บันเทิง

บทบาทชีวิตที่ถูกกำหนดไว้กับอีกสไตล์ของ‘เกลือ-กิตติ’

บทบาทชีวิตที่ถูกกำหนดไว้กับอีกสไตล์ของ‘เกลือ-กิตติ’

21 เม.ย. 2559

บทบาทชีวิตที่ถูกกำหนดไว้กับอีกสไตล์ของ ‘เกลือ’ กิตติ

 
 
          จากคนทำงานเบื้องหลัง สู่การเป็นนักแสดง สร้างเสียงหัวเราะให้แก่ผู้คน มาในวันนี้ “เกลือ” กิตติ เชี่ยววงศ์กุล หรือ “วอก เป็นต่อ” มีบทบาทใหม่ ได้จับพลัดจับผลูมาทำหน้าที่พิธีกรถึง 3 รายการรวด เรียกว่า ไม่ธรรมดา สกู๊ป “คม ชัด ลึก” ฉบับนี้จะพาไปรู้จักเขาคนนี้ให้มากขึ้น
 
 
000จากคนทำงานเบื้องหลัง เป็นนักแสดง สู่บทบาทการเป็นพิธีกร เป็นอย่างไรบ้าง
          ตอนนี้มี 3 รายการ ไม่รู้ตัวเหมือนกัน ผมก็งงๆ เป็นช่วงเวลาที่ชีวิตตอนนี้อยู่กับการเป็นพิธีกร เริ่มต้นจากตอนแรกเราเคยทำรายการ “พ่อบ้านปากเก่ง” เป็น ไพรอท เทป ทำเล่นๆ กับพี่อู๊ด (ธีระชาติ ธีระวิทยากุล) พี่เจี๊ยบ (เจิ๊ยบ เชิญยิ้ม) แล้วเอาไปให้พี่บอย (ถกลเกียรติ วีรวรรณ) ดู พี่บอยบอกว่า ชอบนะ แล้วอยู่ๆ พี่บอยก็เรียกผม แล้วบอกว่า ต้องมาเป็นพิธีกรรายการ “4 ต่อ 4 แฟมิลี่เกม” ด้วยนะ ตอนนั้นผมก็ “ฮะ” เพราะชีวิตช่วงนั้นส่วนใหญ่ทำแต่งานเบื้องหลัง ไม่รู้ว่าพี่บอยเห็นอะไรยังไง ผมก็ลองดูก็ได้ ยังถามพี่บอยว่าจะทำได้เหรอ พี่บอยบอกว่า มาลองทดสอบดูก่อน เพราะว่าพี่บอยตัดสินใจคนเดียวไม่ได้ด้วย เพราะว่าเราซื้อลิขสิทธิ์รายการจากต่างประเทศมา จะมีโปรดิวเซอร์จากเมืองนอกมาดู มาตัดสินใจด้วย ยังไม่รู้ว่าจะผ่านหรือเปล่า เราก็ส่งโปรไฟล์ไป ปรากฏว่า เขาบอกว่า น่าสนใจดี มีนัดมีตติ้งมาเจอกัน เขาก็ถามว่าเราทำอะไร ซึ่งโชคดีมาก เราทำงานเบื้องหลังด้วย เป็นครีเอทีฟด้วย เขียนบทด้วย เล่นละครด้วย เขาก็ขำขำ เขาบอกว่าชีวิตคล้ายๆ กับโปรดิวเซอร์ฝรั่งที่มา
 
          ตอนวันถ่ายทำจริงผมรู้สึกว่าผมโชคดีที่เขาเอ็นดูเรา เขาจะชมกับพี่บอย บอกว่าตั้งแต่ทำรายการ 4 ต่อ 4 มา ประเทศนี้สร้างเสียงหัวเราะได้เยอะที่สุดเลย เราก็ดีใจ ปลาบปลื้ม แล้วก็มีรายการ “โชว์ไทยไชโย” และ “พ่อบ้านปากเก่ง” ตามมา ทั้ง 3 รายการจะไม่เหมือนกันเลย “พ่อบ้านปากเก่ง” จะเป็นรายการวาไรตี้ทอล์กโชว์ ที่พูดถึงปัญหาของพ่อบ้านแม่บ้าน ปัญหาความคิดแตกต่างกันระหว่างผู้หญิงกับผู้ชาย รายการ “4 ต่อ 4 แฟมิลี่เกม” เป็นรายการเกมโชว์สำหรับครอบครัว ทุกคนได้สนุกสนานในการตอบคำถาม รายการ “โชว์ไทยไชโย” เป็นรายการสร้างความภาคภูมิใจให้แก่ทุกคน ในความเป็นคนไทย อะไรที่ดีของไทย อะไรที่น่าภาคภูมิใจของไทยจะอยู่ในรายการนี้
 
 
000ได้มาจับงานพิธีกรเต็มตัว รู้สึกชอบไหม
          ชอบนะ มันเหมือนเปลี่ยนวิธีคิดไปเลย เราโตมาจากการเป็นนักแสดง จากเบื้องหลัง เคยมีบทอยู่ตรงหน้าจะล็อกว่าเราต้องพูดอะไรบ้าง แต่พอมาเป็นพิธีกร เขาบอกว่าให้เราเป็นตัวของตัวเอง รู้สึกว่าติดใจและชอบการเป็นพิธีกร ซึ่งผมไม่เคยคิดเลยว่าจะได้เป็น ชีวิตในตอนโต เราคิดว่าเราอยากกำกับ อยากสร้างสรรค์ผลงาน มีโปรเจกท์ต่างๆ แต่ไม่ได้คิดว่าจะได้มาเป็นพิธีกร เคยเป็นพิธีกรตอนทำรายการ “โชว์มีเฮ” เรารู้สึกว่าตอนนั้นเราก็ใหม่ ตอนนั้นถามตัวเอง ว่าเราจะเป็นพิธีกรได้ดีจริงๆ เหรอ คืออยากทำนะ แต่ถ้าทำแล้วมันไม่ดี เราก็ไม่ได้ดี และเสียดายโอกาสของคนอื่น อยากให้คนอื่นเขามาทำแทนมากกว่าอะไรแบบนี้ มีจ๋อยๆ ไปพักหนึ่งเรื่องการเป็นพิธีกร
 
 
000งานเบื้องหลังกับงานแสดงยังทำอยู่ไหม
          ทุกวันนี้ผมเป็นเหมือนโปรเจกท์ เมเนเจอร์ คือเรามีโปรเจกท์ เราคิดงาน ส่งต่อให้น้องๆ เขียน และเราก็เป็นคนคอมเมนท์ เราไม่ได้มีเวลาจะเขียนแล้ว นานๆ จะกระโดดลงไปเขียนแบบจริงจัง เรื่องล่าสุดที่เขียน ก็คือเรื่อง “ผ้าห่มผืนสุดท้าย” อันนั้นเขียนเอาไว้นานแล้ว ส่วนงานกำกับ ยังกำกับ “บ้านนี้มีรัก” งานแสดง เอาตรงๆ ผมไม่ได้เติบโตมาจากงานแสดงสักเท่าไหร่ ชีวิตที่ผ่านมาก็เล่นเรื่อง “เป็นต่อ” อย่างเดียว
 
 
000ชีวิตจริงตลกหลายคนมักจะไม่ตลก เกลือเป็นคนเฮฮาแบบนี้ไหม
          มนุษย์ทุกคนมีทุกภาพ ถามว่าสนุกเฮฮาไหม เราเป็นคนที่สนุกเฮฮาอยู่แล้ว เป็นคนที่ชอบคุย แซวเล่น อะไรแบบนี้มีอยู่แล้ว แต่อะไรที่จริงจัง เราก็จริงจัง มีปกติทั่วไป เพียงแต่ว่า เราจะแสดงส่วนนั้นให้ใครเห็น เราคงไม่ไปเครียดใส่คนดู ในเมื่อเรามีหน้าที่ตรงนั้น ได้เจอผู้คนก็เฮฮาไป ดุก็มี เวลาดุก็คือดุไปเลยให้เห็นว่าสิ่งที่ทำมันไม่ถูกต้อง มันผิด แต่เวลาเฮฮาก็เฮฮากันไป แต่ส่วนใหญ่ผมจะใช้ความเครียดทำงานนะ ผมว่า ผมโชคดีมาก ได้ทำในสิ่งที่ตัวเองรัก เพราะว่าอาชีพอย่างเราถ้าไม่รักนะ มัน
 
000จะเต็มไปด้วยความมายามากเลย
          เคยคิดไหมว่าจะได้มายืนถึงจุดนี้ได้ ได้เข้ามาอยู่ในวงการ ไปไหนมาไหนมีคนรู้จัก
ไม่เคยคิดเลย ก้มหน้าก้มตาทำงาน เขาให้ทำอะไร ก็ทำ ตอนเด็กๆ ไม่คิดด้วยว่าจะมาเป็นดารา ผมสนิทกับพี่หนุ่ม (อรรถพร ธีมากร) ตามพี่หนุ่มมา มาเป็นผู้ช่วยผู้กำกับ ยังนั่งขำเขา เคยสงสารเขาว่าชีวิตเขาน่าสงสาร คือผมจะชอบเดินตามหลังเขา ปล่อยให้เขาเดินข้างหน้า และจะได้ยินคนนินทาเขาเวลาที่เดินผ่าน ทั้งตัวจริงดำจังเลย ตัวจริงทำไมเตี้ยอย่างนี้ ขำว่าชีวิตต้องเจออะไรแบบนี้ จนกระทั่งวันหนึ่งมาเป็นดาราเอง พี่หนุ่มก็ถามว่าเป็นยังไงล่ะ เราก็บอก เราเข้าใจแล้ว (หัวเราะ) แต่เราก็มีความสุขดี
 
 
000กับชีวิตครอบครัวล่ะ หลังจากแต่งงานเป็นครั้งที่ 2 มีแพลนอยากจะมีลูกไหม
          มีความสุขดี (ยิ้ม) ช่วงนี้ภรรยาจะเป็นห่วงสุขภาพอย่างเดียว เพราะว่าทำงานเยอะ ตัวเขาเองอยู่ต่างจังหวัดด้วย นี่แต่งงานมา 1 ปีแล้วยังไม่ได้ฮันนีมูนเลย (หัวเราะ) ยังไม่มีเวลา ยังพยายามจะหาเวลาเพื่อที่จะไปฮันนีมูนอยู่ และมีโปรเจกท์ทำร้านอาหารกับที่บ้านทำแบบสนุกๆ กันไป มีโปรเจกท์อยากจะทำสวนที่บ้าน ผมคิดว่า ถ้าเกิดวันหนึ่ง ที่เราแก่ไปแล้ว ไม่ได้ทำงานเบื้องหน้า และยังมีความสุขกับการทำงานที่อยู่เบื้องหลังอยู่ เราก็จะนั่งพิมพ์บทอยู่ที่สวนที่ต่างจังหวัด ส่งงานมาที่กรุงเทพฯ ถามว่าอยากมีลูกไหม อยากมีนะ วางแพลนกันเอาไว้อยู่ว่าอีกสักประมาณ 2 ปีจะมีสัก 1-2 คน เพราะปีนี้ค่อนข้างหนักมาก ผมว่าการจะมีลูก คือเราก็มีลูกมาแล้วคนหนึ่งนะ เรารู้สึกว่า เราต้องมีความพร้อมมาก