บันเทิง

เอกเขนกดูหนัง:'High-Rise'

เอกเขนกดูหนัง:'High-Rise'

28 เม.ย. 2559

'High-Rise' : คอลัมน์ เอกเขนกดูหนัง โดย... ณัฐพงษ์ โอฆะพนม

 
          นานๆ จะมีหนังที่เล่าอะไรยากๆ มาให้ดูสักเรื่อง ผู้ชมจะซึมซับรับทราบสารที่คนทำหนังส่งมา อาจจะต้องอาศัยกระบวนการตีความ ถอดสัญญะ ศึกษาประวัติศาสตร์-สังคม-การเมือง และอาจต้องมีวุฒิภาวะในระดับหนึ่ง ถึงจะดู High-Rise ได้อย่างสนุกเพลิดเพลินจำเริญใจ หลังโดนหลอกจากตัวอย่างที่เผยให้เห็นรูปร่างกำยำล่ำสันของ ทอม ฮิดเดลตัน (เป็นที่ถูกอกถูกใจเหล่าบรรดาเก้ง-กวาง-บ่าง-ชะนี) หรือจะเป็นหุ่นแซบเซียะเซ็กซี่ของเซียนนา มิลเลอร์ (ที่ยั่วเย้าหนุ่มกลัดมันทั้งหลายให้เข้ามาดูอย่างตั้งอกตั้งใจ) ทั้งนี้ตั้งแต่ต้นฉบับนวนิยายซึ่งออกตีพิมพ์ครั้งแรกเมื่อปี 1975 โน่นแล้ว ที่ “สาร” ของผู้ประพันธ์ มุ่งเน้นไปที่การวิพากษ์สังคม-การเมือง-ชนชั้น ในระดับต่างๆ
 
เอกเขนกดูหนัง:\'High-Rise\'
 
          หนังเต็มไปด้วยอิทธิพลของวิถีวัฒนธรรมยุค 70’s-80’s อย่างเต็มเปี่ยม ตั้งแต่งาน Costume Design เสื้อผ้าหน้าผม ที่ถอดแบบมาเป๊ะๆ ยกเว้นตัวละครไม่กี่คนอย่างคุณหมอ “แลงก์” และสถาปนิก "รอยัล" เรื่อยไล่จนถึงโครงสร้างทางสถาปัตยกรรม รวมถึงเพลงประกอบที่ไม่เพียงหยิบนำเพลงฮิตอมตะอย่าง “S.O.S” ของ ABBA มาเป็นส่วนหนึ่งในการขับเคลื่อน แดกดัน เนื้อหาเรื่องราวให้กระทบกระเทียบเปรียบเปรยสังคมโลกอย่างจริงจัง แต่ยังนำมาใช้ได้อย่างมีรสนิยม ผ่านการบรรเลงเพลงคลาสสิกในฉากปาร์ตี้ประหลาดๆ โดยใช้ท่วงทำนองของเพลงฮิตกระหึ่มโลกเมื่อกว่า 40 ปีก่อนเพลงนี้ รวมถึงฉากไคลแมกซ์เพลงนี้ก็ดังขึ้นอีกครั้ง ผ่านการขับขานอันโหยหวนด้วยสำเนียงเพลงกอสเปล ที่ผู้คนพยายามเรียกศรัทธาให้กลับมาผ่านเสียงเพลง หลังสิ้นสูญไปจากการกระทำอันโง่เขลาเบาปัญญาของตน
 
เอกเขนกดูหนัง:\'High-Rise\'
 
          เพราะความที่ต้นธารของนวนิยาย High-Rise มาจากอังกฤษในช่วงเวลาแห่งความตกต่ำของยุคอุตสาหกรรม กรุงลอนดอนเองก็เสื่อมโทรมไม่ต่างไปจากสลัมหรือประเทศโลกที่สาม ที่เต็มไปด้วยขยะ และเศษซากผุพังจากผลพวงของเทคโนโลยี ฉากล่มสลายของห้องชุดสุดหรู จึงเต็มไปด้วยเศษยางรถยนต์ถูกเผา หรือเหล็กขึ้นสนิมเกรอะ คราบอาหาร เครื่องดื่มแห้งกรังอันบ่งบอกว่าความฟุ้งเฟ้อ อู้ฟู่ของยุคสมัยได้สิ้นสุดลงแล้ว...หนังไม่ได้ขยับขยายช่วงเวลาต่อจากนั้นมากนัก หากแต่ตั้งหน้าตั้งตาวิพากษ์ระบอบทุนนิยมต่อไปอย่างมันมือ แน่นอนว่ากว่าหนึ่งชั่วโมงให้หลังหนังก็หาได้ประนีประนอมกับผู้ชมอีกต่อไป ตั้งแต่เนื้อหาที่ขาดไร้ความต่อเนื่องเชื่อมโยงกับสิ่งที่ปูพื้นไว้ตั้งแต่วินาทีแรก เรื่องราวที่ไม่สนใจตรรกะ เหตุผลใดๆ หรือกระทั่งความสมจริงสมจังอันนำมาซึ่งความน่าเชื่อถือคล้อยตามก็ดูเหมือนว่าได้ถูกละเลยไปอย่างไม่ไยดี มากกว่าวิพากษ์วิจารณ์เสียดสีการเมืองการปกครองตามแต่ใจผู้ประพันธ์ต้องการตั้งแต่ระบบชนชั้น เมื่อเจ้าของตึกที่อาศัยอยู่บนชั้นสูงสุดมีนามว่า “รอยัล” อันสื่อถึงชนชั้นปกครอง เหล่าศักดินา ขุนน้ำขุนนาง วางตัวเจ้ายศเจ้าอย่างกว่าคนทั่วไป ในขณะที่ตัวเอกของเรื่องอย่าง ดร.แลงก์ ที่พำนักอยู่ชั้นกลางๆ ของตัวอาคาร ที่สามารถขึ้นลงไปปฏิสัมพันธ์กับผู้คน (ชน) ชั้นสูงกว่าหรือต่ำกว่าได้ไม่ยาก แต่ก็ไม่ว่าวายถูกวิพากษ์ แดกดันในฐานะชนชั้นกลาง ที่แทบไม่แยแสเรื่องราวใดใดนอกจากเรื่องของตัวเอง (ฉากที่สะท้อนความคิดนี้ได้ชัดมากคือฉากแลงก์ ขังตัวเองในห้องไม่พบติดต่อกับใครระหว่างเกิดความวุ่นวายในตึก) และสุดท้ายชนชั้นล่าง หนังก็ยังอุตส่าห์สร้างตัวละครสำคัญโดยตั้งชื่อให้เป็นครอบครัวไวลเดอร์ (Wilder) ที่อาจมีนัยกลายๆ ว่าเป็นพวกป่าเถื่อน ถ่อยสถุลไร้สกุลรุนชาติ โดยเน้นย้ำผ่านพฤติกรรมตัวละคร ริชาร์ด ไวลเดอร์ ผู้มีอากัปอากิริยาและพฤติกรรมอันไม่น่าคบค้าสมาคมด้วย แถมภรรยายังท้องโต อุ้ยอ้าย แต่สูบบุหรี่จัดราวกับไม่เป็นห่วงเป็นใยลูกในท้องแม้แต่น้อย
 
เอกเขนกดูหนัง:\'High-Rise\'
 
          ศิลปะในยุค 70’s ที่ยังคงได้รับอิทธิพลจากงานแนว Magical Realism หรือสัจนิยมมหัศจรรย์ ที่เน้นการสื่อประเด็นความคิดอ่านของผู้ประพันธ์มากกว่าคามบันเทิงเริงรมย์หรือความสมจริงตามเหตุและผล High-Rise ในหนึ่งชั่วโมงสุดท้าย จึงแทบจะปฏิเสธขนบการเล่าเรื่องแบบธรรมดาสามัญ ที่มุ่งหวังสร้างผลทางอารมณ์ มากไปกว่ามุ่งหวังตั้งใจสะท้อนความคิดอ่านทางสังคม-การเมืองอย่างจริงจัง จนถึงขั้นปฏิเสธการรับรู้และเข้าถึงเรื่องราวในหนังอย่างเข้าอกเข้าใจ ความประหลาดเพี้ยน ทั้งหลายแหล่ที่ประเดประดังเข้ามา อย่างเมามือ เมามัน คนแต่งนิยาย-คนทำหนัง จึงสร้างโลกของเขาโดยไม่ใส่ใจว่าคนดูจะเข้าใจหรือตีความตามตลอดจนสามารถอ่านสารที่แฝงมาได้ลึกซึ้งสักแค่ไหน ซึ่งกว่าที่จะถูกสร้างเป็นหนังเพื่อถ่ายทอดเรื่องราวเหล่านี้ออกมาก็กินเวลากว่า 40 ปี ไม่นับรวมแง่มุมทางจิตวิทยาที่เล่าแบบผ่านแล้วผ่านเลย หรือจะย้อนกลับมาทบทวนก็ชวนให้คิด ไม่น้อยไปกว่าประเด็นทางสังคมสักเท่าไหร่
 
เอกเขนกดูหนัง:\'High-Rise\'
 
          High-Rise อาจจะเป็นหนังที่เรียกร้องจากผู้ชมค่อนข้างสูง ดูจบครั้งแรกอาจไม่เข้าใจไปเสียทุกสิ่ง แต่หากย้อนกลับมาทบทวนครั้งต่อๆ ไป เราก็จะเข้าใจความหมายของมันเพิ่มขึ้นทุกครั้งไปที่ได้ชม