คุยผ่านเจ้าแม่เฮลตี้‘คิดเช่นแมร์’อย่างถ่องแท้ไปกับ‘กาละแมร์’ | คมชัดลึก

 

 

          หากใครเป็นสาวเฮลตี้ เชื่อว่าต้องยกให้พิธีกรสาว “กาละแมร์” พัชรศรี เบญจมาศ เป็นอีกหนึ่งต้นแบบอย่างแน่นอน เพราะเธอเป็นสาวที่ดูแลสุขภาพและร่างกายอย่างจริงจัง ถึงขนาดมีซิกแพ็กให้เห็นกันเลยทีเดียว ล่าสุดเธอผุดหนังสือเล่มใหม่ที่ ไม่ใช่แนวกัดจิกผู้ชายเหมือนเช่นเคย แต่เป็นหนังสือการดูแลตัวเองในเรื่องอาหารการกิน ทำอย่างไรให้ผอมเพรียว กับหนังสือที่ชื่อว่า “คิด เช่น แมร์” ว่าแต่ว่าจะหนังสือเล่มนี้จะเป็นอย่างไรบ้าง กาละแมร์มาเล่าให้ฟัง ขณะที่เดินทางมาที่กองบรรณาธิการ คมชัดลึก  

 

          คือเรารู้สึกว่า เราสนใจคนอื่นมาเยอะแล้ว เราควรรักและสนใจตัวเองบ้าง ซึ่งแมร์รู้สึกว่าการดูแลตัวเอง และการใส่ใจเรื่องสุขภาพ และรูปร่าง เป็นเรื่องที่เรามองข้ามมาโดยตลอด สักแต่กินๆ ใช้ชีวิตหักโหม ไม่พักผ่อน ไม่ออกกำลังกาย เครียด มันก็จะส่งผลต่อสุขภาพของเรา และรูปร่างของเรา เราเลยรู้สึกว่าไม่อยากใช้ชีวิตแบบนี้ไปตลอด เงินที่หามาได้ เราต้องเอามาดูแลรักษาตัวเอง เอาให้หมออย่างเดียวเหรอ ฉะนั้นเราต้องดูแลสุขภาพนะ เลยหันมาดูแลตัวเอง การลดความอ้วนของผู้หญิงเรา มันเกิดขึ้นเกิน 5 ครั้งนะ(หัวเราะ) ทำๆ เลิกๆ เราเลยคิดว่าครั้งนี้ต้องจริงจัง ออกกำลังกายกันมาเรื่อยๆ แต่เรากินเหมือนเดิม สุดท้ายเหมือนเดิม รูปร่างไม่เปลี่ยนเลย จนมามีเทรนเนอร์ แนะนำว่าอันไหนกินได้ อันไหนกินไม่ได้ แล้วเขาก็บอกเราว่าพี่ทำกับข้าวกินเองมั้ย โอ๊ย...ตอนนั้นคิดว่าจะมีเวลาเหรอ จะหาเวลานอนยังไม่ค่อยได้เลย แต่ก็รับปากเขาไปว่าได้ๆ แต่สุดท้ายมารู้ว่าอาหารมีส่วนทำให้เราเปลี่ยน มีส่วนถึง 70 เปอร์เซ็นต์ ออกกำลังกาย 30 เปอร์เซ็นต์เท่านั้น

 

 

          คือผู้หญิงเราก็อยากหุ่นแซบนะ นอกจากหุ่นแซบแล้ว ความท้าทายคืออยากมีซิกแพ็ก เลยนิมิตว่าอยากมีซิกแพ็กขึ้นมา เทรนเนอร์บอกว่าถ้าอยากมี ต้องควบคุมอาหาร เรามีเพื่อนเป็นหมอ คุยกับเพื่อน เราหาความรู้ในอินเทอร์เน็ตด้วย มีแฮชแท็ก HealthyMary ในไอจี เพื่อที่จะอยากรู้ว่าคนเขาทำอะไรกันบ้าง นโยบายของเรา จะไม่กินอาหารคลีนที่ดูจืดชืด เราต้องกินอาหารดูดี อร่อย แต่ยังมีสุขภาพดี และไม่อ้วน มันเหมือนการทดลองวิทยาศาสตร์ หนังสือเล่มนี้เราจึงใช้ตัวเองเป็นการทดลอง เกือบ 2 ปี เพราะปีที่แล้ว เราไม่ได้ออกหนังสือ เพราะมัวแต่ทำดูว่า กินได้มั้ย เบื่อมั้ย อ้วกแตกมั้ย ปรากฏว่ามันอยู่ได้ นอกจากอาหารคาวแล้ว อาหารหวานก็มี เพราะเราก็ชอบ ทำบราวนี่คลีนยังไง หาสูตรมา

 

 

          ไม่เลย ทำอะไรไม่เป็นเลย เตาอบ เตาแก๊ส ไม่เคยเปิด เปิดตู้เย็นกินขนมอย่างเดียว จากคนที่ทำอหารไม่เป็นเลย ขอให้ลองนะ พอเราได้ฝึกฝนมันสนุกนะ สนุกที่ได้ทำ จริงๆ เวลาที่เรามีวินัยนะ ทำประจำ ร่างเปลี่ยนเลยนะ เราเดินทางมาถึงว่าตัวเองมีซิกแพ็ก กล้ามหลังมีขนาดนี้เลยเหรอ บางทีก็งงๆ แต่มันเป็นเพราะเรามีวินัยทั้งการออกกำลังกาย และการกินอาหาร ไม่ใช่ว่าเราจะไมปาร์ตี้เลย มีไปกินอาหารที่เราชอบบ้าง แต่การที่เราออกกำลังกายติดต่อกัน 21 วัน มันจะเป็นนิสัย วันไหนไม่ออกมันจะขาดอะไรไป

 

 

          ในหนังสือเราบอกสูตรอาหารทั้งหมด ไปหาซื้อวัตถุดิบทำได้ที่ไหน ในสิ่งที่เราเคยทำลงในไอจีไป ทำซ้ำๆ บ่อยๆ แล้วจะเป็นนิสัยคุณ นั่นคือวินัย ต้องมีเป้าหมายที่ชัดเจน ลดไปเพื่ออะไร เพื่อใส่ชุดว่ายน้ำสวยๆ ไม่อยากเป็นโรคภัยไข้เจ็บ ก่อนตายจะมีหุ่นดีสักครั้งมั้ย ต้องลองดู

 

 

          ตอนนี้ไปไหนมาไหน มีแต่คนเข้ามาถามเรื่องนี้ กินยังไง เวลาไปซูเปอร์มาเก็ต หรือห้าง คนจะเข้ามาถามว่าซื้ออะไร จะตามซื้อด้วย เรายินดีนะ ถ้าเขาเปิดใจ สนใจ เรายินดีถ่ายทอดหมด เหมือนตอนแรก “ชมพู่” อารยา ก็งงๆ ว่าทำอะไร (ชมพู่เขียนแซวในคำนิยม ว่ากาละแมร์กินอาหารนก) ใช่ นางแซวตลอดช่วงแรกๆ แล้วจะชวนกินส้มตำปลาร้า แต่เราก็มีเป้าหมายของตัวเอง เราก็ทำไป แต่เราก็ไม่ได้บังคับใครให้ทำตามนะ จนนางเห็นว่ารูปร่างเราเปลี่ยน ก่อนแต่งงาน นางเลยบอกว่าร่างไม่ไหวแล้ว เราเลยแนะนำ

 

 

          ไม่รู้ว่าอะไร พี่จอร์จมาคุย เราก็เอ...ไหวเหรอ เขาส่งรูปตัวอย่างมาให้ดู เราก็เอ๊ะ..บ้าหรือเปล่า พี่จอร์จบอกว่าไม่ต้องกลัว รีทัชได้ เพราะเราบอกว่าไม่ถอดสักชิ้นนะ เขาเลยบอกว่าไม่ต้องถอด สวยๆ แต่พอเขาบอกว่าใครถ่ายบ้าง เรารีบบอกเลยโอ๊ย...ไม่ถ่ายอะ ได้ยินรายชื่อแล้ว โอ้ว...ว แต่ด้วยฝีปากช่างภาพ อ๊ะๆ ถ่ายก็ได้ คือตอนที่ถ่ายก็มีทีมงานไม่กี่คน ถ่ายที่ภูเก็ต ตอนถ่ายชุดอยู่ครบนะ ใส่ชุดว่ายน้ำ กางเกงยีนขาสั้น เขาก็รีทัชออกให้ ส่วนกระแสตอบรับ คนส่วนใหญ่ไม่เชื่อนะ คิดว่าตัดต่อ(หัวเราะ)

 

 

          เรารู้สึกว่างานพี่จอร์จเป็นงานอาร์ต แล้วก็มีไม่กี่รูป คิดว่าภาพที่ออกมาไม่ดูยั่วยวน หรืออนาจาร เรารู้สึกโอเค 

 

 

          ไม่แน่นะ(ยิ้ม) พี่ใหญ่ (อมาตย์ นิมิตภาคย์) ถามอยู่เหมือนกันว่า เอาหรือยัง (หัวเราะ) แต่เรายังเขินอยู่นะ คนจะอยากดูเราเหรอ ถ่ายไปจะโดนด่าหรือเปล่า เราคิดเยอะ คิดมาก ก็ไม่แน่นะ อนาคตเรายังตอบไม่ได้ อาจจะก็ได้

 

 

          คือผู้ชายเป็นของภายนอกนะ ก็มีคุยๆ อยู่ จะเปิดเผยได้ไงล่ะ เดี๋ยวก็หนีไปหมดนะ ค่อยๆเป็นค่อยๆ ไป ชีวิตคนเราต้องมีคนคุยอยู่แล้ว จะคุยเป็นเพื่อน จะคุยจิ๊จ๊ะ หยอกล้อ ต่างชาติเจอก็คุยไป อย่างต่างชาติเจอกันตอนเดินทาง แต่ส่วนใหญ่คือเพื่อน เวลาเราเดินทางคนเดียว สัญชาติญาณของมนุษย์มันต้องอยู่รอด เราก็ต้องเปิดปากถามโน้นนี่นั่น แลกเปลี่ยนวัฒนธรรม ไปไหนดี กินอะไรดี ถามว่าชอบฝรั่งมั้ย คือเราไม่ชอบฝรั่ง กว่าจะคุยทีเหนื่อย

 

 

          ไม่ใช่ไม่แต่งนะ แต่งได้ แต่มันยังไม่เจอ หรืออยากแต่ง หรืออยากมีชีวิตคู่จังเลย คือต้องเสียสละได้ แต่ตอนนี้ฉันยังอยากนอนคนเดียว อยากเป็นเจ้าของเตียงคนเดียว ตื่นมาอยากจะทำอะไรเร็วๆ ทำอะไรก็ได้ ถ้าวันหนึ่งพร้อม ทุกอย่างประจวบเหมาะ มีคนคนนั้นแล้ว แล้วเราสองคนรู้สึกแบบนั้นแล้ว มันถึงเกิดการแต่งงานใช้ชีวิตคู่ร่วมกันได้