์ ในช่วงนั้นไว้ แต่ยังไม่มีการทำเพลงเพราะยังไม่ได้จังหวะ และแดง จิตกร ก็ไม่ใช่นักร้องดังมาก่อน
 
          หลังจากนั้น ป๊อด บัณฑิต ได้นำแดงมามอบให้ เสี่ยแบงค์ แห่งบริษัท ลาวัลย์การ์เมนท์ สกลนคร ซึ่ง ปัญญา คุณวุฒิ ได้เล่าให้ฟังว่า เสี่ยแบงค์ เจ้าของค่ายลาวัลย์เอนเตอร์เทนเมนท์ มีเพลงชุด “ลืมใจไว้อีสาน” ซึ่ง ครูสลา กับ ปัญญา คุญวุฒิ ได้เตรียมไว้ให้ เอกชัย ศรีวิชัย เพื่อนของเสี่ยแบงค์ ขับร้อง ซึ่งในชุดนี้มีเพลงชื่อ “น้ำตาผ่าเหล้าด้วย” แต่จังหวะตอนนั้น เอกชัย กลับมาโด่งดังจาก ”หมากัด” พอดี จึงไม่มีเวลาไปอัดเสียงชุดนี้
 
          แดง ซึ่งว่างงานและโต๋เต๋อยู่แถวโรงงานการ์เมนท์ ได้อัดเพลง “น้ำตาผ่าเหล้า” ที่ ชุมแพ ขอนแก่น ห้องอัด อ.หนุ่ม ภูไท จนเพลงนี้เพลงโด่งดังเปรี้ยงปร้าง แต่เพลงชุดนี้ มีปัญหาในการจัดจำหน่ายเพราะ เสี่ยแบงค์ นำไปให้ ซีเอ็นซีจัดหน่าย แต่ยอดขายช้า ทั้งๆ ที่เพลงดังมาก จึงพยายามนำมาให้อาร์เอสโปรโมชั่น โดยมนต์ เมืองเหนือ จัดจำหน่าย แต่เมื่อได้ตรวจสอบสัญญาแล้ว พบว่า ป๊อด ได้เซ็นสัญญาแดง จิตกร กับ ท็อปไลน์ ไว้ก่อน ในช่วงที่ เคซีเอส ผลิต ท็อปไลน์ขาย อาร์เอสจึงส่งกลับมาให้ท็อปไลน์ ซึ่งในเวลานั้น เสี่ยแบงค์ ค่ายลาวัลย์ จึงปั้น เขียว ดวงสดใส ขึ้นมา ต่อเนื่องกับแดง จิตกร ซึ่งเพลง "น้ำตาผ่าเหล้า” จึงเป็นเพลงที่มีปัญหาซับซ้อนเรื่องลิขสิทธิ์
 
          จากนั้นแดง จึงได้มาฝากตัวเป็นลูกศิษย์ของสลา คุณวุฒิ ครูสลาจึงแต่งเพลง “ผ่าเหล้าผ่ารัก” “หัวใจคิดฮอด” “มนต์รักตจว.” ให้แดงจนโด่งดังและตามมาอีกหลายๆ บทเพลงกับบริษัทท็อปไลน์ และเพลงดังล่าสุด ก่อนเสียชีวิต คือ เพลง “สักวาหน้าหนาว”
 
          แดง จิตกร มีทายาทกับภรรยา ชื่อ อุไรวรรณ 3 คน คือน้องเอม เกตุกนก เกตุภูเขียว เอิร์น ฐิติมา เกตุภูเขียว และ เอิร์ธ ศุภกฤต เกตุภูเขียว โดยร่างของ แดง จิตกร บำเพ็ญกุศลที่วัดทุ่งสว่างธรรมวารี ต.ตูมใหญ่ อ.คูเมือง จังหวัดบุรีรัมย์ พิธีสวดพระอภิธรรมศพ จะมีตั้งแต่วันที่ 1-6 พฤษภาคม และมีพิธีฌาปนกิจ ณ เมรุ วัดสว่างธรรมวารี วันที่ 7 พฤษภาคม เวลา 16.00 น.